ตื่นแล้วเหรอ
เมื่อนัทธีได้ยินเสียงลูกสาวตะโกน ก้มไปมอง ก็เห็นดวงตากลมโตสีดำแวววาวคู่นั้นของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน
มองดูดวงตาที่กะพริบตาไปมาของสุขใจ โดยมีน้ำลายไหลออกมาเป็นฟอง จึงทำให้นัทธียิ้มเบาๆ“ตื่นแล้วจริงๆด้วย”
ไอริณหึๆอย่างภาคภูมิใจ “เป็นไอริณที่เห็นน้องตื่นนะคะ”
“ไอริณเก่งมาก และเป็นพี่สาวที่ดีมากๆ” นัทธีมองไอริณแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างรักใคร่เอ็นดูเหลือเกิน
อารัณหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาสองแผ่นแล้วยื่นให้นัทธี “ให้ครับคุณพ่อ เอาไปเช็ดปากให้น้องนะครับ น้ำไหลและฟองน้ำนมไหลออกมาอีกแล้วครับ”
“โอเค” นัทธีรับกระดาษทิชชู่จากลูกชายคนโต และเอ่ยชมลูกชายคนโต “อารัณก็เป็นพี่ชายที่ดีจริงๆ รู้จักดูแลน้องๆด้วย”
แม้อารัณจะเป็นมีความคิดโตเกินวัย แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ เมื่อได้ยินคำชมจากพ่อแม่ แก้มแดงด้วยความเขิน
เขายกแขนขึ้นมากอดอก แสร้งทำเป็นไม่สนใจ “ยังดีมั้งครับ”
นัทธียิ้มพลางส่ายหัว จากนั้นก็เอากระดาษทิชชู่มาเช็ดริมฝีปากให้สุขใจ
สุขใจยังเล็ก เพิ่งจะสามเดือนกว่า ยังไม่ถึงสี่เดือน
หากเปลี่ยนเป็นการเกิดของเด็กปกติแล้ว ก็คงจะยังอยู่ในท้องแม่ในตอนนี้
ดังนั้นอย่าว่าแต่ฟังเสียงโลกภายนอกเข้าใจเลย แม้แต่มองสิ่งของให้ชัดเจนก็คงยังไม่ได้
แต่ว่า นี่ก็ไม่สามารถขัดขวางความสุขของสุขใจได้
ตอนที่นัทธีเช็ดริมฝีปากให้เขา ริมฝีปากเล็กๆของเขาก็ยิ้มขึ้นมา
เมื่อนัทธีเห็นเช่นนี้ ม่านตาก็เบิกกว้างเล็กน้อยในทันที ใบหน้าที่เย็นชาอยู่เสมอ ได้แสดงออกให้เห็นถึงความตื่นเต้นเล็กน้อยที่มันพบยากนัก
“เมื่อกี้ สุขใจยิ้มเหรอ” นัทธีพูดอย่างดีใจ
ไอริณและอารัณพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
“ ใช่ค่ะยิ้ม ไอริณเห็นแล้วค่ะ น้องยิ้มแล้วจริงๆค่ะ”
“ ผมก็เห็นด้วยครับ” อารัณจับมือเล็กๆของสุขใจ “ น้องต้องรู้แล้วเเน่ว่าอีกสักพักก็จะได้เจอหม่ามี๊ จึงยิ้มดีใจออกมาครับ”
“ อารัณก็คิดว่าเป็นแบบนั้นค่ะ” ไอริณพูดอย่างเห็นด้วย “ เมื่อมาถึงที่ที่หม่ามี๊อยู่ น้องก็ตื่นทันที น้องต้องรู้ว่าจะได้เจอหม่ามี๊แล้วแน่เลยค่ะ”
“ พวกลูกพูดถูกแล้ว” นัทธีเอากระดาษทิชชู่ที่เช็ดให้สุขใจทิ้ง แล้วลูบใบหน้าเล็กๆของสุขใจอย่างเห็นด้วย “ เด็กมักจะรับรู้ได้ไวอยู่แล้ว สุขใจไม่เคยเจอหม่ามี๊พวกลูกมาก่อน เพราะฉะนั้น น้องคงอยากรีบเจอหม่ามี๊ของพวกลูกให้ไวๆ”
“ พวกเราก็อยากเจอหม่ามี๊ไวๆด้วยค่ะ” พูดแล้ว ไอริณก็ดึงแขนนัทธีเบาๆ “ คุณพ่อค่ะ พวกเรารีบลงจากรถแล้วเข้าไปกันเถอะค่ะ พวกเราอยากเจอหม่ามี๊แล้ว และสุขใจก็อยากเจอหม่ามี๊ด้วย หม่ามี๊ก็คงอยากเจอพวกเรา และอยากเจอสุขใจมากด้วยค่ะ”
“ ไอริณพูดถูกครับ พวกเรามาที่นี่ ก็เพื่ออยากทำเซอร์ไพรส์ให้หม่ามี๊ ให้หม่ามี๊รู้ว่าสุขใจออกมาแล้ว ต่อไปนี้ก็จะอยู่ด้วยกันกับพวกเรา ตอนนี้ผมอยากให้หม่ามี๊เจอสุขใจไวๆครับ หม่ามี๊เจอสุขใจแล้ว ต้องดีใจมากแน่นๆครับ” อารัณพูด
เมื่อเห็นลูกทั้งสองอยากรีบลงจากรถมากมายขนาดนี้ นัทธีก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง พยักหน้าตกลง “ โอเค งั้นก็เข้าไปกันเถอะ แต่ตอนนี้หม่ามี๊พวกลูกกำลังแข่งขันอยู่ พวกเราห้ามไปรบกวนหม่ามี๊นะ ตอนนี้ไปรอหม่ามี๊ที่ห้องพักก่อน รอหม่ามี๊เเข่งเสร็จแล้ว ค่อยไปเจอหม่ามี๊”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กสองคนที่ดูตื่นเต้นในตอนแรกกลับก้มหน้าอย่างผิดหวังทันที
“ หา ที่แท้หม่ามี๊ยังแข่งอยู่นี่เอง”
“ นี่ก็ช่วยอะไรไมได้แล้ว ใครให้พวกมาในเวลาที่เหมาะสมล่ะ” อารัณถอนหายใจพลางกางมือเล็กทั้งสองข้างออก
ไอริณเห็นเด็กน้อยที่มีฟองน้ำนมไหลออกมาจากริมฝีปากโดยไม่ร้องไม่โวยวายที่อยู่ในอ้อนแขนของนัทธี“ หนูยังอยากให้หม่ามี๊เจอสุขใจไวๆค่ะ”
“ ไม่เป็นไร รอหม่ามี๊แข่งเสร็จก่อนค่อยเจอก็เหมือนกันนะ” นัทธียื่นมือข้างหนึ่งออกมา โดยลูบปลอบใจลูกทั้งสองตามลำดับ
เด็กทั้งสองคนพยักหน้า “ คงต้องให้มันเป็นแบบนี้แล้วล่ะ”
นัทธีออกเอาออก “ มารุต พาคุณชายน้อยกับคุณหนูน้อยลงจากรถ ไปที่ห้องพักก่อน”
“ครับ” มารุตที่นั่งข้างคนขับผู้ที่ต้องค่อยเห็นครอบครัวนี้โชว์ความรักมาตลอดเวลาได้ไอเบาๆ แล้วตอบรับ
เมื่อกี้เขาเห็นครอบครัวของท่านประทานนั้นแสนสุข ในใจก็รู้สึกอิจฉาเหลือเกิน จึงแอบสาบาน ว่าหลังจากที่ตัวเองกับเชอรีแต่งงานกันแล้ว ก็จะมีลูกสามคน แล้วอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างมีความสุขเหมือนกับท่านประธาน คงมีความสุขน่าดูแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...