ฉู่โม่หยวนเหลือบมองหลี่เล่อหย่าด้วยสายตาที่เรียบเฉย จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เมื่อครู่นี้เพิ่งมีคนตำหนิเครื่องแต่งกายของเมิ่งหวันพ่ะย่ะค่ะ ลูกเลยสั่งให้ลงโทษพวกนางไปแล้ว”
“เสวียนยี เอาตัวไป อย่าให้มารบกวนพระทัยของเสด็จพ่อเสด็จแม่”
สวี่ซื่อตื่นตระหนกสุดขีดจนไม่สนใจกฎเกณฑ์อีกต่อไป นางกอดหลี่เล่อหย่าไว้แน่นและหันไปร้องห่มร้องไห้เอ่ยกับฮ่องเต้และฮองเฮาว่า “ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย ฮองเฮาโปรดอภัยด้วย ขอฮ่องเต้กับฮองเฮาโปรดยกโทษให้เด็กน้อยด้วยเถิดเพคะ!”
พระขนงของฮองเฮาขมวดขึ้นมาเล็กน้อยจนยากจะสังเกต ในขณะที่ฮ่องเต้ตรัสอย่างเคร่งขรึมว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ใบหน้าของสวี่ซื่อเต็มไปด้วยคราบน้ำตา และนางก็ไม่สนกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้น
ยังไม่ทันที่ฉู่โม่หยวนจะตอบ นางก็คุกเข่าคลานไปข้างหน้า “ฝ่าบาท ฮองเฮา เด็กน้อยผู้นี้ไม่รู้ว่าชุดที่คุณหนูหลินสวมมาวันนี้เป็นชุดที่จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงประทานให้ ทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นของขวัญจากฮ่องเต้กับฮองเฮา นาง... นางแค่คิดว่าชุดนี้ค่อนข้างเปิดเผยเกินไปและไม่เหมาะสม ดังนั้น... ดังนั้นจึงเตือนคุณหนูหลินไปนิดหน่อยเพคะ”
“เด็กน้อยผู้นี้ปากมาก สมควรถูกลงโทษ แต่จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงคิดจะส่งนางไปที่หอนางโลม ฮึกๆ ฮือ...” เฉิงเซี่ยงฮูหยินสวี่ซื่อร้องไห้อย่างกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ต่อมาก็ยิ่งสะอื้นไห้หนักขึ้นอีก
“ฝ่าบาท ฮองเฮา เด็กคนนี้ไม่ได้เจตนาจริงๆ เพคะ ขอฝ่าบาทกับฮองเฮาโปรดไว้ชีวิตเด็กผู้นี้ด้วย!”
สวี่ซื่อคุกเข่าลงกับพื้นและสะอื้นไม่หยุด
ตอนนี้นางกังวลสุดขีด นึกเกลียดทั้งหลินเมิ่งหวันและฉู่โม่หยวน
เหตุใดฉู่โม่หยวนกับหลินเมิ่งหวันจึงไม่บอกตั้งแต่แรกว่าชุดนี้เป็นของขวัญจากฮ่องเต้และฮองเฮา จงใจรอให้หลี่เล่อหย่าพูดเรื่องไม่เหมาะสมเช่นนี้ออกมาเอง นี่มันมีเจตนาร้ายชัดๆ
แต่ที่นางเกลียดยิ่งกว่ากลับเป็นฉีซือเหมี่ยว
ฉีซือเหมี่ยวกับหลี่เล่อหย่าคบหากันมาหลายปี แต่ฉีซือเหมี่ยวกลับคิดจะให้หลี่เล่อหย่าเป็นหนังหน้าไฟ เฉิงเซี่ยงฮูหยินยกโทษให้นางไม่ได้จริงๆ
ดังนั้นที่นางอ้อนวอนไปเมื่อครู่นี้นางจึงไม่ได้สนใจฉีซือเหมี่ยวเลย
ฮองเฮาทรงขมวดพระขนงมองหลินเมิ่งหวันอย่างไม่พอพระทัย
เป็นหลินเมิ่งหวันอีกแล้วที่ก่อเรื่อง!
พระนางไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฮ่องเต้ พระองค์จึงได้เลือกหลินเมิ่งหวันมาเป็นจิ่งหวังเฟย แม้แต่ฉู่โม่หยวนเองก็เห็นด้วยและหลงใหลแม่สาวน้อยหลินเมิ่งหวันผู้นี้มาก!
ฮ่องเต้ประหลาดใจเมื่อได้ยินดังนั้น พระองค์มองฉู่โม่หยวนพลางขมวดคิ้วและตรัสว่า “หยวนเอ๋อร์ ในเมื่อทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ เจ้าลงโทษเช่นนี้จะไม่หนักไปหน่อยหรือ”
ฉู่โม่หยวนเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงว่า “ลูกเข้าใจเรื่องการกระทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจดีพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่คุณหนูหลี่กับฉีซือเหมี่ยวไม่เพียงแต่ด่าประจานเมิ่งหวัน แต่พวกนางยังสงสัยในพระประสงค์ของเสด็จพ่ออีกด้วย”
“พวกนางทั้งสองคนได้กระทำการดูหมิ่นอย่างร้ายแรงใหญ่หลวง ลูกลงโทษพวกนางแค่นี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าของหลี่เฉิงเซี่ยงกับหมอหลวงฉี ถ้าจัดการตามกฎหมายจริงๆ เกรงว่าลงโทษแค่นี้จะยังน้อยไปพ่ะย่ะค่ะ”
สวี่ซื่อใจหายและรีบเอ่ยว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยตรัสเกินไปเพคะ เล่อหย่าไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการดูหมิ่นฝ่าบาทเลยแม้แต่น้อย”
“งั้นหรือ” ฉู่โม่หยวนหัวเราะเยาะ สายตาที่เฉียบคมของเขาทำให้สวี่ซื่อรู้สึกชาไปทั้งหนังศีรษะ “เจ้าหมายความว่า ข้าใส่ร้ายเจ้าผิดๆ งั้นสิ”
สวี่ซื่อตัวสั่นเทา “หม่อมฉันมิกล้า!”
ฉู่โม่หยวนกวาดสายตามองทุกคน “สิ่งที่คุณหนูหลี่กับคุณหนูฉีพูดก่อนหน้านี้ ทุกคนในที่นี้น่าจะได้ยินกันชัดเจนหมดแล้ว ทำไมทุกคนไม่บอกมาเลยล่ะ ว่าตกลงแล้วข้าใส่ร้ายพวกนางผิดๆ จริงหรือไม่”
ทุกคนรีบก้มหน้า ไม่มีใครกล้าเอ่ยขึ้นมาในเวลานี้
หากช่วยหลี่เล่อหย่าก็จะเป็นการทำให้ฉู่โม่หยวนขุ่นเคือง แต่ถ้าช่วยเป็นพยานให้ฉู่โม่หยวนก็จะเป็นการทำให้หลี่เฉิงเซี่ยงขุ่นเคือง
เวลานี้ทำตัวให้เล็กได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก