น้ำเสียงของชูยียีอ่อนโยนและยิ้มน้อยๆกำลังดี ไม่กระตือรือร้นมากเกินไปแต่ก็ไม่ทำให้คนรู้สึกห่างเหินแม้แต่น้อย
หลินเมิ่งหวันรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยไม่เคยคิดว่าชูยียี จะทักทายนาง
แต่หลินเมิ่งหวันยังคงยิ้มและพยักหน้าให้ชูยียี “แม่นางชูก็มาเลือกซื้อเสื้อผ้าด้วยหรือ”
หลินซิงโหรว รู้สึกหงุดหงิดทันที “หลินเมิ่งหวัน เจ้าคิดว่าตนยังก่อปัญหาไม่มากพอหรือ เป็นเจ้าที่ไร้ยางอาย อย่าลากพวกข้าลงไปด้วย!”
เสียงของนางไม่ได้เบาเลย ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างในทันที
แม้ว่าจางซื่อและสวีซื่อจะไม่พูด แต่ใบหน้าของพวกนางก็ไม่ได้สู้ดีนัก
ชูยียี ยิ้มเล็กน้อยราวกับว่าไม่สนใจสิ่งที่ หลินซิงโหรว กล่าว
นางมองไปที่หลินเมิ่งหวันและพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะสร้างปัญหาให้กับคุณหนูหลิน คุณหนูหลินข้าเลือกเสื้อผ้าเสร็จแล้วไม่รบกวนพวกท่านแล้ว เรื่องที่คุณหนูหลินเอ่ยกับข้า ข้ารู้สึกเรื่องสนใจเป็นอย่างยิ่ง หวังว่าเมื่อคุณหนูหลินมีเวลา พวกเราจะได้พูดคุยกันให้ละเอียดถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น”
แววตาของหลินเมิ่งหวันเป็นประกายพูดอย่างร่าเริง “ตกลง”
ชูยียีโค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน”
หลินเมิ่งหวันพยักหน้าและมองดูนางจากไป
หลินซิงโหรว ไม่พอใจอย่างมากคว้าแขนของหลินเมิ่งหวัน “เจ้ายังคิดที่จะพบนางอีกหรือ หลินเมิ่งหวัน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าจะทำลายให้พวกเราตายจริงๆใช่ไหม”
หลินเมิ่งหวันไปที่หอจุ้ยหงมาแล้วครั้งหนึ่งยังไม่พอ แต่ยังอยากจะพบกับ ชูยียี เป็นการส่วนตัวอีกหรือ
หลินซิงโหรวครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นร้อยเป็นพันครั้ง ทันใดนั้นก็คิดถึงความเป็นไปได้อย้างหนึ่ง
“หลินเมิ่งหวัน เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม เจ้าต้องการทำลายชื่อเสียงของตนเพื่อยกเลิกการหมั้นหมายของเจ้ากับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเช่นนั้นหรือ!”
“ตัวเจ้าอยากจะตาย มิต้องลากพวกเราไปด้วยได้หรือไม่!”
ทันทีที่นางพูดจบ ใบหน้าของหลินเมิ่งหวันก็เยือกเย็นทันที
ดวงตาของนางหรี่ลงอย่างไม่ปลอดภัย มองไปที่หลินซิงโหรวและพูดอย่างเคร่งขรึม “คำพูดเมื่อครู่ ข้าไม่อยากได้ยินอีกเป็นครั้งที่สอง”
หัวใจของ หลินซิงโหรว สั่นทอ นางรู้สึกหนาวยะเยือกที่กระดูกสันหลังโดยไม่ทราบสาเหตุ นิ้วชี้คลายออกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
หลินเมิ่งหวัน ดึงแขนของตนออก “วันนี้ทำให้ทุกคนหมดสนุกหลินเมิ่งหวันต้องขออภัยจริงๆ มิขออยู่ที่นี่สร้างปัญหาให้กับทุกคนอีก”
“ป้าสะใภ้ใหญ่ ป้าสะใภ้รองพวกท่านก็เลือกเสื้อผ้าเถิด ถือเสียว่าเมิ่งหวันเชื่อฟังพวกท่าน เมิ่งหวันขอตัวกลับจวนก่อนเจ้าค่ะ”
นางโค้งคำนับให้กับ จางซื่อและ จางซื่อและออกไปพร้อมกับ เจินจูและ เฝ่ยชุ่ยทันที
หลินเมิ่งหวันกระซิบกับ เฝ่ยชุ่ย “เจ้าจงไปนัดหมายกับชูยียีและขอให้นางมาพบข้าที่หอจุ้ยเซียน"
ชูยียีเพิ่งจากไป และตอนนี้นางยังสามารถตามทัน
เพียงแต่ชูยียีเป็นหญิงโคมเขียว หลินเมิ่งหวันรู้ดีว่าตนไม่ควรติดต่อนางอย่างโจ่งแจ้ง มิฉะนั้นนางคงไม่จ่ายเงินให้ สวีซื่อและ จางซื่อ เพื่อชดใช้โทษ
ก่อนที่เฝ่ยชุ่ยจะตอบ เจินจูก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “คุณหนูรอง ท่านยังต้องการพบนางอีกหรือเจ้าค่ะ”
หลินเมิ่งหวันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้า... ข้ากำลังทำเรื่องบางอย่างเพื่อจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย เจ้าเพียงแค่ไปนัดนางก็พอ”
เฝ่ยชุ่ย:!!!
เจินจู:!!!
จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยไปมาหาสู่ ชูยียี เพื่ออะไร
ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องของจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่หลินเมิ่งหวันจะไปมาหาสู่กับชูยียี!
อย่างไรก็ตามเฝ่ยชุ่ยครุ่นคิดเรื่องนี้ หลินเมิ่งหวันแอบติดต่อกับชูยียีอย่างลับๆ ดูเหมือนว่าจะดีกว่าการติดต่อของฉู่โม่หยวน กับ ชูยียี
อย่างไรเสียชูยียี ภายนอกสวยสะดุดตา...ท่าทางเจ้าเล่ห์เช่นนั้น เกรงว่าผู้ชายส่วนใหญ่คงมิอาจทนต่อรูปลักษณ์ที่ทรงเสน่ห์ของนางได้ไม่
ฉู่โม่หยวนพบกับชูยียีไม่บ่อยท่าจะดีกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก