พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 928

ถ้างั้นปาจรีย์ก็จะหลบหน้าพงศกร ถึงขั้นที่จะอยู่ให้ห่างจากพงศกร

ก็คงมีเพียงแบบนี้ ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะไม่หลงรักพงศกรอีกครั้ง

ยังไงซะเมื่อก่อนเธอก็เคยรักเขามาก ถ้าจะให้รักเขาใหม่อีกครั้งคงจะเป็นไปได้ยาก เพื่อที่เธอจะได้ไม่หลงรักเขาอีกรอบ ก็มีเพียงแค่อยู่ให้ห่างจากพงศกรเท่านั้น

ที่ปาจรีย์ทำแบบนี้ ไหนเลยจะไม่ใช่เพื่อปกป้องตัวเอง?

เธอลืมเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวกับพงศกรทิ้งทั้งหมด เธอไม่เข้าใจคนอย่างพงศกร ไม่รู้ว่าชายคนนี้ดีพอที่จะเชื่อใจได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ตกหลุมรักเขาง่ายๆ

เพราะเธอไม่รู้ว่า หลังจากที่เธอตกหลุมรักเขาอีกครั้งแล้ว เขาจะทำร้ายเธออีกครั้งหรือเปล่า

เธอโดนทำร้ายมาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะลืมเขาไป ปล่อยวางเขา เธอจึงสะกดจิตตัวเอง

ถ้าหากหลงรักเขาอีกครั้ง ก็จะโดยทำร้ายอีกรอบ เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตต่อไปอีกได้ไหม

ยังไงซะสำหรับปาจรีย์แล้วนั้น การตกอยู่ภายใต้กำมือของผู้ชายคนเดียวกันถึง 2 รอบติดนั้น เธอก็ไม่คิดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เธอจะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ทั้งๆ ที่รู้ว่าตรงนั้นคือกองเพลิง ทำไมถึงยอมกระโดดลงไปอีกครั้งกันล่ะ คนที่จะได้รับบาดเจ็บก็คือคนที่หาเรื่องในตัว

ใครๆ ก็พูดกันว่าการทำร้ายร่างกายของคนในครอบครัวหากมีครั้งที่หนึ่งแล้ว ก็ต้องมีครั้งที่สอง และครั้งถัดๆ ไปตามมา

เช่นเดียวกัน การทำร้ายคนคนหนึ่ง ยังไงก็ต้องมีครั้งที่สอง

เพียงแค่ปาจรีย์ยังคงยืนหยัดความคิดแบบนี้ต่อไป ก็จะไม่ตกหลุมรักพงศกรง่ายๆ อีก

ดังนั้นหากพงศกรอยากจะได้ใจเธอไปครองอีกครั้ง มันก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น ยังคงมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเดิน

รวมไปถึงการให้อภัยจากคุณอาและคุณน้าด้วย

เชื่อเถอะ ในอีกหลายปีข้างหน้า บางทีพงศกรก็ต้องวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวของปาจรีย์และตระกูลสวนจันทร์ก็นั่นแหละ

คิดแล้ว วารุณีก็ส่ายหัวแล้วหัวเราะน้อยๆ จากนั้นก็จับราวบันไดแล้วเดินขึ้นอาคารไป

ที่จริงเธอกะว่าจะไปถามความจริงกับลีน่า ถามเธอว่าแท้จริงแล้วส่งอะไรมากันแน่

ถ้าลีน่าไม่พูด ก็จะบังคับให้เธอพูด

แต่ตอนนี้ เธอก็ไม่มีอารมณ์แบบนั้นแล้ว

ทุกคนล้วนปิดบังเธอ คนที่พอจะเดาได้อย่างพงศกรก็ไม่ยอมบอก ทำให้เธอไม่อยากรู้อยากเห็นของในกล่องแล้ว

ยังไงซะความอยากรู้อยากเห็นก็คือความร้อน หากความร้อนคลายไป ทุกอย่างก็ไม่มีเหลือ

เธอกลับห้องไปพักผ่อนดีกว่า

วารุณีกลับมาถึงชั้น 3 เปิดประตูห้อง แล้วเดินเข้าไป

ภายในห้อง ชายผู้หนึ่งยังคงนั่งอยู่บนโซฟา บนตักมีแล็ปท็อปวางอยู่ กำลังกดแป้นพิมพ์ไปมา

พอได้ยินเสียงฝีเท้า ชายหนุ่มก็เอ่ยปากขึ้นโดยไม่เงยหน้ามองว่า “กลับมาแล้วเหรอ?”

“อืม” วารุณีพยักหน้า

ในที่สุดนัทธีก็ยอมเงยหน้าจากจอคอมขึ้นมา แล้วหันหน้าไปมองเธอ “ไปไหนมา?”

“ไปด้านล่างตึกมาน่ะ กะว่าจะถามลีน่าสักหน่อยว่าเธอส่งอะไรมากันแน่ เธอทำลับๆ ล่อๆ ก็แล้วไป คุณก็ทำตัวลับๆ ล่อๆ ตามไปด้วย ทำซะใจฉันคันยุบยิบๆ เลย ฉะนั้นเลยอดไม่ได้ที่จะไปหาเธอน่ะ”

“หืม? งั้นคุณถามเคลียร์รึยังล่ะ?” นัทธีถามอย่างเย้าแหย่

ในใจกลับชัดเจนแจ่มแจ้ง เธอต้องถามไม่ได้ความอะไรแน่ๆ

ถ้าถามแล้วได้ความ เธอคงไม่แสดงอาการแบบนี้หรอก แต่ควรที่จะหน้าแดง หูแดงถึงจะถูก

เป็นไปตามคาด หลังจากที่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม วารุณีมองบนไปทีหนึ่ง “ถ้าฉันถามได้ความแล้ว จะแสดงอาการเป็นแบบนี้ไหม?”

นัทธีหัวเราะเสียงต่ำ

วารุณีพูดอย่างหงุดหงิดว่า “พวกคุณปิดบังฉันต่อไปเถอะ คุณปิดบังฉัน ลีน่าก็ปิดบังฉัน แม้กระทั่งพงศกรยังไม่บอกฉันเลย! มันน่าโมโหจริงๆ!”

พอได้ยินถึงชื่อพงศกร รอยยิ้มบนหน้าของนัทธีก็จางหายไป “เขาก็รู้ด้วยเหรอว่าลีน่าส่งอะไรให้น่ะ?”

วารุณีตอบอืมมาคำหนึ่ง “เมื่อกี้ตอนฉันขึ้นมา บังเอิญเจอเขาที่บันไดพอดี เขาจะออกไปข้างนอก ดังนั้นเลยทักทายเขาไปสองสามประโยค พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาบอกว่าเขาเดาได้ว่าลีน่าให้อะไรฉันมา ฉันถามเขาแล้วแต่เขาก็ไม่บอก แล้วบอกว่าถ้าเขาพูดออกไปแล้ว คุณต้องไปสะสางบัญชีเขาแน่ๆ ”

ได้ยินดังนั้น ความไม่พอใจบนใบหน้าของนัทธีก็เลือนหายไป “นับว่าเขายังพอรู้เรื่อง”

เขาไม่ได้สงสัยเลยว่าพงศกรจะโกหก

ในความเป็นจริง พงศกรจะเดาออกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะยังไงของแบบนั้นก็เดาไม่ยากอยู่แล้ว

เพียงแต่วารุณี เธอนั้นไร้เดียงสามากเกินไปก็เท่านั้น ไม่เคยคิดไปถึงเรื่องแบบนั้น เพราะฉะนั้นเธอเลยเดาไม่ออก

หากเธอคิดถึงเรื่องแบบนั้นสักนิด เธอก็คงยังไม่งงเป็นไก่ตาแตกแบบนี้ ไม่รู้อะไรเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ