โชคดีเพียงอย่างเดียวคือ บอดี้การ์ดเหล่านี้ไม่มีอาวุธอยู่ในมือ
หมู่บ้านหมิงเจียหุ้ยนั้นเป็นเขตพื้นที่ระดับสูง พวกเขาคือบุคคลภายนอก เมื่อคนจำนวนมากเข้ามาพร้อมกันเป็นปกติที่จะต้องถูกตรวจสอบ อีกทั้งหลิวโป๋ฮุ่ยก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดการต่อสู้ขึ้น
ความคิดของเขานั้นง่ายมาก ที่พาคนมาด้วยมากมายขนาดนี้ เป้าหมายเพียงอย่างเดียวก็คือต้องการทำให้ตกใจกลัว ! ทำให้ไอ้ลูกผู้หญิงสำส่อนไม่เจียมตัวอย่างฉินเฟยรู้จักความแตกต่างระหว่างเขา ฉินเฟยจะไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากคุกเข่าร้องขอความเมตตา จากนั้นก็จะถูกลูกน้องของเขาจัดการ
แต่ไม่ว่าฉินเฟยและเสิ่นเจียเหวินจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน นี่เพียงพอที่จะทำให้เขามองเห็นระยะห่างของทั้งสองฝ่าย และอีกเป้าหมายหนึ่งก็เพื่อที่จะแสดงให้เสิ่นเจียเหวินรับรู้ว่า ถ้าฉันสั่งเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมเชื่อฟัง ก็จะต้องยอมรับกับผลกระทบที่เกิดขึ้น !
แต่หลิวโป๋ฮุ่ยจะรู้ที่ไหนล่ะว่าฉินเฟยนั้นดุร้ายขนาดนี้ !
ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อวานพวกเขาได้เผชิญหน้ากันแล้ว ด้วยร่างกายที่อ้วนท้วมของหลิวโป๋ฮุ่ย แม้แต่เด็กหนุ่มก็สามารถเตะเขาล้มได้
เพียงพริบตาเดียว ทางเข้าที่ไม่กว้างนักของหมู่บ้านหมิงเจียหุ้ย ก็ถูกฝูงชนรายล้อมอย่างหนาแน่น จากนั้นได้มีเสียงร้องโหยหวนและเสียงอู้อี้ด้วยความเจ็บปวดดังออกมาเป็นระยะ ๆ เกิดเป็นการต่อสู้ขึ้น
ด้านบนตึก มีหน้าต่างเปิดออกมาเป็นระยะ ๆ ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างพากันโผล่หน้าออกมาดู และคนที่ไม่ได้รีบร้อนไปทำงานก็ค่อย ๆ หยุดดูเช่นกัน
ไม่ว่าจะที่ไหน ก็ไม่เคยขาดคนชอบดูความครึกครื้นเลย ถึงขนาดว่ามีหลายคนหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป
ตอนนี้เป็นสังคมที่มีกฎหมาย สำหรับคนทั่วไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงพื้นที่ระดับสูง ทั่วทั้งซงไห่ยังยากที่จะได้เห็นภาพการต่อสู้ขนาดใหญ่แบบนี้ !
นอกจากคนที่มามุงดูแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน พวกเขามีการติดต่อกันภายใน เพียงไม่นานก็สามารถเรียกรวมพลในหมู่บ้านใกล้ ๆ ได้แล้วเจ็ดแปดคน แม้ว่าในมือของพวกเขาจะถือกระบองยางไว้ แต่เมื่อเห็นการต่อสู้นี้เข้า กลับไม่มีสักคนที่กล้าเข้าไปห้ามปราม
หลิวโป๋ฮุ่ยคิดว่ามีคนคอยปกป้องตนเองอยู่ จึงไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น เรื่องวุ่นวายมาจนถึงขนาดนี้ เขาไม่มีทางปล่อยไว้อย่างนี้แน่ เมื่อเห็นว่าลูกน้องของตนล้อมรอบฉินเฟยไว้แล้ว เขาก็เบาใจลงทันที ตะโกนออกไปด้วยความลำพองว่า “ไอ้เวรเอ้ย จัดการมัน จัดการไอ้ลูกผู้หญิงสำส่อนนี่ให้ตาย ให้มันพิการไปเลย !”
แน่นอนว่าฉินเฟยไม่มีทางเข้าไปใกล้หลิวโป๋ฮุ่ยได้ บอดี้การ์ดเหล่านี้แม้จะมีพลังด้อยกว่าเขา แต่พวกเขาก็ไม่ใช่อันธพาลที่อยู่ข้างถนน แต่เป็นมืออันธพาลของจริง
ฉินเฟยนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีทางเกินขอบเขตของคนธรรมดาได้ ย่อมไม่มีความสามารถเพียงพอจะจัดการกับนายพลท่ามกลางกองทัพศัตรูนับหมื่นได้
นั่นเป็นเหตุผลที่จู่ ๆ เขาก็มุ่งเป้าไปที่หลิวโป๋ฮุ่ย ตั้งใจเพียงแค่อยากลากเขาเข้ามาพัวพัน โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่หลิวโป๋ฮุ่ยร้องตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว ทำให้เหล่าอันธพาลเสียสมาธิ กลัวว่าจะเผลอทำร้ายหลิวโป๋ฮุ่ยเข้าอีก
การต่อสู้กินเวลาต่อเนื่องกันห้าถึงหกนาที
ทุกครั้งที่ฉินเฟยใช้ฝ่ามือฟาดลงจุดสำคัญต้องมีคนล้มลงไปนอนเสมอ
ขณะที่หลิวโป๋ฮุ่ยกำลังกรีดร้องอยู่นั้น เพียงแค่ห้านาที เหล่าอันธพาลเกือบสามสิบคนก็ล้มลงไปนอนร้องครวญครางกับพื้น
อย่ามองแค่ว่าฉินเฟยไม่มีอาวุธเหมือนกัน มือและเท้าของเขามีพลังโจมตีอันรุนแรง แม้ว่าอันธพาลเหล่านั้นจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ แต่เมื่อถูกฉินเฟยต่อยเข้า ต่อให้ไม่มีเลือดออกมา แต่พลังต่อสู้ของพวกเขาก็หายไปแล้วมากกว่าครึ่ง
ทั้งหมัด ศอกของฉินเฟย ลูกเตะ หัวเข่า ถูกใช้ออกจนฟ้าดินสะเทือน คนที่อยู่รอบ ๆ ส่งเสียงร้องอุทานออกมาเป็นระยะ ๆ ถึงขนาดว่ามีคนที่อยู่ด้านบนจำนวนมากที่มองดูความครึกครื้นด้านล่าง ยังถ่ายวิดีโอเก็บเอาไว้
แต่ในตอนนี้ ร่างของฉินเฟยไม่ได้มีเพียงแค่รอยเท้าจำนวนมากเท่านั้น ที่ลำคอของเขาเองก็เกิดรอยช้ำขึ้น ขนาดเกิดรอยเลือดซึม ภายใต้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
แต่ว่า เหล่าบอดี้การ์ดต่างก็ค่อย ๆ ล้มลงไปทีละคน ๆ มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิ
บอดี้การ์ดที่หลงเหลือกันอยู่เจ็ดคน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นี่ใช่คนจริง ๆ หรือ ? เขาจัดการคนสามสิบคนด้วยตัวคนเดียว ?
เมื่อมองไปยังพรรคพวกเดียวกันที่นอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น โดยเฉพาะหนึ่งในนั้นที่แขนบิดหัก นอนร้องชักกระตุกอยู่ พวกเขาต่างก็มองหน้ากัน ทำได้เพียงอยู่ข้างกายหลิวโป๋ฮุ่ยคอยปกป้องเขาเท่านั้น
“เวรเอ้ย พวกแกจะมาอยู่ข้างฉันทำไม ไปจัดการมันสิ มันใกล้จะไม่ไหวแล้ว พวกแกไปจัดการมันเลย !” หลิวโป๋ฮุ่ยลุกขึ้นอย่างสั่นเทา ภาพอันน่าเวทนาตรงหน้าทำให้เขาตกใจ ความรู้สึกโมโหแผ่ซ่านออกมา ถีบเข้าที่หลังของบอดี้การ์ดคนหนึ่งอย่างแรง
ฉินเฟยหายใจเหนื่อยหอบราวกับที่สูบลม แม้ว่านี่จะเป็นการต่อสู้เพียงไม่กี่นาที แต่เส้นประสาทของเขากลับตึงเครียดอยู่ตลอด ทำให้ยิ่งต้องอดทนมากขึ้น ไม่ว่าจะต่อยเตะออกไปกี่ครั้ง เขาก็ไม่สามารถล้มลงได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนจำนวนมาก หากเขาล้มลงล่ะก็ พวกเขาจะต้องกรูเข้ามาพร้อมกันแน่ และเขาก็จะไม่มีโอกาสพลิกตัว การต่อสู้อันดุเดือดในห้านาทีนี้ ทำให้เขาเหนื่อยจนแทบทรุด เมื่อได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโมโหไม่ยินยอมของหลิวโป๋ฮุ่ย เขาก็ค่อย ๆ หันกลับมา
ชายที่ถูกหลิวโป๋ฮุ่ยถีบเมื่อสักครู่ ร่างกายที่สั่นเทาคิดจะพุ่งเข้าจู่โจมกลับแข็งทื่อกะทันหัน
ทว่า ฉินเฟยเริ่มลงมือแล้ว !
เขาเหมือนกับเครื่องจักรที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ดวงตาสีแดงราวกับสัตว์อสูร เขาสาวเท้าเข้ามา ความเร็วไม่ลดลงแม้แต่น้อย กระโดดกระแทกเข่าเข้าที่หน้าอกของบอดี้การ์ดคนนั้นอย่างโหดเหี้ยม
บอดี้การ์ดกรีดร้องออกมาด้วยความสยดสยอง ร่างลอยกระเด็นออกไป ลงไปนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น
บอดี้การ์ดหกคนรอบกายหลิวโป๋ฮุ่ยได้เห็นฉากนี้เข้า ก็ตกใจกลัวเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา)