ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 50

หลินซิงโหรวไม่อยากจะสร้างภาพจำแย่ๆ ไว้ในใจของฉู่โม่หยวน ดังนั้นจึงรีบร้อนคิดหาคำมาโต้แย้ง

ทว่าทันใดนั้นหลินเมิ่งหวันก็เงยหน้า เอ่ยราวกับกำลังครุ่นคิดว่า “มิน่าเล่าท่านพี่ซิงโหรวจึงอยากมาดูการแข่งโปโลร่วมกับเรานัก หรือว่าอยากจะมาขอกินชากับขนมของพวกเรา”

ฉู่โม่หยวนกำลังดื่มชา พอได้ยินแบบนั้นเขาก็แทบจะพ่นชาออกจากปาก

หลินเมิ่งหวันช่าง... พูดออกมาได้ทุกอย่างจริงๆ

หลินเมิ่งหวันเอ่ยอย่างสุภาพเป็นอย่างยิ่งว่า “พี่ซิงโหรว วันนี้แม่นางอู๋เป็นคนเตรียมชากับขนมไว้ทั้งหมด ท่านพี่ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก็กินได้ อยากกินอะไรก็กินได้เลย ท่านพี่ไม่ต้องกังวล”

“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร ข้ากังวลเรื่องนี้ที่ไหนกัน!”

หลินซิงโหรวหน้าแดง นึกอยากจะฉีกปากของหลินเมิ่งหวันเป็นชิ้นๆ เสียเดี๋ยวนั้น

หลินเมิ่งหวันกะพริบตาปริบๆ “หืม ไม่ได้กังวลเรื่องนี้หรอกหรือ”

“รอบๆ สนามแข่งโปโลมีโต๊ะอยู่มากมาย เหตุใดท่านพี่ซิงโหรวจะต้องมาขอนั่งเบียดโต๊ะเดียวกับข้าและท่านจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยด้วยล่ะ” หลินเมิ่งหวันทำท่าเหมือนสงสัย ทว่านัยน์ตากลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็น

นางมองหลินซิงโหรวเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “หรือว่า... ท่านพี่ซิงโหรวจะดื่มสุราโดยมิได้หวังเสพรสชาติของสุรา? ในเมื่อไม่ได้มาเพื่อขนมเหล่านี้ เช่นนั้นก็มาหาคนงั้นสินะ”

“ตอนที่อยู่ในจวน ท่านพี่ซิงโหรวไม่เคยใกล้ชิดกับข้าขนาดนี้ ตอนนี้ก็คงไม่ได้มุ่งมาหาข้า ท่านพี่ถึงกับจงใจเปลี่ยนชุดกับเครื่องประดับ เป็นไปได้ไหมว่า... คิดจะมายั่วยวนจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย”

หลินเมิ่งหวันมองหลินซิงโหรวพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย สายตาของนางทั้งคุกคามและคมกริบ

“จะ... เจ้าอย่าพูดเหลวไหลนะ!” หลินซิงโหรวบิดผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น แก้มแดงจนแทบจะมีเลือดซึมออกมา

นางมีความคิดแบบนั้นจริงๆ แต่พอหลินเมิ่งหวันพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ หลินซิงโหรวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

หลินซิงโหรวปฏิเสธไปว่า “ขะ... ข้าไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะ”

หลินเมิ่งหวันพยักหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ถ้าไม่ได้คิดแบบนั้นก็ดีไป เช่นนั้นท่านพี่ซิงโหรวก็ไปหาที่นั่งเองเถอะ ข้ายังอยากจะนั่งที่นั่งที่กว้างๆ หน่อย แล้วก็ไม่อยากให้ใครมาแบ่งชากับขนมของข้าด้วย”

“ส่วนเสื้อผ้ากับเครื่องประดับนี่...” หลินเมิ่งหวันมองหลินซิงโหรวตั้งแต่หัวจรดเท้าและถามอีกครั้งว่า “พี่ซิงโหรว บ้านสองไม่มีเงินจริงๆ หรือ ยากจนจนบุตรีของเอกภรรยาอย่างท่านพี่ต้องไปยืมชุดของคนอื่นมาใส่”

“ใครบอกว่าไม่มีเงิน ข้าแค่คิดว่ามันสวยก็เท่า...”

หลินเมิ่งหวันพยักหน้าและขัดจังหวะการพูดของหลินซิงโหรว “ไม่ใช่ไม่มีเงินก็ดีแล้ว”

“พี่ซิงโหรว ของเหล่านี้ข้าเป็นคนซื้อให้น้องจื่อยวน เพราะแบบนั้นข้าจึงเต็มใจจ่ายเงิน แต่ตอนนี้ท่านเอามาสวม ดังนั้นข้าจึงไม่เต็มใจจะจ่ายแล้ว ในเมื่อท่านพี่ซิงโหรวบอกว่าบ้านสองมีเงิน เช่นนั้นก็นำเงินมาให้ข้าด้วยเถิด”

“เฝ่ยชุ่ย หลังจากกลับไปที่จวนให้ส่งใบเรียกเก็บเงินไปให้ท่านพี่ซิงโหรวด้วย ให้นางจ่ายมาให้ครบ” หลินเมิ่งหวันเอ่ยขณะที่หันไปมองเฝ่ยชุ่ย

“เจ้าค่ะ!” เฝ่ยชุ่ยตอบรับและกลั้นยิ้มอย่างสบายอารมณ์

ใบหน้าของหลินซิงโหรวแดงก่ำ ทั้งอายทั้งโกรธ นางอยากจะโต้แย้งหลินเมิ่งหวันแต่กลับพูดไม่ออก

ฉู่โม่หยวนที่อยู่เงียบๆ มาตลอดกลั้นยิ้ม เมื่อเห็นว่าหลินเมิ่งหวันนิ่งเงียบ เขาจึงเงยหน้ามองหลินซิงโหรวและเอ่ยเรียบๆ ว่า “เจ้ากำลังบังข้า”

หลินซิงโหรวตัวแข็งทื่อ แก้มก็ร้อนผ่าวราวกับจะลุกเป็นไฟ

นางมองใบหน้าที่เยือกเย็นของฉู่โม่หยวน ระงับความอึดอัดอับอายและกล่าวขอโทษ จากนั้นจึงเดินคอตกไปนั่งที่อีกด้าน

หลินเมิ่งหวันมองฉู่โม่หยวนอย่างขบขัน “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยตรัสออกมาได้อย่างเหมาะเจาะ แบบนี้คือใจตรงกับหม่อมฉันใช่หรือไม่เพคะ”

ฉู่โม่หยวนแย้มริมฝีปาก ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร เสียงร้องเล็กแหลมของม้าก็ดังขึ้นมากระทบโสตประสาทของทุกคน

หลินเมิ่งหวันใจหายและรีบหันไปมอง ทันใดนั้นก็ว่าในสนามแข่งโปโลมีฝุ่นลอยฟุ้ง มีเสียงอุทานอย่างตกใจดังเข้าหูของหลินเมิ่งหวัน

“ซื่อจื่อเตี้ยนเซี่ยโปรดระวัง!” (ซื่อจื่อคือบุตรชายที่จะสืบทอดบรรดาศักดิ์จากบิดา)

“ซื่อจื่อเตี้ยนเซี่ยตกจากหลังม้า! เร็วเข้า... รีบไปช่วยเร็ว...”

“รีบขี่ม้าไปเร็ว! รีบไปช่วยซื่อจื่อเตี้ยนเซี่ย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก