ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้ามองเย่ฉงเซิ่ง คิ้วโก่งขึ้นเล็กน้อย “อ๋องเซิ่งหลงตัวเองเช่นนี้ดีหรือไม่ หรือว่าคนทั่วฟ้าหัวเราะก็ล้วนหัวเราะท่านหรือ? หรือว่า ในใจลึกๆของท่านต้องการให้เป็นที่จับตาเกินไป!”
“เจ้า.......ปากเก่ง ข้าพูดสู้เจ้าไม่ได้!” เย่ฉงเซิ่งมองไปทางอื่นอย่างโมโห เผชิญกับสีหน้าอันซีดขาวไร้สีเลือดของซ่างกวนเย็นพอดี อดสะดุ้งไม่ได้
“พระชายารองซ่างกวนเป็นอะไร! สีหน้าไม่ดีขนาดนี้”
ซ่างกวนเย็นได้ยินเย่ฉงเซิ่งถามเช่นนี้ แววตาเป็นประกายอย่างรวดเร็ว เร็วจนไม่อาจมีคนเห็นได้ จากนั้นสายตาก็มองไปที่ฉู่เนี่ยนซี สีหน้ายิ่งระมัดระวัง สภาพเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรมกลับไม่กล้าพูด
เย่ฉงเซิ่งเห็นเช่นนี้ ก็เข้าใจทันทีถึงความหมายของซ่างกวนเย็น มองฉู่เนี่ยนซีอย่างโมโห “เป็นผู้หญิงร้ายอย่างเจ้าอีกแล้ว วันๆก็รู้แต่รังแกคนอ่อนแอกว่า มีปัญญาเจ้ามารังแกข้านี่!”
ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่เย่ฉงเซิ่งที่สีหน้าเป็นธรรมอย่างยิ่งอย่างเย็นชา อดปวดหัวไม่ได้ ในสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “นางบอกท่าน ว่าข้ารังแกนางหรือ?”
“เจ้านี่มันจงใจถาม! นางไม่ได้พูดสักคำ!”
“ไม่ได้พูดท่านก็รู้แล้ว ว่าข้ารังแกนาง? หรือว่าท่านเป็นหนอนในท้องนางหรือ!”
ฉู่เนี่ยนซีมองเขาด้วยสีหน้าไม่แยแส น้ำเสียงอันเรียบเฉยนั้นมีความลำพองอยู่บ้าง
เย่ฉงเซิ่งยิ่งโมโห ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีคนแบบนี้ อดพูดอย่างเป็นธรรมไม่ได้ “นางอ่อนโยนเมตตาขนาดนั้น แน่นอนว่าไม่กล้าฟ้องเจ้าโดยตรง แต่ท่าทางนาง เห็นได้ชัดว่าถูกเจ้ารังแกแล้วไม่กล้าพูด! กล้าทำไม่กล้ารับ ไม่รู้จริงๆว่าพี่สามทนให้เจ้าอยู่ในจวนอ๋องนานขนาดนี้ได้อย่างไร!”
“ข้ายินดี!” ฉู่เนี่ยนซียังไม่ได้พูด เย่เฟยหลีที่อยู่ข้างๆก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตามีความมืดครึ้ม
เย่ฉงเซิ่งไม่เคยคิดว่าเย่เฟยหลีจะพูดขึ้นกะทันหัน แปลกใจทันที “พี่สาม! ทำไมท่านถึงช่วยนางพูดขนาดนี้ ท่านไม่เห็นหรือว่าพระชายารองซ่างกวนถูกรังแกจนสภาพแบบนี้แล้ว!”
“ทำเรื่องที่เจ้าควรทำ!” เย่เฟยหลีพูดอย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยการตักเตือน
ทันใดนั้นทำให้เย่ฉงเซิ่งพูดไม่ออก
ฉู่เนี่ยนซีมองเย่ฉงเซิ่งอย่างเหยียดหยาม ในสายตาก็เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ท่านคิดว่าพี่สามของท่านเป็นคนโง่หรือ? หากข้ารังแกนาง เขาจะไม่รู้?”
พูดแล้ว มุมปากนางก็มีรอยยิ้มอย่างเย็นชา พูดอีกครั้ง “สมองเป็นของที่ดี แต่ทำไมบางคนถึงไม่มีนะ!”
“เจ้า.......เจ้าด่าว่าข้าไม่มีสมอง! ผู้หญิงอย่างเจ้า.......”
ฉู่เนี่ยนซีแค่โยนสายตาให้เขาเหมือนมองคนโง่ ไม่สนใจเย่ฉงเซิ่งอีก ยกเท้าเดินออกจากสวน
เย่เฟยหลีเห็นฉู่เนี่ยนซีจากไป ก็เดินออกไปช้าๆ “ข้าส่งเจ้ากลับไป!”
“เฮ้อ พี่สาม.......ข้ายังมีเรื่องจะพูด!” เย่ฉงเซิ่งเห็นเย่เฟยหลีจากไป ก็ตามหลังไป
เย่ฉงเซิ่งรู้ตัวว่าพูดสู้ฉู่เนี่ยนซีไม่ได้ ก็ไม่ได้ต่อว่าอีก แต่สายตาก็มีแววความเหยียดหยามอยู่บ้าง
ตลอดทางเย่ฉงเซิ่งอยู่ข้างกายเย่เฟยหลี พูดไม่หยุด เดี๋ยวก็พูดว่าช่วงนี้ตัวเองขยันมากแค่ไหนค้นพบอะไรบ้าง เดี๋ยวก็ถามคำถาม
“เฮ้อ ใช่แล้วพี่สาม พี่รู้ไหม? สำนักการแพทย์ตอนนี้มีคนเข้าแถวทุกวันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง นั่นมันช่างอลังการนัก”
“พี่ว่า หมอเทวดาซานเชิงอายุยังน้อยทำไม่ฝีมือการแพทย์ถึงได้สูงส่งขนาดนี้ หรือว่าเทวดากลับชาติมาเกิด?”
“นั่นมันช่างเป็นแบบอย่างในใจของข้าเลย ไม่พูดถึงฝีมือการแพทย์ แค่โฉมหน้า เกรงว่าจะมีเพียงพี่สามสามารถเทียบได้แล้ว”
“เสียดาย......ข้าเคยเห็นเขาแค่สองครั้งเท่านั้น หลายวันนี้คนที่ส่งไปเฝ้าบอกว่า หมอเทวดาซานเชิงไม่อยู่สำนักการแพทย์ ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว มิเช่นนั้นข้าต้องทำความรู้จักดีๆเสียหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี
Please Update for your lovely fan club...
ขอร้องทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้ทางทีมงามอัพเดททุกวันเลยค่ะ😭...
แอดช่วยอัพต่อให้ด้วยนะคะ...
ทีมงานสู้ๆๆๆๆ จะติดตามต่อไป...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ใจจดใจจ่อรออ่านอยู่ค่ะ...
รอๆๆๆค่ะ เมื่อไรจะอัพให้...
อยู่ๆก็อัพอ่ะแอด 😓...
114 รบกวนอัพเดตต่อให้ด้วยค่ะ รออ่านต่อนะคะ...
ลงตอนเดียวเองหรอค่ะ...