พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ นิยาย บท 87

สรุปบท ตอนที่87หลบหนีจากเงื้อมือมาร: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ

สรุปเนื้อหา ตอนที่87หลบหนีจากเงื้อมือมาร – พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ โดย ฝูซูกงจื่อ

บท ตอนที่87หลบหนีจากเงื้อมือมาร ของ พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ฝูซูกงจื่อ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่87หลบหนีจากเงื้อมือมาร

จางอวี่โหร่วหยิกเข้าที่ต้นขาของตัวเองอย่างแรงพยายามที่จะเรียกสติของตัวเองเอาไว้มีเพียงการกระทำเช่นนี้เท่านั้นเธอจึงจะสามารถต่อกรกับเขาและหาโอกาสหลบหนีออกไปได้

“ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกเจ้าเรื่องร่วมหอกับท่านอ๋องชิงผิงไปแล้วและในตอนนั้นเจ้าก็เชื่อเรื่องนี้ตอนนี้ทำไมถึงรู้เรื่องนี้ได้?”จางอวี่โหร่วไม่เข้าใจเลยว่าเธอเผลอหลุดออกไปตอนไหนกันแน่

ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ในสายตาของเป่ยจื่อห้าวเธอก็เป็นเนื้อปลาบนเขียงรอให้เขามาบดละเอียดอยู่แล้วแม้จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังไปมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก

“เรื่องนี้จะต้องขอบคุณพี่น้องที่แสนดีของเจ้า!”

จางอวี่โหร่วออกแรงเม้มริมฝีปากแน่นภายในแววตาของเธอประกายความเยือกเย็นขึ้น

จ้าวซินซิน!

ในที่สุดเธอก็คิดออกแล้วครั้งนั้นเสี่ยวเฟิงบอกกับเธอว่าตอนที่เธอบาดเจ็บจ้าวซินซินได้เข้ามาดูแลเธอ

แม้ว่าเสี่ยวเฟิงจะบอกว่าคอยมองดูอยู่และพบว่าจ้าวซินซินไม่ได้ทำอะไรผิดแปลกไปหลังจากนั้นเธอก็รู้สึกไม่สงบใจมาตลอดแต่ก็คิดว่าตัวเองคงจะคิดมากไป

ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้วเธอก็ได้รู้ว่าเธอพลาดไปตรงไหน

จ้าวซินซินบ้านั่นหลังจากที่ได้รู้ความลับของเธอก็ไปบอกกับเป่ยจื่อห้าวในทันทีหลังจากนั้นก็วางแผนในวันนี้ขึ้นมาอีกทั้งยังเอาเรื่องการแต่งงานและตระกูลจางมาข่มขู่ทำให้เธอต้องมาในครั้งนี้อย่างช่วยไม่ได้

เธอตกหลุมพรางมาตั้งแต่แรกแล้ว

“เป่ยจื่อห้าวข้าขอเตือนเจ้าถ้าหากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้เพียงปลายเล็บข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไปแน่”

แต่ว่าการข่มขู่ของเธอนั้นไม่ได้มีผลใดๆในสายตาของเป่ยจื่อห้าว

“อีกไม่นานเจ้าก็จะต้องร้องขอข้าแล้ว”เขาจับมือที่พยายามขัดขวางของเธอเอาไว้อย่างง่ายดายจากนั้นก็ดึงตัวเธอเข้าสู่อ้อมอกและเริ่มที่จะเอาเปรียบเธอ

ฤทธิ์ยาเริ่มออกอาการหนักขึ้นแม้ว่าจางอวี่โหร่วจะพยายามควบคุมตัวเองเท่าไหร่แต่ก็ไม่อาจจะยับยั้งความร้อนที่เกิดขึ้นในร่างกายได้เลย

ตอนนี้ใบหน้าเล็กของเธอแดงก่ำและลมหายใจก็เริ่มถี่ระรัว

ไม่ เธอไม่อาจจะถลำลึกลงไปเช่นนี้ได้ไม่มีทาง!

เธอกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงเล็บของเธอจิกลงไปในฝ่ามือ

แต่ว่าร่างกายของเธอร้อนขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกเวียนศีรษะก็ทวีคูณขึ้นในทุกทีดูเหมือนว่าเธอจะฟื้นทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ไม่ได้เธอจะต้องยื้อเวลาเอาไว้ขอเพียงทนได้ถึง1ชั่วยามเมื่อพวกหลินจื่อเห็นว่าเธอไม่ออกไปก็จะต้องเข้ามาช่วยเธอแน่

หรือบางทีตอนนี้เธออาจจะต้องวิ่งออกไปเพื่อช่วยเหลือตัวเอง

แม้ว่าฤทธิ์ยาจะแสดงอาการออกมาแล้วแต่ว่าความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวของคนเรานั้นไร้ขีดจำกัดโดยเฉพาะในตอนที่กำลังเผชิญหน้ากับอันตรายสัญชาตญาณจะปลุกระดมความสามารถที่ซ่อนอยู่ให้ปรากฏออกมาและกำลังของจางอวี่โหร่วที่คอยพยุงจิตใจก็คือความโกรธแค้นของเธอ

หากยังไม่ได้แก้แค้นเธอจะตกลงไปในมือของคนชั้นต่ำได้อย่างไรเธอไม่อาจปล่อยให้เขาทำได้สำเร็จ

จางอวี่โหร่วดึงปิ่นปักผมบนศีรษะลงมาจากนั้นก็ปักมันลงไปที่แขนของตัวเองความเจ็บปวดทำให้สติของเธอฟื้นกลับมาในที่สุด

เป่ยจื่อห้าวมองดูการ“ทรมานตัวเอง”เช่นนี้ของเธอและรู้สึกเพียงขบขันเธอคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถยับยั้งความต้องการในร่างกายได้ง่ายๆหรือ?มันไม่อาจเป็นไปได้อีกสักพักเธอก็จะต้องร้องไห้อ้อนวอนเขา

เพียงทีอาจจะเป็นเพราะคิดว่าจางอวี่โหร่วดื่มสุราที่ผสมยาปลุกอารมณ์เข้าไปเดิมทีก็เป็นลูกไก่ในกำมือของเขาเขาจึงปล่อยวางใจ

ในตอนนั้นเองเธอขยับถอยหลังไปหลายก้าวอยู่ๆเธอก็ใช้ถุงกระดาษที่กำแน่นในมือตบใส่เขาจนมันกระจายไปทั่วตัวของเป่ยจื่อห้าว

มันคือ.......ผงพริก!

ให้ตายเถอะเป่ยจื่อห้าวหลับตาลงทันทีที่ได้สติแต่มันก็สายเกินไปแล้ว

ยังคงมีเศษผงบางส่วนเข้าไปในดวงตาของเขาและแสดงความเจ็บปวดแสบร้อนออกมา

จางอวี่โหร่วรู้ดีว่าวันนี้ตัวเองจะต้องมาพบกับหมาป่าตัวหนึ่งเธอจะไม่เตรียมการอะไรมาเลยได้อย่างไร

เธออาศัยโอกาสตอนที่เป่ยจื่อห้าวกำลังขยี้ตากลับตัวหลบหนีออกมา

สวนดอกท้อแห่งนี้ใหญ่มากและตอนนี้พวกเธอก็อยู่ที่ส่วนลึกของสวนดอกท้อและเธอก็ยังไม่แน่ใจเรื่องทิศทางนัก

แต่ว่าตอนนี้เธอไม่อาจจะสนใจอะไรได้นักความคิดเดียวที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอก็คือเธอจะต้องวิ่งหนีไป

เดิมทีผงพริกนั่นก็ไม่อาจจะรับมือได้นานนักไม่นานเป่ยจื่อห้าวก็ตามมาเธอได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความโมโหจากทางด้านหลังแล้ว

ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรงแต่ก็ยังคงดึงดันวิ่งออกไปด้านหน้าสุดชีวิต

“อ๊ะ!”จางอวี่โหร่วส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ตัวของเธอจะล้มลงไปที่พื้น

เธอหันหน้าไปมองบริเวณเมื่อสักครู่แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีอะไร ทำไมเธอถึงสะดุดก้อนหินล้มลงได้?

แต่เมื่อสักครู่เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างโดนเข้าที่ขาของเธอดังนั้นเธอถึงได้ล้มลงไปหรือว่าไม่ใช่ก้อนหินกัน?

ไม่นานนักเธอก็ไม่อาจคิดวิเคราะห์เรื่องนี้ได้ทันแล้วเพราะว่าเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

จางอวี่โหร่วกัดฟันอยากจะลุกขึ้นมาแต่ว่าเมื่อสักครู่เธอล้มลงไปอย่างรุนแรงทำให้เข่าของเธอปวดแสบข้อเท้าก็พลิกไปเมื่อลุกขึ้นมาก็ต้องล้มลงไปที่พื้นอีกครั้ง

ภายในทิวเขาต้นท้ออันแสนงดงามถูกสร้างที่หอคอยเล็กๆเอาไว้ประปราย

หอคอยเหล่านี้ต่างก็ถูกสร้างอยู่บนผืนน้ำบริเวณโดยรอบถูกล้อมเอาไว้ด้วยแม่น้ำและทิวเขาดุจดั่งกวี หากว่าผู้คนได้อาศัยอยู่ภายในก็จะได้รับความรู้สึกแสนโอ่อ่า

“ตอนนี้ภายในห้องหนึ่งของหอคอยมีเสียงร้องครางเจือปนไปด้วยความเจ็บปวดของหญิงสาวดังออกมาเบาๆทำให้คนยากที่จะจินตนาการว่าตอนนี้เธออยู่ในสถานการณ์เช่นไร

ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียงสวมชุดสีขาวเบาบางปกปิดเรือนร่างสูงโปร่งของเขาเอาไว้มงกุฎหยกสูงสง่าเรือนผมดำขลับกระจายลงมาถึงเอวดุจน้ำตกทุกการเคลื่อนไหวแฝงเสน่ห์ที่สูงเกินผู้ใดออกมาใบหน้าของเขางดงามจนทำให้สิ่งอื่นมัวหมองไป

เพียงแต่ในตอนนี้เรือนคิ้วที่งดงามของชายผู้นั้นกำลังขมวดเข้าหากันเล็กๆภายในสายตาของเขาเจือไปด้วยความห่วงใยยามมองไปยังบุคคลบนเตียงหญิงสาวที่แม้จะสลบไปแต่ใบหน้ากลับแดงก่ำอีกทั้งยังเปียกชุ่มด้วยเหงื่อไปทั้งกาย

ในที่สุดเขาก็อดเอ่ยถามออกมาไม่ได้:“นางเป็นอย่างไร?”

“ยาร่วมรัก”ชายสวมหน้ากากสีเงินครึ่งหน้าที่กำลังตรวจวัดชีพจรให้เธอพูดขึ้นเรียบๆ

“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเจ้ายังไม่รีบช่วยนางอีกตอนนี้นางทรมานมาก!”

“ช่วย?”ชายสวมหน้ากากสีเงินพูดพึมพำซ้ำไปมาภายในแววตาของเขาเกิดความอบอุ่นเจือจางขึ้นมาในทันที“องค์ประมุขท่านจะให้ข้าช่วยนางอย่างไร?”

ยาร่วมรักไม่ใช่ยาพิษเดิมทีมันก็ไร้หนทางแก้ถ้าหากภายใน3ชั่วยามไม่ได้มีความสัมพันธ์กับชายใดเส้นเลือดในกายก็จะขยายออกจนแตกตาย

ยังไม่ต้องไปพูดถึงว่าเขาไม่อาจไปแตะต้องหญิงสาวของตระกูลจางเพียงแค่ความสัมพันธ์ขององค์ประมุขกับเธอจะให้เขาทำเรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เหมาะสม

“หากให้ข้าว่าเมื่อสักครู่ท่านไม่ควรช่วยนางมาแม้ว่านางจะตกอยู่ในกำมือของชายผู้นั้นแต่ก็ไม่ถึงกับเสียชีวิตไปตอนนี้ก็ได้แต่สร้างความเดือดร้อนแก่ตนปล่อยให้นางเป็นไปตามที่ควรจะเป็นเถอะ”

“ออกไป!”ตอนนี้ใบหน้าที่งดงามหาใครเทียบของชายชุดขาวปรากฏความเยือกเย็นขึ้นมาน้ำเสียงของเขาเรียบเย็นไปถึงกระดูกแม้ว่าจะพูดออกมาเพียงสั้นๆแต่กลับดูราวกับพ่นสะเก็ดน้ำแข็งออกมา

“อะไรนะองค์ประมุขท่านคงไม่ได้คิดจะ.......”

มันคงจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิดใช่หรือไม่?เรื่องเช่นนี้จะให้องค์ประมุขลงมือทำเอง?และที่สำคัญเดิมทีหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติพอไม่ได้ควรค่าเลยแม้แต่น้อย

“ยังไม่ออกไปอีกหรือว่าจะต้องให้ข้าตบเจ้าออกไป”

“มิต้องข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้”ในเวลาแบบนี้เขาก็ควรจะพูดจารู้เรื่องเสียหน่อย

แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับที่เขาจะทำเรื่องนี้แต่ว่าสำหรับความคิดของพี่น้องคู่นั้นแล้วเขาก็ถือว่าใจดีมากแล้ว

เฮ้อ......ถ้าหากถูกพวกเขารู้เข้าไม่รู้ว่าจะวุ่นวายไปถึงขนาดไหน

ไม่สิตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมากังวลเรื่องพวกนี้คนที่ซวยควรจะเป็นพวกเขาจึงจะถูกเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำตัวเองเขาจะไปกังวลเรื่องนี้ทำไม

แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เขาจากออกมาแล้วชายชุดขาวก็มองไปยังหญิงสาวที่“ใกล้จะถึงจุดจบ”อย่างเห็นได้ชัดภายในแววตาของเขาประกายความซับซ้อนออกมาและยัง......ผสมเจือปนไปด้วยความอ่อนโยนที่ยากจะเข้าใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ