บทที่ 1039 ระบบดาวที่เก้า
จิตใจของสวี่ชิงเกิดระลอกคลื่น
ภาพนี้ แน่นอนว่าไม่มีในความทรงจำของเสี่ยเฉินจื่อ
และเขาค้นหามาจนถึงตอนนี้ เมื่อสายตาจ้องไปยังใบหน้าในดวงดาวดวงนั้นในใจก็เข้าใจอย่างแจ่มชัด…
นี่จะต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้วิญญาณของเสี่ยเฉินจื่อเกิดธุลีสีขาวขึ้นมาอย่างแน่นอน!
แม้จะไม่รู้ว่าฝุ่นสีขาวคืออะไร แต่สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น มือขวาพลันยกขึ้น เสี้ยวขณะต่อมา ข้างหน้าสวี่ชิงก็มีมือใหญ่มหึมาปรากฏขึ้น
แล้วพุ่งไปยังใบหน้าที่ลอยอยู่บนดวงดาวดวงนั้น คว้ามันไป
ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย ในยามที่ประชิดใกล้ดวงดาวที่อยู่ในสภาวะแตกทลาย มือที่สวี่ชิงสร้างมันขึ้นมาข้างนี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนถึงระดับที่มากพอจะหุ้มดวงดาวได้
แต่ในยามที่มือข้างนี้ปกคลุมใบหน้า ในพริบตาที่คลุมลงมา…เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงก็พลันเกิดขึ้น!
ก็ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือไม่ ดวงดาวที่แตกสลายดวงนี้ ระดับการพังทลายของมันก็พุ่งถึงจุดใกล้ขีดสุด จากนั้นดวงดาวทั้งดวงก็พลันถล่มลง แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ
กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ แตกทลายส่งเสียงดังกึกก้องเลื่อนลั่น
สิ่งที่แหลกสลายไปพร้อมกันก็รวมใบหน้าดวงนั้นไปด้วย
เทือกเขาที่ก่อตัวเป็นจมูกถูกลบหายไปในชั่วพริบตา
ทะเลสาบที่เป็นดวงตาถูกถมจนเรียบเสมอกันในทันใด
หุบเหวที่ประกอบเป็นปาก…พังทลายลงทันที
ใบหน้ามหึมาไม่มีอีกต่อไปแล้ว!
และจากการแตกสลายของดวงดาว พลังทำลายฟ้าดินกลุ่มหนึ่งก็แผ่พุ่งออกมาจากดาวดวงนี้ ปะทุพลังที่น่าหวาดกลัวมาด้วย
มือยักษ์ที่สวี่ชิงสร้างขึ้นโดนพลังก่อน ปะทะเข้ากับลมพายุทำลายล้างลูกนี้
เสี้ยวขณะต่อมา เสียงกัมปนาทดังท่วมฟ้าก็ดังขึ้นสะท้านสะเทือนขึ้นที่นี่ เสียงครืนครานกึกก้องเลื่อนลั่น กลิ่นอายทำลายล้างหอบม้วนทุกสิ่ง มือยักษ์ที่สวี่ชิงสร้างขึ้นไม่อาจต้านทานได้ สลายไปในทันที
ตัวเขาก็ถอยร่นไปข้างหลังทันใด จนถอยออกไปแสนจั้งถึงจะพอฝืนหลบพลังทำลายล้างของดวงดาวได้
ทอดสายตามองไปอีกครั้ง…
ดาวดวงนั้นกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว…
ฝุ่นนี้เป็นสีขาว
เหมือนกับฝุ่นที่อยู่บนเส้นไหมแห่งชะตาของเสี่ยวเฉินจื่อทุกประการ
สวี่ชิงใจสั่นสะท้าน ยกมือขึ้นทันทีจะลองเก็บมันเอาไว้
เพียงแต่ในขณะเดียวกับที่ฝุ่นสีขาวปรากฏขึ้นมันก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
อีกทั้งหลายๆ วิธีที่ใช้ล้วนแต่เก็บวัตถุนี้เอาไว้ไม่เป็นผลทั้งสิ้น อย่างไรเสีย สวี่ชิงในตอนนั้นก็ทดลองเก็บฝุ่นสีขาวในเส้นไหมแห่งชะตาของเสี่ยเฉินจื่ออยู่หลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวโดยไม่แตกต่างเช่นกัน
แต่เขาไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนี้
และบางทีฝุ่นสีขาวนี้เพราะยังไม่ได้ผสานไปในเส้นไหมแห่งชะตา ดังนั้นสภาพของมันจึงแตกต่างออกไป ดังนั้น หลังจากที่สวี่ชิงเปลี่ยนวิธีต่างๆ มากมายแล้ว ในที่สุดก็อาศัยขวดหยกที่เพิ่มพลังด้วยพลังต้นกำเนิดเทพและอำนาจเก็บเอาไว้ได้เล็กน้อย
ตอนนี้เขาก้มหน้า จ้องมองขวดหยกในมือ ในใจเกิดความคิดผุดขึ้นมา
เขารู้ที่มาของฝุ่นสีขาวในชะตาชีวิตของเสี่ยเฉินจื่อแล้ว
ก่อนหน้านี้ เขาได้เห็นการแตกสลายของดาวดวงอื่นและโลกของที่นี่แล้ว แต่ก็ล้วนไม่เห็นการปรากฏขึ้นของฝุ่นสีขาว แต่กลับเป็นการแตกสลายของดาวที่นี่ที่มีวัตถุนี้ปรากฏขึ้น
จุดที่แตกต่างออกไปในนี้เห็นได้อย่างชัดเจน
“ดาวและโลกที่มีใบหน้านั้นปรากฏ ทันทีที่แตกสลายถึงจะมีฝุ่นสีขาวปรากฏขึ้น!”
“น่าเสียดายที่ข้าก่อนหน้านี้เก็บมาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่วัตถุลึกลับนี้สลายหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้จำนวนที่ได้มาน้อยเหลือเกิน…”
สวี่ชิงตรวจดูขวดหยก สังเกตว่าแม้จะมีการเพิ่มพลังจากพลังอำนาจและพลังต้นกำเนิดเทพของตัวเอง แต่ฝุ่นสีขาวในนั้นก็ยังคงหายไปอย่างไม่อาจฝืนได้
แต่ความเร็วลดช้าลง ทว่าอย่างมากสุดก็แค่หนึ่งวันก็จะหายไปทั้งหมด
“หนึ่งวัน…”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว
เวลาจะไม่ทันการณ์
แต่ความระมัดระวังของเขาก็ทำให้เขาก่อนที่จะค้นคว้าศึกษาและทดลองก็ไม่มีทางผสานฝุ่นลึกลับพวกนี้ไปไว้ในเส้นไหมแห่งชะตาของตัวเองเด็ดขาด
“ดังนั้นเรื่องสำคัญความจริงแล้วไม่ใช่ฝุ่นสีขาวนี่ แต่เป็นใบหน้าดวงนั้น…”
สวี่ชิงเงยหน้า ทอดสายตามองรอบๆ
“ใบหน้าดวงนั้นจะมีดวงที่สองหรือไม่”
สวี่ชิงขบคิดครู่หนึ่ง ในใจก็ส่งจิตเทพไปหาเจ้าเงา ไม่นานนักเจ้าเงาก็หลอมรวมกับสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของสวี่ชิงดำสนิทไปทั้งหมดอีกครั้ง
เขาเตรียมอาศัยเนตรเงาไปสำรวจในแดนลับนี้อย่างละเอียด หาว่ามีดวงหน้าดวงที่สองอีกหรือไม่
หลังจากผสานกันแล้ว สวี่ชิงก็ไม่ปล่อยเวลาเสียเปล่า ทะยานไปอย่าวรวดเร็วในแดนลับที่เปลี่ยนกลับเป็นภาพวาดใหม่อีกครั้ง อาศัยเนตรเงาค้นหาอย่างละเอียด
เวลาหมุนผ่านไป
แม้แดนลับต้นกำเนิดโลกแห่งนี้จะเป็นภาพวาดมากมาย แต่ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ทว่ามันกลับเคลื่อนไหว อีกทั้งยังมีจำนวนมากมาย
ที่สำคัญคือ เพราะเทียนสีแดงเล่มนั้นยังคงลุกไหม้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแสงหรือความร้อน หรือจะเป็นอันตรายที่ถูกหลอมผสานแบบนั้นล้วนแต่เพิ่มขึ้นจากการค้นหาต่อไปของสวี่ชิง
สองวันหลังจากนั้น สวี่ชิงจำต้องถอยร่นออกไปเล็กน้อย ออกห่างจากรัศมีแสงไฟของเทียนสีแดง หลังจากทอดสายตามองจากไกลๆ ในใจของเขาก็เคร่งเครียด
“สองวัน สำรวจพื้นที่ไปสามส่วน อีกทั้งส่วนใหญ่ล้วนเป็นส่วนรอบนอก”
“หากคิดจะสำรวจทั้งหมด เรื่องเวลาหากมีไม่ถึงสิบวันก็ไม่อาจทำได้ อีกทั้งยิ่งเข้าใกล้เทียนสีแดง ความเสี่ยงจากการถูกหลอมผสานก็จะยิ่งสูงขึ้น”
“เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในใจของเขาก็เกิดความคิดเด็ดขาดแน่วแน่ขึ้น เขายังมีไพ่ตายอีกใบที่ใช้ได้
“เช่นนั้น…”
สวี่ชิงหลับตา พลังต้นกำเนิดเทพในร่างส่งเสียงคำรามเลื่อนลั่น ท่ามกลางการซัดโหมกระหน่ำไม่ขาดสาย มีเมล็ดพันธุ์อำนาจเทพเม็ดหนึ่งส่องกะพริบแสงทองพร่างพรายระยิบระยับ
แสงนี้เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็สาดส่องไปทั่วทั้งกองดิน แผ่ซ่านออกมาจากในร่างสวี่ชิง สุดท้ายก็หลอมรวมกันก่อเป็นเส้นไหมทองเส้นหนึ่ง พันล้อมอยู่บนนิ้วสวี่ชิง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา