บทที่ 1001 ชายลึกลับในร่างปลาอสูรกลืนเอกภพ
………………..
ทะเลนอกมีปลา นามว่าปลาอสูรกลืนเอกภพ
อาศัยอยู่ในความว่างเปล่า นานครั้งจะเผยร่องรอยให้เห็นสักครา
ยามปรากฏกายแต่ละครั้ง ขากรรไกรบนแปรเปลี่ยนเป็นนภาสีแดง ขากรรไกรล่างกักเก็บผืนสมุทรกว้างใหญ่ กลืนกินดวงตะวันจันทรา กลืนกินสรรพชีวิต กระทั่งกาลเวลาและห้วงมิติ ล้วนถูกกลืนกิน
รูปลักษณ์ที่แท้จริง มนุษย์และสรรพชีวิตน้อยนักจะล่วงรู้ รู้เพียงว่าเมื่อปลาอสูรกลืนเอกภพปรากฏ ฟ้าดินจะว่างเปล่า
เช่นเดียวกับเวลานี้
ในห้วงที่นภาสีแดงร่วงลงมา ทุกสรรพสิ่งล้วนมลายหายไป กระทั่งท้องทะเลยังยุบตัวลง ราวกับดินแดนส่วนหนึ่งขาดหายไป
ผิวน้ำปรากฏกระแสวน ส่งเสียงอึกทึกสนั่นฟ้าดินขณะหมุนวน
สุรเสียงนี้ก้องกังวานในทะเลนอก ก่อกำเนิดแรงสั่นสะเทือนนับอนันต์ ทั้งยังแปรเปลี่ยนเป็นพายุโหมกระหน่ำ คงอยู่นับเดือนมิจางหาย
มองมิเห็นร่องรอยของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว
จนกระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนาน พายุโหมกระหน่ำซัดสาดน้ำทะเล คลื่นลมในนภาปรากฏสายฟ้าแปลบปลาบ เคลื่อนคล้อยไปรอบทิศ โหมกระหน่ำไปยังเบื้องไกล
ทะเลนอก สายฝนโปรยปราย กระทบผิวน้ำ ก่อเกิดเป็นระลอกคลื่น
ท่ามสายฝน เงาร่างอวี้หลิวเฉินยืนนิ่งอยู่กลางเวหา
ในห้วงเวลาคับขันเมื่อครู่ ด้วยพลังอำนาจขององค์ท่าน จึงทำได้เพียงช่วยตนเองจากการถูกกลืนกิน มิอาจช่วยชีวิตสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวได้
เพราะการกลืนกินของปลาอสูรกลืนเอกภพ มิใช่การกลืนกินทางกายภาพ หากแต่เป็นการตัดขาดจากโชคชะตา จากกาลเวลา จากทุกมิติ แปรเปลี่ยนเป็นสารอาหารบำรุงหล่อเลี้ยงตน
ดังนั้น องค์ท่านจึงทำได้เพียงเฝ้ามองสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวหายลับไปต่อหน้าต่อตา
“กระทั่งปลาอสูรกลืนเอกภพก็ยังปรากฏกาย บังเอิญอะไรเช่นนี้”
อวี้หลิวเฉินนิ่งเงียบ องค์ท่านอยากจะก่นด่า ทว่าในฉับพลัน สองดวงตาก็หรี่ลง โลหิตทั่วร่างพลันเปล่งประกาย
“นับแต่มาถึงทะเลนอก อารมณ์ของข้ากลับผิดแผกไป!”
อวี้หลิวเฉินล่วงรู้ดีแก่ใจว่านิทานจำต้องแฝงอารมณ์ความรู้สึก มีเพียงนิทานที่สามารถกระเทือนจิตใจตนเองได้เท่านั้น ที่จะสามารถกระเทือนจิตใจผู้อื่นได้
ดังนั้นหลายครั้งองค์ท่านจึงมิได้ดูเย็นชาเสมือนเทพเจ้าองค์อื่น นี่คือสิ่งที่อำนาจเทพเจ้าขององค์ท่านกำหนด
ทว่า…แก่นแท้ของเทพเจ้า คือความเย็นชา
ในข้อนี้มิมีผู้ใดแปรเปลี่ยนได้ ดังนั้น แม้องค์ท่านจะดูเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ความรู้สึก ทว่านั่นเป็นการเสแสร้งจงใจ
แต่การออกทะเลในครานี้ กลับแตกต่างออกไป
“ข้าถูกแทรกแซง!”
“มีผู้ใดผู้หนึ่ง บิดเบือนอารมณ์ของข้า?”
อวี้หลิวเฉินจิตใจสั่นสะท้าน ทอดสายตาไปยังท้องทะเลอันซับซ้อน ครู่ใหญ่จึงเอื้อนเอ่ยวาจา
“วันหนึ่งสวี่ชิงและเฉินเอ้อร์หนิวเดินทางออกทะเลนอก ตามปณิธานเทพเจ้าอวี้หลิวเฉิน…”
“ทะเลนอก มิใช่สถานที่แปลกหน้าสำหรับอวี้หลิวเฉิน หากแต่สำหรับสวี่ชิงและเฉินเอ้อร์หนิวกลับเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่เคยล่วงรู้”
“ดังนั้น ด้วยพลังอำนาจภายนอกที่ไม่อาจหยั่งรู้และบอกกล่าวได้ ทั้งสองจึงได้เผชิญหน้ากับรูปปั้นอัปมงคลเป็นอันดับแรก ต่อด้วยดวงตะวันห้วงฝันศักดิ์สิทธิ์ ตามด้วยปีศาจทะเลที่กำลังลาดตระเวน…”
“จนกระทั่ง พวกเขาได้เผชิญหน้ากับ ปลาอสูรกลืนเอกภพ”
“ปลาอสูรกลืนเอกภพมิได้หิวโหย เพียงแต่กลืนกินนภาตามปกติวิสัย ในอีกห้าชั่วยามให้หลัง…”
ขณะที่อวี้หลิวเฉินกล่าว อำนาจเทพเจ้าก็พลันแผ่ซ่าน ผสานเข้ากับท้องนภา ประทับลงบนผืนทะเล ทำให้คำพูดเป็นสัจจะวาจา ด้วยการเอ่ยนามแท้จริงขององค์ท่าน
ในฉับพลันต่อมา ฟ้าดินแปรเปลี่ยนสี เสียงกึกก้องกังวานสะท้านโลกา สัจจะวาจาขององค์ท่านปรากฏรอยร้าว
นี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่านิทานจะมิอาจเป็นจริง
อวี้หลิวเฉินเห็นเช่นนั้น ก็กล่าวแก้ไข
“ในอีกหนึ่งวันให้หลัง…”
สัจจะวาจาขององค์ท่านคำรามกึกก้อง ก่อเกิดเป็นรอยประทับอีกครา ทว่ารอยประทับเพิ่งปรากฏ ก็แตกร้าวออกอีก จวนเจียนจะแตกหักรอมร่อ
“ในอีกเจ็ดวันให้หลัง…”
อวี้หลิวเฉินแก้ไขอีกครา
แม้รอยแตกร้าวจะบรรเทาลง ทว่าร่องรอยยังคงแผ่ขยาย
“ในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง!”
อำนาจเทพเจ้าของอวี้หลิวเฉินสั่นสะเทือน แก้ไขต่อไป
และในครานี้ แม้รอยประทับจะยังคงส่งเสียงครืนครัน ทว่ากลับมิได้แตกสลาย
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้หลิวเฉินจึงกล่าวต่อไป
“ในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง ณ ทิศตะวันออกของทะเลนอก ห่างไกลออกไปแปดสิบล้านลี้ เหนือผิวน้ำทะเล น้ำจะพวยพุ่งทะยานขึ้นฟ้า”
ขณะที่กล่าว อัสนีสวรรค์พลันคำรามก้อง ท้องทะเลปั่นป่วน ร่องรอยประทับแต่ละรอยกลับเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม ประหนึ่งเป็นสัจธรรม

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา