พงศกรไม่แม้แต่จะมองนวิยา ถอดถุงมือออกแล้วพูดว่า“ไม่เป็นอะไรมาก ทุกอย่างปกติ”
“งั้นก็ดี”วารุณีโล่งใจ
“ไปกันเถอะ ขั้นตอนต่อไปเป็นหน้าที่ของพยาบาล” พงศกรมองมาที่เธอ
วารุณีตอบกลับเสียงเบา แล้วเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยของนวิยาพร้อมชายหนุ่ม
ระหว่างทางกลับห้องตรวจ วารุณีก็ถามขึ้นว่า “นี่พงศกร คุณนวิยา จะหายเป็นปรกติเมื่อไร ?”
“เป็นห่วงเธอเหรอ?”พงศกรมือแตะปลายจมูกที่โด่งเป็นสัน ไม่ตอบแต่ถามกลับไป
วารุณียกยิ้ม “ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไร เห็นเธอเจ็บปวดแบบนี้ ก็รู้สึกน่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน”
“อันที่จริงเธอก็ฟื้นตัวได้เกือบจะหายแล้ว อีกสักพัก ก็กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้”พงศกรมือล้วงกระเป๋าชุดกาวน์แล้วตอบกลับไป
“งั้นก็ดีแล้ว!”วารุณีพยักหน้า “ฉันเคยแต่ได้ยินนายพูดถึงคุณนวิยา พอวันนี้มาได้เห็น เธอก็เป็นคนที่อ่อนโยนจริงๆ”
“อ่อนโยน?”พงศกรเลิกคิ้ว แววตาหลังเลนส์แว่น มีความเยาะเย้ยปรากฏ
วารุณีเอียงศีรษะหันมองไปที่เขา “ทำไม ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ”
“เปล่า”พงศกรส่ายหน้า
หลังจากนั้น วารุณีก็นั่งพักที่ห้องตรวจของเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กลับไป
กลับมาที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป หลังจากที่วารุณีนำแฟลชไดรฟ์ที่เก็บข้อมูลไปให้กับฝ่ายตัดเย็บเสื้อผ้า ก็เริ่มทำงานของตัวเองทันที
ตกบ่าย เธอก็ไปที่แฟชั่นพาวิลเลี่ยน ดูการซ้อมของเหล่านางแบบ ตลอดทั้งวัน ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด
ในตอนค่ำ วารุณีที่เพิ่งทำกับข้าวเสร็จ เสียงกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น
เธอวางกับข้าวลงบนโต๊ะ แล้วเช็ดไม้เช็ดมือไปบนผ้ากันเปื้อนที่สวมใส่อยู่ เดินไปตามทางเดิน
เปิดประตู เห็นชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู วารุณีดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ประธานนัทธี”
นัทธีตอบอืมกลับมาสั้นๆ แทนคำตอบ
วารุณีปล่อยมือออกจากลูกบิดประตู แล้วทำท่าเชิญชวน “ประธานนัทธีเข้ามานั่งข้างในก่อนค่ะ ”
“ไม่ละ ผมมาที่นี่แค่แวะมาเอาของ แล้วอยากจะถามว่าช่วงนี้คุณไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า ? ” นัทธีมองไปที่เธอ
วารุณีขมวดคิ้ว “หมายความว่าไงคะ?”
“การปล้นจี้เมื่อคืนมันมีการเตรียมการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่อุบัติเหตุ โจรที่วิ่งราวกระเป๋าเมื่อตอนบ่ายฟื้นแล้ว จากคำบอกเล่าของเขา มีคนเอารูปถ่ายของคุณให้เขาดู แล้วบอกว่าคุณอาจจะมีเงินติดตัวจำนวนมาก”
“เงินจำนวนมาก……”วารุณีพูดทวนคำเสียงเบา จากนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วกำมือแน่น
นัทธีเห็นท่าทีของเธอ ก็หรี่ตาลง “คุณรู้ว่าเป็นฝีมือใคร?”
“ค่ะ เป็นคุณขยานี”วารุณีพยักหน้า
เธอเล่าเรื่องที่เจอนางขยานีที่ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ให้ฟัง แต่ปิดบังเรื่องของปวิชเอาไว้
หลังจากที่นัทธีฟังจบ ก็เงียบไปพร้อมกับขบริมฝีปากแน่น
เขาไม่คิดว่า สาเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเธอเปิดเผยความลับของนางขยานี
จึงเป็นเหตุให้นางขยานีแค้นแล้วคิดเอาคืน
“คุณก็ช่างกล้า……”ริมฝีปากนัทธีขยับ คิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วมือถือของวารุณีก็ดังขึ้น ขัดจังหวะการพูดของเขา
วารุณีกล่าวขออภัยกับเขา แล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า ดูสายคนที่โทรเข้ามา แล้วกดรับสาย “ฮัลโหล ปาจรีย์ ”
“วารุณี เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ”น้ำเสียงที่ร้อนรนของปาจรีย์ดังขึ้น
ท่าทีของวารุณีก็จริงจังขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น?”
ปาจรีย์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง“เมื่อวานตอนเช้าเธอโอนเงินสามล้านมาให้ฉันใช่ไหม ดังนั้นตอนบ่ายฉันก็เลยสั่งซื้อเครื่องจักรมา วันนี้เครื่องจักรนั้นจัดส่งมาแล้ว แต่เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้า มีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาที่โรงงาน ทำลายเครื่องจักรนั้นจนพังเสียหายหมดแล้ว!”
“อะไรนะ?”วารุณีกำโทรศัพท์แน่น น้ำเสียงดังขึ้น
เมื่อนัทธีเห็น ปมหว่างคิ้วก็ผูกกันจนแน่น “เกิดอะไรขึ้น?”
วารุณีไม่ได้ตอบคำถามเขา ขบริมฝีปากแดงแน่นแล้วถามปาจรีย์ที่อยู่ในสายไปว่า “คนพวกนั้นเป็นใครมาจากไหน?”
“ฉันไม่รู้ แต่ดูจากลักษณะการแต่งกายของพวกเขาแล้ว ไม่น่าจะเป็นหน่วยงานหรือองค์กรอะไร” ปาจรีย์กล่าว
วารุณีหลุบตาลงแล้วครุ่นคิด “ไม่ใช่หน่วยงานหรือองค์กรอะไร งั้นก็คงเป็นพวกอันธพาล ปาจรีย์ ตอนนี้เธออยู่ไหน ?”
“ฉันอยู่ที่โรงงาน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...