ไม่รู้ว่ารออยู่นานเท่าไหร่ ขณะที่หิวจนไส้จะกิ่วแล้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงเร่งฝีเท้าดังขึ้นในป่า
จ้าวจิ่นเอ๋อร์จิตใจกระชุ่มกระชวยขึ้นมาในทันที
ในที่สุดก็มีคนมาแล้ว!
ขณะกำลังจะร้องขอความช่วยเหลือ ก็พบว่าที่กำลังวิ่งมาไม่ใช่คน แต่เป็นหมาป่าที่กำลังไล่ล่าสุนัขจิ้งจอก!
หมาป่าตัวนั้นดุร้ายมาก ไม่ช้าก็พุ่งเข้าใส่จิ้งจอกจนล้มลง ก่อนจะกัดที่คอของมันทันที
สุนัขจิ้งจอกดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ราวกับรู้ว่าตนไม่สามารถสู้ได้ จึงปล่อยพลังสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ
ทันทีที่มันกระดิกหางขึ้น ทั่วทั้งผืนป่าก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นฉุนอันยากจะบรรยาย......
ในขณะที่หมาป่ากำลังจะอิ่มหนำสำราญอยู่แล้ว แต่จู่ ๆ กลิ่นเหม็นฉุนก็ลอยเข้าจมูก ทำให้มันจามออกมาสองที
บางทีมันอาจจะคิดว่าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ก็ไม่ค่อยมีเนื้อเท่าไหร่ แถมยังมีกลิ่นเหม็นฉุนอีกต่างหาก หากกัดลงไปรังแต่จะทำให้ปากอันสูงส่งสกปรก มันจึงหมุนตัวสองรอบด้วยความโมโหแล้ววิ่งหนีไป
จ้าวจิ่นเอ๋อร์ที่อยู่บนต้นไม้ก็เกือบจะเป็นลมเพราะกลิ่นเหม็นนั้น นางจึงถอดเสื้อคลุมปิดจมูกแน่นๆ แล้วเกาะกิ่งไม้ไว้แน่นๆ เพื่อไม่ให้ตกลงมา
นางทนอยู่บนต้นไม้ทั้งอย่างนั้นจนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเป็นปี เวลาผ่านไปหลายชั่วยาม แต่ก็ยังไม่มีใครมาเลย
โชคดีที่กลิ่นเหม็นฉุนที่สุนัขจิ้งจอกปล่อยออกมานั้นไม่เพียงแต่มีอานุภาพรุนแรง แต่ยังคงอยู่ได้นาน ผ่านไปนานนับชั่วโมงก็ยังไม่มีสัตว์ร้ายตัวใดโผล่มาอีกเลย
จ้าวจิ่นเอ๋อร์รอจนหมดความอดทน ในใจคิดว่าตนเป็นเพียงลูกสะใภ้เด็กที่เพิ่งถูกซื้อเข้าบ้านของตระกูลฉิน หายตัวไปในป่า คนในบ้านก็คงไม่กล้าเสี่ยงอันตรายออกมาตามหานางแน่
ขืนยังรอเช่นนี้ต่อไป พอฟ้าค่ำ ถึงไม่อดตายก็คงตกใจกลัวจนสติแตกตาย
นางจึงกัดฟันแน่นแล้วปีนลงจากต้นไม้
พึ่งดินพึ่งฟ้าไม่สู้พึ่งพาตนเอง
สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นยังคงส่งกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรง จ้าวจิ่นเอ๋อร์คิดว่าแม้แต่กลิ่นนี้ก็สามารถทำให้หมาป่าหนีไปได้ หากเอามันติดตัวไปด้วย บางทีอาจจะช่วยให้ปลอดภัยได้ จึงบีบจมูกแน่นขึ้นอีกหน่อย จากนั้นเก็บสุนัขจิ้งจอกแล้วโยนลงในตะกร้าด้วยสีหน้ารังเกียจ
ตลอดทางที่มีกลิ่นเหม็นฉุนอบอวลไปทั่ว ในที่สุดคราวนี้ก็หาทางกลับเจอจนได้
จ้าวจิ่นเอ๋อร์ไม่กล้าชักช้าแม้แต่นาทีเดียว รีบตามรอยสัญลักษณ์กลับลงมาถึงตีนเขา
เมื่อมองเห็นหมู่บ้านซึ่งถูกปกคลุมด้วยแสงอาทิตย์อัสดงมีควันจากปล่องไฟลอยขึ้นมาจากไกลๆ นางก็แทบจะร้องไห้
รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด !
เมื่อนางวิ่งมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ก็เห็นผู้เฒ่าฉินเดินไปเดินมาอยู่ใต้ไหวใหญ่ที่เก่าแก่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน
ฉินเจินจูกลับบ่นว่า “ทุกคนบอกว่านางเป็นตัวซวย ท่านย่าก็ไม่เชื่อ!”
จ้าวจิ่นเอ๋อร์จะกล้าตอบกลับเสียที่ไหน ทำได้เพียงยืนตัวสั่นอยู่หลังผู้เฒ่าฉินอย่างรู้สึกผิด
ผู้เฒ่าฉินรู้ว่าจ้าวจิ่นเอ๋อร์ทำให้คนทั้งบ้านเป็นห่วงจนใจจะขาดมาทั้งบ่าย ก็เลยไม่รู้จะปกป้องอย่างไร จึงเงียบไป
หลิวเหม่ยอวี้คนที่ไม่ชอบพูดมาแต่ไหนแต่ไร จู่ ๆ ก็ยกนิ้วบีบจมูก “มีใครฉี่รดกางเกงหรือไม่ เหตุใดจู่ ๆ ในลานของเราถึงได้มีกลิ่นเหม็นฉุนเช่นนี้?”
เมื่อครู่ทุกคนต่างก็กังวลจนไม่ได้สังเกต แต่พอหลิวเหม่ยอวี้เตือน ทุกคนก็รีบบีบจมูกทันที
“ใช่แล้ว กลิ่นอะไร เหตุใดจึงมีกลินฉุดจัง!”
ผู้เฒ่าฉินอยู่ใกล้กับจ้าวจิ่นเอ๋อร์ที่สุด “นังหนูจิ่น ดูเหมือนกลิ่นนี้จะอยู่บนตัวเจ้าเลยนะ?”
ทันใดนั้นนางพลันมีความรู้สึกสงสาร ที่ทำให้หลานสะใภ้ตกใจจนถึงขั้นฉี่รดกางเกง
จ้าวจิ่นเอ๋อร์รู้สึกอายอย่างมาก รีบหยิบสุนัขจิ้งจอกที่ตายออกจากตะกร้าทันที
“คือมันที่ส่งกลิ่นเหม็น ข้าเห็นกลิ่นของมันสามารถไล่หมาป่าได้ เลยแบกมันไว้เพื่อป้องกันตัว ข้าจะไปขุดหลุมฝังมันไว้ที่ฝั่งตะวันตกสุดของหมู่บ้านเดี๋ยวนี้”
เมื่อผู้เฒ่าฉินนอกจากเห็นบาดแผลที่คอสุนัขจิ้งจอกแล้ว พอเห็นขนที่มันเงางามไร้ความเสียหายใดๆ ดวงตาก็เป็นประกายทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคสุดที่รัก