ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 73

ฉู่โม่หยวนจ้องมองไปที่หลินเมิ่งหวัน ในที่สุดก็พยักหน้า

ฉู่โม่หยวนไม่รอช้า สั่งให้คนส่งเทียบเชิญไปให้ฉีเยี่ยนในทันที จากนั้นก็ให้คนรับใช้ในจวนยกชานมและขนมมา

เมื่อเห็นขนมสีเขียวมรกตจานนั้น หลินเมิ่งหวันก็น้ำลายสอ นางหยิบมากินหนึ่งชิ้นอย่างไม่เหนียมอาย

แต่ทันทีที่ขนมเข้าปาก หลินเมิ่งหวันก็เบิกตากว้างด้วยแปลกใจ

นางมองไปที่ฉู่โม่หยวนและถามว่า “ขนมนี่ทำมาจากเสวี่ยติ่งฮันชุ่ยหรือ?”

ขนมนุ่มนิ่ม ในความสดชื่นมีความขมนิดๆ แต่ที่เด่นชัดที่สุดคือกลิ่นหอมสดชื่น แน่นอนว่าเป็นเอกลักษณ์ของเสวี่ยติ่งฮันชุ่ย

ฉู่โม่หยวนเป็นพระโอรสของพระราชวังหลัก แม้เขาจะไม่ใช่องค์รัชทายาท แต่ก็เป็นที่โปรดปราน

ไม่แปลกใจที่เขาจะมีเสวี่ยติ่งฮันชุ่ยอยู่ในมือ สามารถนำชาชั้นยอดเช่นนี้มาทำขนมได้ ช่างสิ้นเปลืองจริงๆ เลย

ฉู่โม่หยวนพยักหน้า หลินเมิ่งหวันกล่าวโดยไม่รู้ตัวว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยช่างพระทัยกว้างจริงๆ”

ฉู่โม่หยวนไม่ได้พูดอะไร แต่เสวียนยีที่ยืนอยู่ข้างหลังบ่นในใจอย่างเงียบๆ

เจ้านายของเขาใจกว้างอย่างนั้นหรือ

เมื่อฉู่โม่หยวนได้ยินว่าหลินเมิ่งหวันนำเสวี่ยติ่งฮันชุ่ยจากจวนฉินกลับไปสองขวด เขาก็คิดว่านางชอบชานี้ จึงเข้าวังไปเอาเสวี่ยติ่งฮันชุ่ยที่สามารถเอามาได้กลับมา

ปีนี้บรรดาผู้สูงศักดิ์ในวัง ไม่ได้ดื่มชาดีๆ เช่นนี้

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม องครักษ์ก็กลับมารายงานว่าเซียงอ๋องซื่อจื่อได้รับเทียบเชิญของฉู่โม่หยวนแล้ว

ฉู่โม่หยวนเตรียมรถม้าในทันที และพาหลินเมิ่งหวันไปทีสิงกง

สิงกงในเมืองหลวงมอบไว้ให้ผู้สูงศักดิ์หรือทูตต่างแดนที่เข้ามาเมืองหลวงได้มาพัก แม้ว่าจะไม่สง่างามเท่ากับวังหลวง แต่ทุกหนทุกแห่งล้วนวิจิตรงดงาม

หลินเมิ่งหวันเดินตามหลังฉู่โม่หยวน และตามคนรับใช้เข้าไปในตำหนักที่ฉีเยี่ยนพักอยู่

“คารวะจิ่งอ๋องเตี้ยนเชี่ย”

ฉีเยี่ยนแสดงความเคารพต่อฉู่โม่หยวน แต่สายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างหลังฉู่โม่หยวนโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อจำได้ว่าเป็นหลินเมิ่งหวัน ฉีเยี่ยนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นในแววตา

เขาพูดโดยตรงว่า “ข้าเกือบจำไม่ได้แล้วว่าเป็นคุณหนูหลิน หากคุณหนูหลินเป็นชาย เกรงว่าจะต้องได้ครอบครองหัวใจของสาวๆ”

หลินเมิ่งหวันยิ้มและกล่าวว่า “เซียงอ๋องซื่อจื่ออย่าล้อข้าเล่นเลย ดูจากสีหน้าของซื่อจื่อ ดูเหมือนว่าพระวรกายจะดีขึ้นแล้ว”

ฉีเยี่ยนพยักหน้า “ดีขึ้นมากจริงๆ ที่ผ่านมาฝ่าบาททรงพระราชทานสมุนไพรอันล้ำค่าให้มากมาย ร่างกายของข้าจึงฟื้นตัวเร็วมาก แต่ คนที่ข้าควรขอบคุณมากที่สุดก็คือคุณหนูหลิน”

“คุณหนูหลิน บุญคุณอันชาญฉลาด ฉีเยี่ยนจะไม่มีวันลืม” ฉีเยี่ยนคำนับหลินเมิ่งหวันอย่างสุภาพ

หลินเมิ่งหวันช่วยประคอง “ซื่อจื่อไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ วันนี้ข้ามาเพราะอยากถามซื่อจื่อเรื่องหนึ่ง”

“อ้อ? เรื่องอะไร?” ฉีเยี่ยนดูเหมือนจะสนใจและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูหลินมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ หากรู้ข้าต้องจะบอกอย่างแน่นอน มิสู้พวกเรานั่งลง คุยไปดื่มชาไปจะดีกว่า?”

“ได้” หลินเมิ่งหวันตอบรับ

ฉีเยี่ยนเชิญให้นางกับฉู่โม่หยวนนั่งลง และชงชาด้วยตัวเอง

ในตอนนี้พระอาทิตย์ค่อนไปทางทิศตะวันตก แดดไม่แรงแล้ว และอุณหภูมิก็ลดลง

ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่ลานบ้าน ลมพัดอ่อนๆ เย็นสบาย

ฉู่โม่หยวนเงียบไม่พูดไม่จา ดื่มชาอย่างเงียบๆ มองดูหลินเมิ่งหวันและฉีเยี่ยนพูดคุยกันอย่างสุภาพ ความรู้สึกแปลกๆ ในใจตั้งแต่วันนั้นที่งานแข่งขันโปโลค่อยๆ ลอยมาตามลม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก