บทที่ 1045 รับราชโองการกระทำกำเริบเสิบสาน
เสียงของสวี่ชิงดังก้องไปในตำหนักใหญ่ภูเขาเจ้าเหนือหัวที่สิบ
จักรพรรดินีเงยหน้า สายตาจับจ้องไปที่ร่างของสวี่ชิง
“อำนาจเทพนี้สูงส่งสูงสุด โดยเฉพาะตัวแปรที่ไม่แน่นอนของวาสนา แม้แต่ข้าก็ยังมองไม่ทะลุ”
“ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่าอำนาจเทพของเสี้ยวหน้าซ่างฮวงก็คือชะตาวาสนา”
“เจ้ากับรัชทายาทรัฐม่วงคราม คนหนึ่งใช้เลือดเนื้อซ่างฮวงสร้างกายเนื้อ คนหนึ่งเป็นผู้มีสายสัมพันธ์พิเศษกับซ่างฮวงได้รับชีวิตใหม่”
“ขณะเดียวกัน ภายใต้ดาบนั้นของอาจารย์เจ้าเมื่อคราวนั้น โชคชะตาของรัฐม่วงครามก็ชิงเอามาให้เจ้าบางส่วน ทำให้การกลับมาของรัฐม่วงครามเปลี่ยนไปไม่สมบูรณ์”
“และความสัมพันธ์ของเจ้ากับรัชทายาทรัฐม่วงคราม ในชาตินี้ยังเป็นพี่น้องกันอีก”
“เรื่องเหล่านี้เหมือนการเกี่ยวพันของชะตาวาสนา และในอนาคตก็จะต้องหลอมรวมเป็นหนึ่งอย่างแน่นอน”
“นี่คือแนวคิดว่าด้วยสิ่งที่กำหนดแน่นอนและตัวแปรที่ไม่แน่นอน และเป็นการต่อสู้ของชะตาและวาสนา ยิ่งเป็นศึกตัดสินชะตาชีวิตระหว่างเจ้าและรัชทายาทรัฐม่วงคราม”
จักรพรรดินีดึงสายตาที่มองสวี่ชิงกลับมา ทอดสายตามองไปยังท้องฟ้าที่ไกล ในดวงตาของนางคล้ายมีลำแสงไหลวนฉายวูบ เหมือนว่า…องค์ท่านมองเห็นวันนั้น
จากนั้นก็หมองหม่นลง
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
เขาเห็นแสงมองหม่นในดวงตาจักรพรรดินี แต่กลับไม่เอ่ยถามอะไรแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายเห็นไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ความจริงแล้วล้วนเป็นในขอบเขตของสิ่งที่กำหนดเอาไว้แน่นอนแล้ว
ตัวแปรที่ไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองได้เห็น
ชะตาชีวิต ในเมื่อสุดท้ายแล้วตนก็ควบคุมมัน เช่นนั้นในอนาคต ก็ต้องเป็นตัวเองใช้มีดสลักไปกำหนดมันเอง
ทั้งสลักชะตาของคนอื่นและสลักชีวิตของตัวเอง
ดังนั้น สวี่ชิงนิ่งสงบ ไม่หวั่นไหว มองไปทางจักรพรรดินี โค้งคารวะ
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ช่วยไขปัญหา ไม่ทราบว่าฝ่าบาทอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารแห่งนี้ มีเรื่องอะไรให้ข้าแซ่สวี่ผู้นี้จัดการหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หากมี สวี่ชิงจะต้องทุ่มเทกำลังทั้งหมดให้สำเร็จอย่างแน่นอน!”
จักรพรรดินีได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย
“เดิมนั้นไม่มี”
สวี่ชิงกะพริบตาปริบๆ ฟังถึงนัยยะที่แฝงเอาไว้ของประโยคนี้ออก
“แต่คำนึงถึงว่าเจ้าไม่ค่อยจะสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัวสักเท่าไร ดังนั้น นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าคอยติดตามอยู่ข้างกายข้าก็แล้วกัน”
“สามวันหลังจากนี้ ข้าจะไปเผ่าปีกมารฝั่งประจิมสักหน่อย ใช้ฐานะของหลี่ว์หลิงจื่อไปคารวะมหาจักรพรรดิปีกมารรุ่นนี้ ปรึกษาเรื่องรายละเอียดของการเปิดสถานที่ปิดด่านของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียน”
“ถึงตอนนั้น เจ้าไปด้วยกันกับข้า”
“ตอนนี้เจ้าพักที่นอกตำหนักก่อนก็ได้ ฟื้นฟูวิญญาณของเจ้าที่ตอนนี้อ่อนแอสักหน่อย”
จักรพรรดินียกมือ ขวดลูกกลอนและแผ่นหยกแผ่นหนึ่งก็ลอยไปหาสวี่ชิง
สวี่ชิงรับมา สัมผัสได้ว่าในขวดมีลูกกลอนหนึ่งเม็ด เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกกลอนหล่อเลี้ยงวิญญาณ ส่วนแผ่นหยกก็มีคุณสมบัตินี้เช่นกัน ในใจของเขาเกิดความรู้สึกขอบคุณ โค้งคารวะอีกครั้ง จากนั้นก็ถอยไปจากตำหนัก
นอกตำหนัก สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก นั่งขัดสมาธิสมาธิ กลืนลูกกลอนในขวดที่ถืออยู่ลงไปในทีเดียว
ลูกกลอนนี้เมื่อเข้าปากก็ละลายทันที เกิดเป็นฤทธิ์ยาหล่อเลี้ยงวิญญาณ ผสานไปในทะเลความรู้สึก
ลูกกลอนนี้มีสรรพคุณที่ไม่ธรรมดา เมื่อแทรกซึมไปในทะเลความรู้สึกก็เหมือนผืนแผ่นดินที่แห้งแล้งได้น้ำฝน ต้นไม้ใบหญ้าที่แห้งเหี่ยวได้ชีวิตใหม่ วิญญาณของสวี่ชิงที่หมองหม่นเนื่องจากแดนลับต้นกำเนิดโลกก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว
สามวันผ่านไป
วิญญาณของสวี่ชิง ภายใต้ฤทธิ์ของยาลูกกลอนก็ฟื้นคืนกลับมาห้าส่วน
แม้จะไม่ได้ฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ แต่ส่งอิทธิพลต่อกำลังรบไม่น้อยเลย จากนี้ต้องใช้เวลาไปหล่อเลี้ยง ขณะเดียวกัน พลังของแผ่นหยกก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น สวี่ชิงคาดว่าอย่างมากหนึ่งเดือน ตัวเองก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูถึงสภาวะสมบูรณ์ที่สุด
ส่วนจัรพรรดินี ในพลบค่ำของวันนี้ก็เดินออกจากตำหนักใหญ่ ก้าวไปทางท้องฟ้า
สวี่ชิงลุกขึ้นทันที ติดตามอยู่ข้างหลัง
ดังนั้น ที่เชิงเขาเจ้าเหนือหัวที่สิบ ผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารมากมายที่รวมตัวอยู่ที่นั่น ในยามพลบค่ำวันนี้ ก็ต่างเห็นภาพที่ทำให้พวกเขาต้องหมอบคารวะ
เจ้าเหนือหัวเหาะเหินกลางอากาศจากไป
นี่เป็นการเดินทางจากไปอย่างเป็นสาธารณะครั้งแรก หลังจากที่หลี่ว์หลิงจื่อสร้างเขาเจ้าเหนือหัว
ส่วนสวี่ชิงที่ตามติดอยู่ข้างหลังก็เป็นครั้งแรกที่ได้รับการจับจ้องจากคนทั้งหลาย เหล่าผู้บำเพ็ญต่างจิตใจสั่นสะท้าน
ในบรรดาพวกเขามีคนรู้จักเสี่ยเฉินจื่อ แต่คนส่วนมากยิ่งได้เห็นภาพที่เขามาคำนับฝากตัวกับตา และต่างจิตใจเกิดความสั่นสะท้านเมื่อสวี่ชิงได้รับอนุญาตให้เข้าไปในภูเขาเจ้าเหนือหัวเมื่อตอนนั้น
แต่ตอนนี้ เห็นสวี่ชิงคอยติดตาม พวกเขาเข้าใจความหมายในนั้นทันที
เขากลายเป็นผู้ติดตามของเจ้าเหนือหัวที่สิบ!
นับจากนี้ ฐานะและตำแหน่งของเขาจะต่างจากอดีตไปโดยสิ้นเชิง หากลงจากเขาเพียงลำพัง กระทั่งว่าสามารถให้ผู้บำเพ็ญที่รวมตัวอยู่ที่นี่เหล่านั้นทำความเคารพอย่างนอบน้อมได้
ดังนั้นอารมณ์ซับซ้อนและไม่ยอมจำนนของแต่ละคน ผุดขึ้นมาในใจคนทั้งหลาย
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร อารมณ์เหล่านี้ต่างถูกฝืนสะกดลงไปทั้งสิ้น ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้แม้เพียงน้อยนิด สิ่งที่แสดงออกมาได้…มีเพียงความเคารพนอบน้อม
ท่ามกลางการหมอบคารวะของคนทั้งหลาย สวี่ชิงติดตามจักรพรรดินีเดินไปทางท้องฟ้า
ความเร็วของจักรพรรดินีไม่เร็วนัก แต่ทุกก้าวที่เหยียบย่างลงมา ฟ้าดินล้วนรางเลือน ระลอกคลื่นพลังเจ้าเหนือหัวทั้งร่างชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
และการเดินออกมาของจักรพรรดินีก็ดึงสายตาจับจ้องมาจากเจ้าเหนือหัวคนอื่นๆ ของเผ่าปีกมารฝั่งบูรพาทันที สายตาที่แฝงไว้ด้วยการประเมินชั่งน้ำหนักเป็นทางๆ ต่างจับจ้องมาผ่านอากาศ
สวี่ชิงเก็บกลิ่นอายลงไปตามสัญชาตญาณ แต่เห็นความสุขุมเยือกเย็นทั่วทั้งร่างของจักรพรรดินีแล้ว เขาก็มีความมั่นใจ
จะอย่างไร นี่ก็เป็นผู้บบำเพ็ญระดับแท่นเทวะสุดยอด อีกทั้งกล้าไปพบมหาจักรพรรดิปีกมาร เห็นได้ชัดว่าทางจักรพรรดินีก็จะต้องมั่นใจเป็นอย่างมากแน่นอน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ติดตามอยู่ข้างกายอีกฝ่าย ตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องขบคิดอะไรให้มาก
คิดถึงตรงนี้ สวี่ชิงเลยหน้า สุขุมเยือกเย็นขึ้นมาเช่นกัน
เช่นนี้เอง ท่ามกลางสายตาของผู้บำเพ็ญเจ้าเหนือหัวเผ่าปีกมารฝั่งบูรพาคนอื่นๆ จักรพรรดินีพาสวี่ชิงเดินข้ามผืนฟ้า หลังจากไม่กี่ก้าวก็ไปจากพื้นที่เขตเผ่าปีกมารฝั่งบูรพา เหยียบเข้ามาในเขตของเผ่าปีกมารฝั่งประจิม
ในพริบตาที่มาปรากฏตัวขึ้นที่เผ่าปีกมารฝั่งประจิม สายตาของเจ้าเหนือหัวที่มากยิ่งขึ้นก็จับจ้องมาท่ามกลางความว่างเปล่า
เพียงพริบตา ผืนดินคำรามเลื่อนลั่น มิติบิดเบี้ยว รอยกฎเกณฑ์และกฎระเบียบเป็นทางๆ กะพริบวูบวาบรอบๆ ยิ่งในทันทีที่สายตาจับจ้องมา ก็ยังมีจิตเทพทางหนึ่งกราดมาอย่างแข็งแกร่งทรงพลัง
ไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย จับจ้องมาบนร่างของจักรพรรดินี
จักรพรรดินีใบหน้าไร้อารมณ์ เดินไปข้างหน้าต่อไป
สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ ก้มหน้าติดตามไป
แม้เผ่าปีกมารฝั่งประจิมจะอยู่เหนือกว่าเผ่าปีกมารฝั่งบูรพา มีภูเขายี่สิบเอ็ดลูก
แต่สวี่ชิงสัมผัสได้ว่า สายตาของเจ้าเหนือหัวเหล่านี้แค่กวาดๆ มองมาที่ตนทางนี้เท่านั้น ที่เน้นให้ความสำคัญเป็นจักรพรรดินีทางนั้น
นี่ทำให้สวี่ชิงแทบจะไม่มีความกดดันอะไรเลย
เขาก็แค่ทำหน้าที่ผู้ติดตามให้ดีเท่านั้นก็พอแล้ว
แต่ว่า เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาเจ้าเหนือหัวที่มาจากความว่างเปล่าเหล่านั้นแฝงด้วยจิตที่ไม่เป็นมิตร อีกทั้งท่าทีแข็งก้าวเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าแฝงด้วยการแจ้งเตือนและดูถูกหลี่ว์หลิงจื่อ เจ้าเหนือหัวที่เลื่อนขั้นขึ้นมาใหม่อย่างหลี่ว์หลิงจื่อ แดนเผ่าปีกมารฝั่งบูรพาคนนี้อีกด้วย
การดูถูกนี้ ย่อมมีเป้าหมายที่ระดับขั้นลึกลงไป ดังนั้นจึงไม่ได้มาจากแค่เจ้าเหนือหัวเท่านั้น
แต่รวมมหาจักรพรรดิปีกมารรุ่นนี้เอาไว้ด้วย
การขอเข้าพบของจักรพรรดินีไม่เป็นผล
แท่นเต๋าของมหาจักรพรรดิปีกมาร หลังจากจักรพรรดินีบอกถึงวัตถุประสงค์ที่มาแล้วก็ไม่ได้มีทีท่าจะเรียกให้เข้าพบในทันที แต่ให้ลูกศิษย์ของมหาจักรพรรดิคนนั้นที่เป็นผู้บำเพ็ญกลางเพิ่งจะเลื่อนระดับเป็นเจ้าเหนือหัวเหมือนกัน มาแจ้งโองการให้กับจักรพรรดินี
โองการนี้มีเพียงคำเดียวเท่านั้น
“รอ!”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา