พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 7

เฟิ่งชิงหัวได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนตั้งแต่ต้นจนจบ และไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก เรื่องอย่างนี้เคยเห็นจนชินตาแล้ว

ตอนนี้เพิ่งจะมาอยู่ในจวนอ๋อง ยังขาดสาวใช้ที่จะทำงานบ้านอย่างพวกนางสองคนจริงๆ ใช้งานไปพลางๆก่อนแล้วกัน แม้ว่าจะสามารถให้ทางจวนอ๋องส่งสาวใช้มาให้ได้ แต่นางก็ยังชอบดูท่าทีของคนที่ไม่ชอบนาง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้

อาศัยจังหวะหลังจากที่กินอาหารค่ำเสร็จแล้วและสาวใช้ทั้งสองก็ยังทำความสะอาดเรือนอยู่ และคงจะไม่เสร็จง่ายๆ เฟิ่งชิงหัวแอบย่องออกนอกเรือนไปโดยไม่ให้ใครรู้ หลบหลีกองครักษ์ที่ลาดตระเวนและหน่วยรักษาการณ์ลับ ตรงไปยังเรือนที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

นางมีความสามารถในการควบคุมสัตว์ได้ การจะหลอกล่อให้งูที่ทั้งโง่และซื่อบื้อทั้งสองตัวพูดความจริงนั้นง่ายแสนง่าย บวกกับกลิ่นจางๆของยาชนิดนั้นได้ลอยมาจากทิศทางนั้น ขอบเขตจึงแคบลงไปมาก

ยิ่งเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้น กลิ่นของยาชนิดต่างๆที่ปะปนกันอยู่ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อดมดีๆแล้วก็รู้สึกแสบจมูกอยู่บ้าง

เฟิ่งชิงหัวแอบเข้าใกล้ห้องนั้นมากขึ้น แต่ไม่พบว่ามีคนอยู่ด้านใน จึงเดินเข้าไปข้างในอย่างเปิดเผย

นี่คือห้องหลอมยา กลางห้องได้วางเตาหลอมยาที่มีขนาดเท่ากับคนหนึ่งคนเอาไว้ ไฟในเตาลุกโชน

โต๊ะที่วางอยู่ทั้งสองข้างมียาสมุนไพรต่างๆวางอยู่มากมายไม่เป็นระเบียบ มุมหนึ่งก็มีหนังสือเปิดเอาไว้ ค่อนข้างสะดุดตา

เฟิ่งชิงหัวเดินเข้าไปดู บนหน้าหนังสือเป็นภาพยาที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ยานี้ไม่เลว เพียงแต่ขั้นตอนในการหลอมยุ่งยากมาก แค่เรื่องเวลาก็ต้องใช้หลายเดือนแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องระหว่างการหลอมยาจำเป็นต้องมีคนมาคอยเฝ้าสังเกตดูอยู่ตลอด

เฟิ่งชิงหัวหันไปมองเตาหลอมยาอีกครั้ง มุมปากเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ในเมื่อลูกหนี้ไม่อยู่ เช่นนั้นก็ดอกเบี้ยงไม่ก่อนแล้วกัน

เมื่อคิดเช่นนี้ ก็กวาดตามองยาสมุนไพรบนโต๊ะ หยิบขึ้นมาโยนเข้าไปสองสามอย่าง จากนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่นางจากมาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ก็ได้ยินเสียงปังดังสนั่นหวั่นไหวเกิดขึ้นทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ แรงกระแทกนั้นได้ทำให้ห้องนั้นพังถล่มลงมาทันที

ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เดิมทีอยู่ห่างจากประตูใหญ่ของจวนอ๋องไม่ไกลนัก เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเหล่าองครักษ์จะพากันมาอย่างรวดเร็ว

ใต้กระเบื้องที่แตกหัก มีชายหนุ่มที่สวมชุดยาวสีฟ้ากำลังดิ้นรนเพื่อปีนออกมา ชายหนุ่มผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบ พลางปีนออกมาพลางกัดฟันพูดว่า “ใคร ที่มันบังอาจมาโยนกำมะถันในเตาของข้า”

เหล่าองครักษ์ค้นหาจนทั่วทั้งจวนอ๋อง ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร

เช้าของวันที่สอง เฟิ่งชิงหัวลุกขึ้นจากเตียงด้วยอารมณ์แจ่มใส และไม่เห็นสาวใช้สองคนนั้น เมื่อคืนทำงานจนดึกดื่นค่อนคืน นางยังได้ยินเสียงบ่นเบาๆของเซียงเสว่ด้วย

เปิดประตูออก หญ้าในลานบ้านได้ถูกกำจัดจนสะอาดสะอ้านแล้ว แผ่นหินสีเขียวก็ถูกขัดจนกลับมาเป็นเหมือนเดิม สระน้ำที่อยู่ข้างๆกันนั้นก็เปลี่ยนถ่ายน้ำเสร็จแล้ว

เฟิ่งชิงหัวไปฝึกมวยในลานบ้านรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับเข้าไปในเรือน เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็มีคนมาถ่ายทอดคำสั่ง บอกว่าท่านอ๋องเรียกพบ อีกทั้งยังส่งชุดที่ดูงดงามมาให้ด้วย ดูก็รู้ว่าเป็นชุดสำหรับพระชายา

เฟิ่งชิงหัวสั่งให้สาวใช้ทั้งสองคนช่วยนางสวมใส่ชุดให้เรียบร้อยและเดินตามองครักษ์ที่รออยู่หน้าประตูไปยังเรือนหลัก

เฟิ่งชิงหัวเพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปในโถงด้านหน้าก็มีคนคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาหา เฟิ่งชิงหัวเคลื่อนเท้าเบาๆเพื่อเบี่ยงหลบ ก็เห็นว่าเป็นชายคนหนึ่งที่ผมเผ้ารุงรัง ใบหน้ามอมแมมราวกับลิงตัวหนึ่งกระโจนข้ามไปต่อหน้านาง

ได้ยินเพียงเสียงชายหนุ่มที่ด่าอย่างเกรี้ยวกราดว่า “นางปีศาจ เจ้าทำลายห้องยาของข้าใช่หรือไม่ แล้วยังวางยาพิษชั้นต่ำเช่นนี้กับข้าอีกด้วย”

พลางด่าพลางเกาหลังมือและแผ่นหลังของตนเองไม่หยุด ดูแล้วน่าขันยิ่งนัก

เมื่อมองดูอย่างละเอียด บนใบหน้าบนหลังมือมีตุ่มแดงๆผุดขึ้นมาไม่น้อย และเพราะเขาเกาจึงทำให้เกิดเลือดซิบออกมา

ได้ยินคำพูดนั้น เฟิ่งชิงหัวก็เอาสองมือกอดอก มองเขาอย่างรู้สึกสนุก “ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่โยนเจ้าตัวน่ารักเข้ามาในห้องของข้า ข้าก็แค่ปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนที่เจ้าทำกับข้า เจ้าหลบไม่พ้นนั่นก็เพราะทักษะของเจ้าน้อยกว่า ทำไมยังมีหน้ามาด่าคนอื่นอีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว