บทที่ 1061 ตอนนั้นเจ้าระเบิดตัวเอง…
จากการเอ่ยปากพูดขึ้นของสวี่ชิง จิตสังหารทำลายล้างก็แผ่ซ่านมาจากร่างของเขา ราวมีลมเย็นเยือกพัดกวาดมาบนลานกว้างนี้ พัดพาเอาความเย็นเยียบแผ่ไปในใจคนทั้งหลาย
ปรมาจารย์เซียนที่นี่ไม่ว่าจุดยืนที่ผ่านมาจะเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้ในเมื่อเยวี่ยตงเป็นผู้นำ ย่อมร่วมพลังต้านทานศัตรู ส่งจิตปฏิปักษ์ไปทางสวี่ชิงทางนั้น
นายน้อยตระกูลอวิ๋นในใจเกิดจิตสังหารขึ้นมาเช่นกัน เขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายเยวี่ยตงทั้งนั้น
ส่วนตัวแทนของภูเขาเจ้าเหนือหัวฝ่ายต่างๆ พวกเขาเคยได้ยินเรื่องความแค้นระหว่างเสี่ยเฉินจื่อและเยวี่ยตงมานานแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าร่วมไปด้วย อีกทั้งไม่คิดว่าทั้งสองฝ่ายจะตัดสินเป็นตายที่นี่กันจริงๆ
อย่างมากก็แค่สู้กันศึกหนึ่งก็เท่านั้น
นอกจากนี้ต่อให้ตัดสินเป็นตายกันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขา
ดังนั้น หลังจากคำพูดของเยวี่ยตง ชายชราภูเขาเจ้าเหนือหัวที่หนึ่ง สีหน้าคงความเคร่งขรึมเอาไว้ จากไปก่อนใคร
ตัวแทนภูเขาเจ้าเหนือหัวคนอื่นๆ ก็ต่างจากไปเช่นกัน คนสุดท้ายที่จากไปคือหลินคุนจากภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ห้า
ก่อนจาก สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างของสวี่ชิง
หลังจากสวี่ชิงพยักหน้าเล็กน้อย หลินคุนก็หัวเราะๆ ก่อนจะเดินออกไปจากตำหนักวิชาเซียน
จากการจากไปของฝ่ายต่างๆ ตัวแทนภูเขาเจ้าเหนือหัวที่นี่ก็เหลือเพียงสวี่ชิงคนเดียวเท่านั้น และเผชิญหน้ากับจิตปฏิปักษ์ของปรมาจารย์เซียนเหล่านี้ตลอดจนนายน้อยตระกูลอวิ๋น สีหน้าสวี่ชิงยังคงเป็นเหมือนเดิม
ประกายเย็นเยือกในดวงตาเยวี่ยตงฉายวาบ เอ่ยขึ้นราบเรียบ
“พวกเจ้าก็ถอยไปเถิด ไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามไม่ให้เข้ามาเด็ดขาด”
ปรมาจารย์เซียนที่นี่ต่างก้มหน้า ต่อให้ในใจจะยังลังเล แต่คำสั่งของเยวี่ยตงพวกเขาจะต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นก็ถอยไปเช่นกัน
มีเพียงนายน้อยตระกูลอวิ๋นคนนั้นที่ไม่เพียงแต่ไม่จากไป กลับเดินไปทางเยวี่ยตง ทำท่าเหมือนจะร่วมมือกับนางเผชิญหน้าสวี่ชิง
สำหรับคนคนนี้ต่อให้เป็นเอ้อร์หนิวในใจก็เกิดความจนปัญญาเช่นกัน
เพราะอีกฝ่าย…ให้มามากเหลือเกิน
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือความช่วยหลือ ล้วนแต่ทำให้เอ้อร์หนิวรู้สึกว่ายากจะใช้คำพูดเย็นชาด้วย ดังนั้นจึงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของข้ากับเสี่ยเฉินจื่อ”
ฝีเท้าของนายน้อยตระกูลอวิ๋นชะงัก หลังจากมองเห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของเยวี่ยตง เขาสูดลมหายใจลึก เคารพการตัดสินใจของเยวี่ยตง
“ก็ได้ ข้าอยู่ข้างนอก ตง…ขอเพียงเจ้าเรียก ข้าจะเข้ามาทันที”
พูดพลางสายตาแฝงด้วยความโหดเเหี้ยม จ้องสวี่ชิงผาดหนึ่ง นี่ถึงได้จากมาอย่างไม่เต็มใจ
ภาพนี้อยู่ในสายตาสวี่ชิง ในใจของเขาเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด จนกระทั่งนายน้อยตระกูลอวิ๋นจากไป ที่นี่เหลือเพียงเขากับเยวี่ยตง อีกทั้งหลังจากนางยกมือกางค่ายกลสกัดกั้นแล้ว…ความแปลกประหลาดในใจสวี่ชิงก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า
“อาชิง สีหน้าแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร!”
สังเกตเห็นสีหน้าบนใบหน้าสวี่ชิง เอ้อร์หนิวในใจเกิดความรู้สึกขัดใจผุดขึ้นมา ถลึงตาใส่
สวี่ชิงส่ายหน้า
“ไม่มีอะไร ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่ใหญ่ที่ชิงตำหนักวิชาเซียนเผ่าปีกมารฝั่งบูรพามาได้ ได้เป็นมหาปรมาจารย์เซียน!”
สวี่ชิงพูดพลางประสานหมัดคารวะ
เห็นสวี่ชิงทำเช่นนี้ เอ้อร์หนิวก็ไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยกับสีหน้าของสวี่ชิงเมื่อก่อนหน้านี้ ในใจตอนนี้เอ่อล้นไปด้วยความหยิ่งผยองและภาคภูมิ เชิดหน้าขึ้น
“ข้าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าคนนี้ก็แค่แสดงฝีมือเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง กับแค่ตำแหน่งมหาปรมาจารย์เซียน ความจริงข้าก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก”
แม้จะพูดไปเช่นนั้น แต่สีหน้าและคางที่เชิดขึ้น ล้วนบอกกับสวี่ชิงว่า…รีบชมข้า ชมข้าให้มากหน่อย
สำหรับนิสัยของเอ้อร์หนิว สวี่ชิงมองออกอย่างแม่นยำ ดังนั้นหลังจากสายตากวาดไปที่หว่างคิ้วของอีกฝ่าย ในใจคิดๆ ก็เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้น
“มองไปให้ทั่วทั้งเผ่าปีกมารฝั่งบูรพา ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นมหาปรมาจารย์เซียนมีมากมาย แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่เงยหน้ามองเท่านั้น ไม่อาจทำได้”
“นี่ทำให้เห็นได้ถึงความยอดเยี่ยมของศิษย์พี่ใหญ่ ต่อให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารแห่งนี้ก็ไม่มีใครเทียบได้”
ฟังถึงตรงนี้ เอ้อร์หนิวก็รู้สึกปลื้มใจจนดอกไม้บานในหัวใจ การได้รับคำชมจากสวี่ชิงแบบนี้ สำหรับเขาแล้วมันช่างสุขใจนัก
เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงกวาดสายตาไปยังหว่างคิ้วของเอ้อร์หนิวอีกครั้ง เอ่ยต่อไป
“ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่คนนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเตรียมสู่เทวะ โดยเฉพาะลม ฝน สายฟ้า ไฟ ยิ่งร้ายกาจนัก…”
พูดถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็จงใจหยุดลง มองไปทางเอ้อร์หนิว
เอ้อร์หนิวเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยอง กล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“นั่นนับเป็นเรื่องอะไรกัน ข้าเก่งกาจยิ่งกว่า ไอ้แก่นั่นใช้ลม ฝน สายฟ้า ไฟ ข้าใช้ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ห้าธาตุทุกธาตุล้วนเป็นสมับติล้ำค่าทั้งนั้น!”
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด จากนั้นก็รับคำอย่างแนบเนียนไร้ช่องโหว่
“ท่าทางศิษย์พี่ใหญ่น่าจะใช้ธาตุไม้ในธาตุทั้งห้าเป็นจุดสำคัญในการหลอมรวมและผสานพลังทั้งหมดเข้าด้วยกัน”
เอ้อร์หนิวหัวเราะเยาะ ทำท่าเหมือนเป็นผู้รู้มีคามรู้กว้างขวาง
“นี่เจ้าไม่เข้าใจแล้วกระมัง ใช้ธาตุไม้ไม่ได้ ข้าเน้นใช้ธาตุทองต่างหาก!”
“ทองหรือ” สวี่ชิงส่ายหน้า ทำท่าสงสัยออกมา
เห็นสวี่ชิงสงสัยเช่นนี้ เอ้อร์หนิวก็อดเอ่ยออกมาไม่ได้
“อาชิงน้อยเจ้ารู้น้อยเห็นน้อยโลกแคบนัก ทองที่ข้าใช้ไม่ธรรมดา เป็นตอนนั้นที่เจ้าระ…”
เอ้อร์หนิวพูดถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก รู้ตัวว่าพลั้งหลุดปากออกไป ในใจสั่นสะท้าน รีบแก้ทันที
“หลังจากหลุดบอกตัวตนของตัวเอง นั่นก็…เจ้าก็…”
เอ้อร์หนิวหน้าผากเหงื่อผุดซึมชื้น ส่วนสวี่ชิงตอนนี้ดวงตาเป็นประกายวาววาบ มองเอ้อร์หนิวที่แต่งเรื่องอะไรไม่ออก เอ่ยราบเรียบ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนั้นข้าระอะไร”
เอ้อร์หนิวหัวเราะ ถอยหลังไปหลายก้าว
สวี่ชิงก้าวออกไปก้าวหนึ่ง แหวกข้ามอากาศทันที มาปรากฏข้างหน้าเอ้อร์หนิว จ้องหว่างคิ้วของเขา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ของที่ซ่อนอยู่ที่หว่างคิ้วของท่านทำให้ข้ารู้สึกเหมือนมันมีต้นกำเนิดเดียวกับข้า นี่ก็คือทองที่ท่านว่ากระมัง”
เอ้อร์หนิวเหงื่อซึมชื้นผุดออกมามากกว่าเดิม รู้ว่าปิดต่อไปไม่ได้แล้ว ดังนั้น ดวงตาจึงกลอกอย่างไว แล้วเอ่ยขึ้นอย่างองอาจเด็ดเดี่ยว
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว เช่นนั้นข้าก็โล่งใจ ตอนนั้นเจ้าระเบิดตัวเองที่เมืองหลวงเผ่ามนุษย์ ร่างกลายเป็นเถ้าธุลี เหลือเพียงเศษกระดูกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เป็นข้าที่ช่วยเจ้ารวบรวมทีละเล็กทีละน้อย ลำบากลำบนยิ่งนัก เดิมคิดว่าจะคืนให้เจ้า”
“แต่ข้ากังวลว่าเจ้าเห็นเศษกระดูกของตัวเองแล้วจะเจ็บปวด ดังนั้นข้าคำนึงถึงว่าไม่อยากให้เจ้าต้องเสียใจ ก็เลยคิดว่าจะเก็บไว้เองเป็นที่ระลึก”
พูดๆ ไป เอ้อร์หนิวก็เริ่มมั่นอกมั่นใจขึ้นมา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา