สายตาของหนานกงเยว่หลีตกลงไปบนร่างของเฟิ่งชิงหัว อยากจะมองให้ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วสตรีที่อยู่ตรงหน้านางนี่มีแผนอะไรกันแน่ ทว่าสายตาของนางเพิ่งจะตกลงบนร่างของเฟิ่งชิงหัว ดรุณีก็สัมผัสได้ทันที และลืมตาขึ้นมาสบตากับนาง
หนานกงเยว่หลีเก็บสายตากลับคืนมาทันที สิ่งที่ตนคิดอยู่ในใจถูกมองออก ทำให้รู้สึกทุลักทุเลและประหม่าขึ้นมา
เฟิ่งชิงหัวจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการกระทำเช่นนี้ของนางจะถูกผู้คนคาดคะเน เพราะไม่ว่าอย่างไรก่อนนี้ก็ได้ตัดความสัมพันธ์ไปแล้ว เดิมทีเรื่องของจวนเฉิงเซี่ยงก็ควรที่จะไม่เกี่ยวข้องกับนาง
แต่อย่างไรเสียนางก็ไม่ใช่หนานกงเยว่ลั่วตัวจริง คนจวนเฉิงเซี่ยงพวกนี้ ยกเว้นหนานกงจี๋คนอื่น ๆ ต่างก็ไม่มีความแค้นอะไรกับนาง นางทนดูพวกเขาตายอย่างอนาถโดยที่ไม่ทำอะไรไม่ได้ หากสามารถปกป้องเอาไว้ได้ยิ่งดี หากปกป้องเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ ก็นับว่าไม่ละอายแก่ใจ
นางไม่จำเป็นต้องไปอธิบายกับใคร นางแค่ไม่ให้ตนต้องละอายแก่ใจ รักษาปณิธานเดิมของตนเอาไว้ก็เพียงพอ
ใต้เท้าถังจากไปอย่างรวดเร็ว กลับมายิ่งเร็วกว่า
ประตูคุกถูกเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้ ให้ได้ชัดว่าใต้เท้าถังสุขุมกว่าครั้งที่แล้วมาก เห็นเพียงเขาได้ยกมือขึ้น และกล่าวกับเฟิ่งชิงหัว: “พระชายา พระองค์จะเป็นต้องขังเดี่ยว เชิญออกมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ท่าทีปกติที่แฝงไปด้วยความไม่ปกติเล็กน้อย แต่ก็เหมือนไม่มีอะไรแตกต่าง
เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้วมองเขา: “ทำไม ข้าอยู่ในขั้นนักโทษที่มีโทษหนัก จำเป็นต้องพักห้องเดี่ยวแล้วหรือ?”
ใต้เท้าถังขยับปาก แต่ก็ไม่ได้กล่าวอธิบาย
เฟิ่งชิงหัวครุ่นคิด: “แล้วพวกเขาเล่า?”
“พระชายาโปรดวางพระทัย ไม่มีคำสั่งจากเบื้องบน พวกเราจะไม่ใช้ทัณฑ์กับผู้ใดแน่”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า และก้าวเท้าเดินตามใต้เท้าถังไป
หลังจากที่ประตูคุกถูกใส่กลอนลงอีกครั้ง ฮูหยินเฉิงเซี่ยงก็สบถออกมาทันที
“ดัดจริตนัก เดิมทีพวกเราก็เพียงแค่ถูกคุมขัง นางกลับคิดว่าตนเป็นคนช่วยชีวิตจริง ๆ ก่อนไปยังจะเสแสร้งทำเป็นเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเรา พูดได้ว่าเป็นหญิงนางโลมแล้วยังอยากให้ตั้งอนุสรณ์สถานให้”
ในห้องขังที่อยู่ด้านข้าง หนานกงลู่ซิ่วมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของเฟิ่งชิงหัว แล้วหันกลับไปกล่าวกับท่านน้าสุ่ยผู้เป็นมารดา: “ท่านแม่ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีพี่สาวรองอยู่ พวกเราจะต้องไม่เป็นอะไรแน่”
“ตอนนี้คุณหนูรองถูกคุมตัวไปแล้ว คงจะไม่มีเรื่องอะไรนะ?”
หนานกงลู่ซิ่วส่ายศีรษะ: “ไม่หรอกค่ะ ความรู้สึกที่ท่านอ๋องเจ็ดมีต่อนางนั้นไม่ธรรมดา จะไม่ปล่อยให้นางทนรับความลำบากอยู่ที่นี่แน่”
นางมิได้โง่เขลาเหมือนอย่างหนานกงเยว่หลี ความน่ากลัวของท่านอ๋องเจ็ดนางเคยได้เห็นมาก่อน ชายผู้นั้นโหดเหี้ยมอำมหิต แต่วันนั้นได้ยินว่าพี่สาวรองเกิดเรื่อง ก็รีบตามไปในทันที โดยที่ไม่ลังเลเลยสักนิด บอกว่าเป็นเพียงการแสดงแต่ แต่มันไม่จำเป็นเลยสักนิด
พี่สาวรองจิตใจดีงาม จะต้องคิดหาวิธีปกป้องพวกนางแน่
เฟิ่งชิงหัวเดินตามใต้เท้าถังเลี้ยวมาถึงห้องขังที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ห้องขังทางด้านนี้มีสภาพแวดล้อมดีกว่าด้านนั้นไม่น้อย อย่างน้อยในอากาศก็ไม่มีกลิ่นอับชื้นกับกลิ่นคาวเลือด พื้นก็นับว่าสะอาด
หลังจากที่มาถึงห้องที่อยู่ด้านในสุด ใต้เท้าถังก็ได้ยกมือเป็นเชิงบอกให้นางเข้าไป
เมื่อเฟิ่งชิงหัวเดินเข้าไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยักคิ้ว และมองไปที่เขา: “ท่านมั่นใจหรือว่า ให้ข้าอยู่ที่นี่?”
ใต้เท้าถังพยักหน้า: “พระองค์อยู่อย่างสบายใจเถอะพ่ะย่ะค่ะ หากต้องการสิ่งใดก็บอกผู้คุม หากรู้สึกเบื่อ ก็ออกมาเดินเล่นได้ พวกเราจะไม่ใส่กลอนประตู”
กล่าวจบ ก็ได้พาคนออกไปทันที
เฟิ่งชิงหัวแจะปากเล็กน้อย แล้วหันกลับไปพิจารณาดูห้องขังที่ค่อนข้างพิเศษแห่งนี้
มีขนาดเท่า ๆ กับห้องในตอนแรก แต่เมื่อเทียบกับห้องขังที่สกปรกและไม่มีสิ่งของใด ๆ อยู่เลยแล้ว พูดได้ว่าที่นี่นับเป็นห้องที่ดีที่สุดของโรงเตี๊ยม
ผนังขัดจนสะอาดสะอ้าน พื้นถูกเช็ดถูจนสีเดิมกระเบื้องปรากฏของมันออกมา ของว่างและน้ำชาวางอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวหนึ่ง
ข้างในนั้นมีห้องแยกอีกห้องหนึ่ง คาดว่าจะเป็นห้องน้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...