บทที่ 1016 เจ้าว่าข้าเหมือนเมื่อก่อนกี่ส่วน
นับจากที่แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับดำลงมาเยือน…
ดินแดนทางทิศใต้ ทิศตะวันตก และทิศเหนือ สามเขตพื้นที่ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ สงครามรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองฝ่ายต่างมีแพ้มีชนะ สถานการณ์สงครามดุเดือด
พูดได้ว่าแทบจะทุกชั่วขณะล้วนมีความเป็นความตาย ล้วนมีสงครามปะทุขึ้น
แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ปั่นป่วนโกลาหลไปทั่ว
ส่วนทางตะวันออกทางนี้ มีเผ่านภาคิมหันต์และเผ่าต่างๆ ฝ่ายต่างๆ รวมตัวกันโดยมีเผ่ามนุษย์เป็นผู้นำ สร้างเป็นค่ายกลสุดยอด แบ่งแยกฟ้าดิน
นอกค่ายกลคือท้องฟ้า คือแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับดำสี่แดน
ในค่ายกลคือสรรพชีวิตทั้งหลายของดินแดนตะวันออกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
แม้มหาจักรพรรดิในแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่แดนนี้ หลังจากที่สู้กับจักรพรรดิมนุษย์และเทพทั้งสามแห่งเผ่านภาคิมหันต์แล้วก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นอีก แต่เทพทั้งสามแห่งเผ่านภาคิมหันต์ก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกเช่นกัน
คนนอกไม่รู้ว่าศึกสุดยอดตอนนั้นทั้งสองฝ่ายใครชนะ ใครแพ้
รู้เพียงแค่ว่าจักรพรรดิมนุษย์ยังคงเหมือนเดิม ยังคงบัญชาการศึกครั้งนี้
สงครามดินแดนตะวันออกยังคงดำเนินต่อไป
ระหว่างนี้สงครามขนาดใหญ่ไม่มีเกิดขึ้น แดนตะวันออกกับฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนกำลังพยายามลองควบคุมจังหวะ แต่สงครามขนาดเล็กแทบจะเกิดขึ้นทุกวัน
ไม่ว่าจะเป็นเผ่านภาคิมหันต์ หรือจะเป็นเผ่ามนุษย์ ล้วนเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้ก็มีศึกขนาดเล็กแบบนั้นศึกหนึ่งกำลังดำเนินไปเหนือค่ายกลสุดยอด จำนวนผู้เข้าร่วมสงครามของทั้งสองฝ่ายมหาศาล มากมายมืดฟ้ามัวดิน เกิดเป็นจุดดำนับไม่ถ้วน
สวี่ชิงและเอ้อร์หนิว ในช่วงเวลานี้ก็ได้ส่งข้ามจากเขตปกครองผนึกสมุทรหลายต่อหลายครั้ง มาถึงยังดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ
ตลอดทางมานับว่าราบรื่นดี
ไม่ได้เสียเวลาอะไร เพียงแต่ ที่นอกค่ายกลโบราณมีชีวิตแห่งนั้น เอ้อร์หนิวดึงขนปีกของค่ายกลส่งข้ามมาอีกสองสามอัน…
และตอนนี้ ทันทีที่เงาร่างของทั้งสองคนปรากฏขึ้นชัดในค่ายกล เสียงครืนครานกึกก้อง เสียงกรีดหวีดจากท้องฟ้าก็ดังมา ดังขึ้นในหูของพวกเขาทันที
เสียงมากมายมหาศาลในขณะเดียวกับที่กึกก้องกัมปนาทไปทั่วทุกสารทิศ ประกายแสงวิชาเวทหลากสีสันก็ก่อเป็นประกายแสงพร่างพรายระยับ ทำให้จุดแต้มที่อาบย้อมม่านฟ้า ประเดี๋ยวสว่างวาบ ประเดี๋ยวมืดดับ
เงยหน้ามองไป จะเห็นว่าใต้ค่ายกล ผู้บำเพ็ญที่จับกลุ่มขึ้นจากเผ่าต่างๆ ในแดนตะวันออกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นแถวๆ ออกมาจากค่ายกลทำศึกสงครามอย่างเป็นระเบียบ และกลับมาพักอย่างเป็นระเบียบ
เพียงแต่ดูจากสภาวะของผู้ที่กลับมาก็เห็นได้ชัดถึงความเสียหายจากสงครามนั้นมหาศาลนัก
แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ทางนั้นก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ซากร่างร่วงหล่น ค่ายกลทำลายแหลกละเอียด
“สงคราม…”
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่สังเกตสงครามนอกค่ายกลบนม่านฟ้า ค่ายกลส่งข้ามที่เขาอยู่ เนื่องจากอยู่ภายในค่ายทหารที่มีการป้องกันแน่นหนา ดังนั้นไม่นานนักจิตเทพแต่ละทางๆ ก็แผ่ปกคลุมเข้ามาอย่างเข้มงวดในทันที
ยิ่งมีกลิ่นอายฆ่าล้างสังหารมากมายจับเป้าหมายเอาไว้
หลังจากรู้ถึงฐานะของสวี่ชิง จิตเทพและกลิ่นอายเหล่านั้นถึงได้สลายไป
จากนั้นเงาร่างมากมายก็ลอยมาเยือนจากทั่วทุกทิศ คำนับโค้งคารวะมาทางสวี่ชิงทางนี้
ผู้ที่นำมาเป็นชายชราคนหนึ่ง
สวี่ชิงเคยเห็นคนคนนี้ อีกฝ่ายเป็นโหวนภาของเผ่ามนุษย์ แซ่เฉิน
“คารวะท่านอาจารย์!”
“อ๋องสวรรค์หลายท่านอยู่ที่สนามสมรภูมินอกค่ายกล ไม่อาจกลับมาได้ ข้าน้อยจึงรับคำสั่งมาดูแลที่นี่ขอรับ”
“นอกจากนี้ ฝ่าบาทมีรับสั่งไว้ว่า ขอเมื่อท่านอาจารย์มาถึงให้รีบไปยังตำหนักใหญ่ทันทีขอรับ”
โหวสวรรค์ผู้นี้ หลังจากที่เข้ามาใกล้ก็รีบโค้งคารวะ เอ่ยอย่างเคร่งขรึม
สวี่ชิงพยักหน้า มองศึกบนท้องฟ้า หลังจากนั้นความรอบรู้แห่งเทพแผ่ออก ปกคลุมค่ายทหารที่นี่ มองเห็นทหารเผ่าต่างๆ ที่รักษาอาการบาดเจ็บนับไม่ถ้วน
ในใจของเขาหมองหม่น
เทียบกับความโหดร้ายของที่นี่แล้ว พื้นที่อื่นทางตะวันออกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ตลอดเส้นทางที่เขาเดินทางผ่านมา สิ่งที่เห็นความจริงถือว่าไม่เลวร้ายนัก
เพราะที่นี่แทบจะแบกรับซึ่งทุกสิ่งแล้ว
ที่นี่เป็นทั้งศูนย์กลางของโลกแดนตะวันออกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ และเป็นแนวหน้าด้วยเช่นกัน
“สถานการณ์เป็นอย่างไร”
สวี่ชิงเอ่ยเนิบช้า
“นับว่ายังควบคุมได้ขอรับ”
โหวสวรรค์ฉีกยิ้ม เพียงแต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาเห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเสถียร เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่เสี้ยวขณะต่อมา นอกค่ายกลบนม่านฟ้าก็ส่งเสียงดังครืนคร้านสะท้านเลื่อนลั่น
ในจุดดำมากมายนับไม่ถ้วนที่เกิดจากการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย มีแสงเจิดจ้าทางหนึ่งปะทุอยู่ข้างใน
นั่นเป็นแสงที่มาจากชายกลางคนฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้างหลังมีปีกมหึมา ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายโหดเหี้ยม พลังบำเพ็ญยิ่งถึงระดับเตรียมสู่เทวะห้าโลก
พลังบำเพ็ญระดับนี้ อยู่เหนือยิ่งกว่าอ๋องสวรรค์จำนวนมากมายของเผ่ามนุษย์
โดยเฉพาะในศึกขนาดเล็กครั้งนี้ ระดับเตรียมสู่เทวะเผ่าต่างๆ แม้จะลงมือเช่นกัน แต่ก็ต่างถูกตรึงเอาไว้ ดังนั้นตอนนี้การลงมาเยือนอย่างกะทันหันของคนคนนี้ ก็สำแดงการสังหารทันที
เหมือนว่าเขาจะฉีกทึ้งเส้นทางเส้นทางหนึ่งออกมาบนสนามสมรภูมิแห่งนี้
ข้างหลังของเขายิ่งมีผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารนับพันติดตามอยู่ข้างหลัง ประดุจผู้คุ้มกันของเขา ติดตามเขาพุ่งมา
เป้าหมายก็คือค่ายกลสุดยอด
เห็นเป็นเช่นนี้ โหวนภาแซ่เฉินรูม่านตาหดเล็ก แต่ไม่ได้ลนลาน สำหรับเหตุการณ์กะทันหันเช่นนี้ ย่อมมีวิธีจัดการ
ไม่นานนัก ประกายแสงค่ายกลสุดยอดหมุนวน จะขัดขวาง
แต่เสี้ยวขณะต่อมา เงาร่างของสวี่ชิงหายไปจากที่เดิม
ในยามที่ปรากฏตัว เขาก็มาปรากฏตัวอยู่นอกค่ายกลสุดยอดแล้ว
เสียงที่กึกก้องสะท้านสะเทือนเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ดังส่งมาอย่างชัดเจนจากทั่วทุกสารทิศในพริบตา ท่ามกลางเสียงมากมายมหาศาลที่ดังเลื่อนลั่น สวี่ชิงมองไปยังชายกำยำเผ่าปีกมารที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วข้างหน้า
ชายกำยำผู้นี้ก็สังเกตเห็นสวี่ชิงเช่นกัน แค่นเสียงขึ้นจมูกขึ้นทีหนึ่ง ความเร็วไม่ลดลงแม้แต่น้อย ก้าวเดินมา
ทุกอย่างนี้พูดแล้วเหมือนนาน แต่ความจริงแล้วเกิดขึ้นในชั่วเสี้ยวพริบตา
ในค่ายกล โหวนภาเฉินตื่นตกใจ เขารู้ว่าฐานะของสวี่ชิงสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง แต่กำลังรบเหมือนว่าแค่พอจะถึงระดับมาตรฐานขั้นต้นของอ๋องสวรรค์เท่านั้น แต่ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับเตรียมสู่เทวะห้าโลกเช่นนี้…
เขาเป็นกังวลขึ้นมาทันที
เอ้อร์หนิวอยู่ข้างๆ กระแอมขึ้นทีหนึ่ง
“ตื่นเต้นอะไร ไม่ต้องกังวล”
แม้เขาจะพูดแบบนี้ แต่โหวนภาแซ่เฉินจะฟังเข้าหูไปได้อย่างไร
ไม่ใช่แค่เขาทางนี้ที่เป็นกังวล บนสนามรบ อ๋องสวรรค์เผ่าต่างๆ ที่ถูกสามสี่คนรุมพัวพัน ก็ต่างสังเกตเห็นภาพนี้ทันทีเช่นกัน จำสวี่ชิงได้ ต่างจิตใจสะท้าน กระทั่งว่ามีคนสบถออกมา
เห็นได้ชัดว่าในการวิเคราะห์ของพวกเขาไม่คิดว่าสวี่ชิงจะสามารถต่อกรกับผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะห้าโลกคนนั้นได้
มีใจคิดอยากจะช่วย แต่กลับไม่สามารถปลีกตัวไปได้ในทันที
ทำได้เพียงมองชายกำยำเผ่าปีกมาคนนั้นพุ่งไปหาสวี่ชิงอยู่กับตา
“เหลวไหล สวี่ชิงคนนี้ไยจึงปรากฏตัวซี้ซั้วโผล่มาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา