เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 1019

บทที่ 1019 น่าสมเพช น่าสมเพช น่าสมเพช!

ในแดนใหญ่ธุลีสมุทรที่ติดกับกับดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ ภายในถ้ำร้างบนภูเขา ทันทีที่เฟิงหลินเทาเบิกตาขึ้น ประสาทสัมผัสของเขาก็กระจายออกไปในทันที ปกคลุมไปทั่วทุกทิศทาง

หลังจากยืนยันว่าการจัดเตรียมทุกอย่างในถ้ำนี้ยังคงเป็นปกติ เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลง เผยให้เห็นประกายแสงทะมึน แฝงด้วยความเย็นยะเยือก

นับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจเดินทางไปยังเผ่ามนุษย์ เพื่ออาศัยร่มเงาเผ่ามนุษย์ หลบหนีการตามล่าของหลานเหยาและเยวี่ยตง ในใจของเขาก็มีแผนการหนึ่งผุดขึ้นมา

เขาต้องการที่จะแสดงตนอย่างเปิดเผยในเผ่ามนุษย์ เพื่อดึงดูดความสนใจจากแดนศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะหลานเหยาและเยวี่ยตง จากนั้นในเวลาสำคัญ ก็จะทำการแสดงฉากมรณกรรมครั้งยิ่งใหญ่

เพื่อให้ทุกคนคิดว่าตนเองได้ดับสูญไปแล้ว

เพื่อที่จะหลุดพ้นออกจากเปลือก!

นอกจากขับสายโลหิตปีกมารของตนเองออกไปครึ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ทำให้ร่างอวตารพิสดารบันลือของตน กลายเป็นร่างหลักใหม่ เพื่อที่จะหลบหนี สับเปลี่ยนแสงสว่างเป็นความมืดมิดอย่างแท้จริง

ในแผนการนี้ มิว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์ ล้วนแต่ตกเป็นเครื่องมือของเขา

“แม้ว่าระหว่างทางจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง และยังถูกเผ่ามนุษย์ใช้ประโยชน์ แต่ก็มิได้เบี่ยงเบนไปจากแผนการของข้า…”

เฟิงหลินเทายิ้มเยาะ

“แม้กระทั่งการสละสายโลหิตปีกมารไปครึ่งหนึ่ง ทำให้ระดับพลังบำเพ็ญของข้าในยามนี้ตกต่ำลง เหลือเพียงแค่ระดับปราณก่อกำเนิด…แต่ก็มิเป็นไร ผ่านไปสักช่วงหนึ่ง เดี๋ยวเดียวข้าก็ฝึกบำเพ็ญจนกลับคืนสภาพเดิมได้เอง”

“เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ อิสรภาพและการมีชีวิตอยู่ต่างหากคือสิ่งสำคัญ!”

“แต่จะมองฝ่ายอื่นเป็นคนโง่มิได้…ดังนั้นมิว่าข้าจะทำสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกต่อจากนี้”

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฟิงหลินเทาก็ยังคงรักษาความตื่นตัว รีบบินออกจากถ้ำอย่างรวดเร็วด้วยความระมัดระวัง ตามเส้นทางที่กำหนด มุ่งหน้าไปยังที่ห่างไกล

จนกระทั่งครู่ต่อมา บนท้องฟ้าปรากฏเงาร่างเลือนรางสองร่าง

นั่นคือสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวที่ใช้วิธีสืบหาพลังรากฐานของเอ้อร์หนิว ในการค้นหาที่อยู่ของร่างอวตารนี้

พวกเขายืนอยู่ที่นั่น แต่มิมีผู้ใดมองเห็น แม้แต่เทพเจ้าก็ยังยากที่จะรับรู้

เนื่องจากสิ่งที่ปกคลุมร่างของคนทั้งสองในขณะนี้ คือการซ่อนเร้นอันน่าทึ่งจากไร้อักษร

การซ่อนเร้นนี้ ในอดีตเคยตบตาเทพเจ้าทั้งสามได้ในระดับหนึ่ง การหลีกเลี่ยงสัมผัสรับรู้ของเฟิงหลินเทาในยามนี้ ย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย

“เจ้าเด็กเฟิงนี่น่าสนใจแฮะ พวกเรามิจำเป็นต้องผลักดันอะไร เขาเปลี่ยนตนเองกลายเป็นเหยื่อล่อเสียเอง”

เอ้อร์หนิวภูมิใจ แลบเลียริมฝีปาก แววตาเผยให้เห็นถึงความคาดหวัง

“อาชิงน้อย ก่อนหน้านี้ในทะเลนอก พวกเราถูกอวี้หลิวเฉินใช้เป็นเหยื่อล่อปลา ตอนนั้นข้ายังอิจฉายนางอยู่เลย ฮ่าๆ ตอนนี้ในที่สุดพวกเราก็จะได้ลองตกปลาดูบ้างแล้ว!”

“ไปกันเถิด พวกเราตามเขาไป”

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองไปยังทิศทางที่เฟิงหลินเทาจากไป พยักหน้าเล็กน้อย เหาะไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเอ้อร์หนิว ไล่ตามอยู่ห่างๆ

และแล้วเวลาก็ผ่านพันไปเจ็ดวันอย่างรวดเร็ว

ในช่วงเจ็ดวันนี้ สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวมิได้ใช้วิธีการแทรกแซงใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ติดตามอยู่เบื้องหลังเท่านั้น ด้วยความขี้ระแวงของเฟิงหลินเทา เกรงว่าหากกระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก็จะทำให้เขารู้ตัวในทันที

ส่วนเฟิงหลินเทาก็เดินทางไปอย่างราบรื่นตลอดทาง แม้ว่าบางครั้งจะเผชิญกับอันตรายอยู่บ้าง เช่น สัตว์อสูร ความผิดปกติ หรือผู้บำเพ็ญชั่วที่มีเจตนาร้าย

แต่เขาก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ มิสังหารทิ้ง ก็อาศัยการซ่อนเร้นหลบซ่อน ในท้ายที่สุดก็สามารถคลี่คลายปัญหาได้อย่างชาญฉลาด

และสิ่งที่สวี่ชิงกับนายกองคาดการณ์ไว้ก็ถูกต้อง เฟิงหลินเทาเป็นคนขี้ระแวงโดยกมลสันดาน

ความราบรื่นนี้ มิเพียงแต่มิได้ทำให้ความระแวดระวังของเขาลดน้อยลง ตรงกันข้าม กลับหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุด ในวันที่เจ็ด ขณะที่เฟิงหลินเทากำลังเดินทาง ในขณะที่กำลังจะออกจากเขตภูเขาร้างแห่งนี้ ร่างของเขาก็หยุดชะงักลง ซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกของหน้าผาหินแห่งหนึ่ง

ขณะซ่อนตัวอยู่ที่นั่น สีหน้าของเฟิงหลินเทามิสู้ดีนัก

“ราบรื่นเกินไป รู้สึกแปลกๆ อย่างไรพิกล!”

“แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในแผนการของข้า เส้นทางช่วงนี้ราบรื่นก็อยู่ในความคาดหมาย เพราะที่นี่เป็นที่ที่ข้าเลือกมาเป็นพิเศษ และตอนนี้สงครามภายนอกยังคงดำเนินอยู่…”

“แต่ว่า…”

เฟิงหลินเทาครุ่นคิด

“ข้าต้องคิดให้รอบคอบ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีจุดบกพร่องที่คาดมิถึง”

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เฟิงหลินเทาก็จัดระเบียบความคิดในใจ ยืนยันถึงสามสิ่งที่ตนเองกังวล

หนึ่ง เขาเป็นกังวลว่าเผ่ามนุษย์จะมองทะลุแผนการของตนและส่งคนมาตามล่า

สอง เขาเป็นกังวลว่าเผ่ามนุษย์จงใจปล่อยให้ตนเองจากไป โดยใช้ตนเป็นเหยื่อล่อปลา

สาม เขาเป็นกังวลว่าหลานเหยาและเยวี่ยตงจะคาดการณ์ความคิดของตนได้

“หากเผ่ามนุษย์มองทะลุแผนการหลบหนีของข้าในภายหลัง และตามล่าข้า หากถูกพวกเขาพบตัวเข้า เช่นนั้นแม้ว่าข้าจะสูญเสียอิสรภาพไป แต่ภยันตรายก็ยังมิมาถึงตัวในเวลาอันใกล้…”

เฟิงหลินเทาหรี่ตาลง

“แต่หากเผ่ามนุษย์มองออกถึงแผนการของข้าตั้งแต่แรก และจงใจปล่อยให้ข้าจากไป…เช่นนั้นต้องมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง คงมิพ้นวางกับดับล่อปลา”

“หรือคิดจะใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อ ให้สายลับทั้งหมดออกมา?”

“หากเป็นเช่นนั้นจริง เผ่ามนุษย์จะต้องมิประกาศเรื่องการตายของข้า แต่จะปล่อยข่าวลือว่าข้าหลบหนีไป เพื่อที่จะล่อให้สายลับของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในดินแดนต้องประสงค์ออกตามล่าข้า…”

“เช่นนั้นต่อไปข้าต้องคอยดูสถานการณ์ จึงจะสามารถตัดสินได้ว่าสิ่งที่ข้ากังวลทั้งสามข้อนี้ เป็นจริงหรือไม่”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฟิงหลินเทาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ออกจากรอยแยกหน้าผาหิน มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของแดนใหญ่ธุลีสมุทร ตลอดเส้นทางหลังจากนั้น เขามิได้เดินทางไปแต่ในที่รกร้างว่างเปล่า แต่บางครั้งก็มองหาเมืองที่ผู้บำเพ็ญในแดนใหญ่ธุลีสมุทรมารวมตัวกันด้วย

เพื่อสืบหาข้อมูลข่าวสารที่นั่น

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปอีกเจ็ดวัน…

ในเมืองดินที่มีชีวิตชีวาและคึกคักแห่งหนึ่งของผู้บำเพ็ญ เฟิงหลินเทานั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมธรรมดาๆ แห่งหนึ่ง ฟังเสียงพูดคุยจอแจรอบข้าง ราวกับกำลังครุ่นคิด

ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา สิ่งที่เขาสืบถามมาได้ นอกเหนือจากสงครามกับแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารแล้ว ยังรวมถึงเรื่องราวของตนเองด้วย

เผ่ามนุษย์ ประกาศว่าเขาตายแล้ว!

“เผ่ามนุษย์ประกาศว่าข้าตายแล้วจริงๆ เช่นนั้นความเป็นไปได้ที่จะใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อจึงน้อยลงไปมาก”

เฟิงหลินเทายกจอกเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่มไปหนึ่งอึก พลางครุ่นคิด

“แต่ก็มิใช่ว่าจะมิมีความเป็นไปได้เสียทีเดียว…มิว่าจะใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อหรือไม้ ก็ยังต้องพิสูจน์กันต่อไป”

“นอกจากนี้ ข้าต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเผ่ามนุษย์เชื่อจริงๆ ว่าข้าตายแล้ว จะลอบส่งคนมาตามล่าข้าหรือไม่ และ…ข้าหลอกลวงสองสาวหลานเหยาได้สำเร็จหรือไม่”

“ยังต้องพิสูจน์อีกครั้ง”

เฟิงหลินเทาหรี่ตาลง ความคิดที่ดูน่าเหนื่อยหน่ายสำหรับผู้อื่น สำหรับเขาแล้วกลับกลายเป็นสัญชาตญาณ

ในขณะนี้ เขาดื่มเหล้าในมือรวดเดียวหมด จากนั้นก็บดขยี้จอกเหล้า ทิ้งร่องรอยทั้งหมดไป เฟิงหลินเทาออกจากเมืองดินแห่งนี้ เดินทางต่อไป

หลังจากนั้น เขาเลือกเส้นทางเดินป่ามากขึ้น แต่กลับมิเคยพบเจอกับผู้ที่เขาคิดว่าเป็นผู้ตามล่า มิว่าจะเป็นสายลับเผ่ามนุษย์หรือจากแดนศักดิ์สิทธิ์

มิมีผู้ใดปรากฏตัวแม้แต่คนเดียว

ราวกับเขาหลอกสวรรค์ข้ามน้ำข้ามทะเลสำเร็จแล้วจริงๆ

บทที่ 1019 น่าสมเพช น่าสมเพช น่าสมเพช! 1

บทที่ 1019 น่าสมเพช น่าสมเพช น่าสมเพช! 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา