บทที่ 1066 สุสานในม่านฝน
โลกเศษชิ้นส่วนความทรงจำของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนอันลึกลับ บนที่ราบอันมืดมิด มีร่องน้ำขนาดมหึมาสายหนึ่ง
ราวหุบเหวลึก
ในจุดลึก ชายชราชุดคลุมยาวสีดำคนหนึ่งกำลังเคลื่อนไปข้างหน้า
หน้าตาของเขาไม่ใช่หมิงเหยียนอีกต่อไป แต่เป็นใบหน้าที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงอะไรมามากมาย
เป็นคนชุดคลุมยาวสีดำที่เคยปรากฏตัวในแท่นเต๋าของมหาจักรพรรดิหมัวอวี่คนนั้นนั่นเอง
โซ่เหล็กบนร่างของเขา จากเสียงเคร้งครั้งในการเคลื่อนไปข้างหน้า อีกทั้งแผ่ความแผดเผารุนแรงออกมา แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่นำสีหน้าเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้นมาให้เขา กลับเป็นความตื่นเต้นฮึกเหิมที่เติมเต็มไปทั้งหมด
“จะถึงแล้ว…”
ชายชราชุดคลุมยาวสีดำลมหายใจเปลี่ยนมาหอบถี่ขึ้น เร่งฝีเท้าไปข้างหน้า ความเร็วเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป ร่างของเขาก็หยุด
ข้างหน้าเป็นสุดปลายหุบเหวลึก
ที่นี่มีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง
ยืนอยู่ข้างบ่อน้ำ ชายชราฉายสีหน้าตื่นเต้น ก้มลงมอง
ในบ่อมีน้ำ ผิวน้ำสะท้อนโลกรางเลือนใบหนึ่ง
ในโลกใบนั้น มืดมิดไปทั้งหมด ตลบอวลไปด้วยความตาย
ฝนกำลังตก…
“ที่นี่แหละ!”
ชายชราสูดลมหายใจลึก ในดวงตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ร่างเพียงไหววูบก็ตรงไปในบ่อ
……
ขณะเดียวกัน ในโลกเศษเสี้ยวความทรงจำที่นกร้องขับขานดอกไม้ผลิบานส่งกลิ่นหอมตลบอวล ที่นี่ราวกับดินแดนเซียน เมฆขาวฟ่อง กระเรียนเซียนบินร่อน
เขาเซียนมากมายตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นดิน ท่ามกลามเมฆหมอกลอยตลอบอ้อยอิ่ง ก็จะเห็นวังเซียนนับไม่ถ้วน
นอกประตูวังเซียนที่สิบเจ็ด นายน้อยตระกูลอวิ๋นยืนอยู่ตรงนั้น หลังจากหันไปมองฟ้าดิน เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง พึมพำออกมา
“ฝนจะตกแล้ว”
พูดจบ เขาก็ผลักประตูวังเซียนข้างหน้าออก
ทันทีที่ประตูตำหนักเปิดออก ม่านฟ้าของโลกแห่งนี้เกิดลมพัดขึ้น
คล้ายว่ามีความชื้นตลบอวลในโลกใบนี้อยู่รางๆ
ส่วนในวังเซียนที่เปิดออก ที่นั่นมืดมิดไปทั้งแถบ ฝนกำลังตก
นายน้อยตระกูลอวิ๋นราวเข้าจาริกสวงบุญ สีหน้าเคารพนอบน้อม ก้าวเท้าเดินเข้าไป
……
ขณะเดียวกัน ในสถานที่ที่มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนปิดด่าน คนเหล่านั้นที่มาจากเผ่าปีกมารประจิม และหลินคุนแห่งเผ่าปีกมารบูรพา พวกเขาก็ใช้วิธีของแต่ละคน ไปจากเศษชิ้นส่วนความทรงจำเดิม
อีกทั้งใช้วิธีแตกต่างกันไป ค้นสำรวจในโลกเศษชิ้นส่วนความทรงจำอื่นๆ
ในการค้นสำรวจนี้ ในโลกเศษชิ้นส่วนที่พวกเขาอยู่แต่ละแห่งนั้นต่างทยอยเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
เมฆหมอกโหมทะลัก หยาดฝนโปรยปราย
……
“ฝนตกแล้วหรือ”
ฝนหยดหนึ่งตกลงมาข้างหน้าสวี่ชิง กระทบไปบนใบของเถาวัลย์เทพศักดิ์สิทธิ์
ม่านฟ้าสีเทาหม่น รอยแยกและรูโหว่กำลังค่อยๆ ผสานตัว มีเพียงพื้นที่อื่นเท่านั้น เมฆหมอกหลอมรวม ฝนแต่ละเม็ดๆ กำลังตกลงมา
ตกมาบนร่างของสวี่ชิง และตกไปบนผมของเอ้อร์หนิวที่กำลังเอ่ยอย่างหยิ่งทะนงบนพื้นดินด้วยเช่นกัน
“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราไปเถิด”
จะอย่างไรสถานที่ที่แปลกประหลาดแห่งนี้ หลังจากผ่านเรื่องราวเหล่านี้ สวี่ชิงรู้สึกว่าติดตามอยู่ข้างกายจักรพรรดินีถึงจะปลอดภัยที่สุด
แต่เออร์หนิวเห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดแบบนั้น
ในใจของเขา ตัวเองอยู่บนดาวดวงนี้พูดได้ว่าสะบักสะบอม อเนจอนาถเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะหลังจากที่ถูกการออกฉากอย่างอลังการน่าตื่นตะลึงของสวี่ชิงกระตุ้น หัวใจที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ของเอ้อร์หนิวดวงนั้น ความเร็วและแรงของการเต้นเหนือยิ่งกว่าปกติ
“สถานที่บ้าแห่งนี้ หากข้าไม่ได้อะไรกลับไปบ้างเลย สิ่งที่ประสบพบเจอก่อนหน้านี้ก็เสียเปล่าแล้ว”
ในใจขบคิดเช่นนี้ แต่สีหน้าของเขายังคงรักษาความหยิ่งทะนงเอาไว้ เอ่ยราบเรียบ
“อาชิงน้อย พวกเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนจากไป ดาวดวงนี้ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าสยบได้แล้ว ต่อจากนี้เป็นช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวผลแห่งโอกาส”
“เจ้าโชคไม่เลวเลย มาได้พอดี ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าแล้ว ข้าจะให้เจ้าได้เห็นกับตาถึงการผงาดขึ้นของข้า!”
เอ้อร์หนิวเชิดหน้า ไหล่ขยับ สะบัดแขนเสื้อที่ว่างเปล่าไปทีหนึ่ง
ทำท่าเหมือนมองอย่างหยิ่งทะนง
เพียงแต่ขาข้างหนึ่งและแขนข้างหนึ่ง ทั้งยังมีผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงและรูพรุนทั่วทั้งร่าง ทำให้เอ้อร์หนิวในเสี้ยวขณะนี้จะดูอย่างไรก็อเนจอนาถ
สวี่ชิงถอนหายใจในใจ รู้ว่าจิตใจเอาชนะของศิษย์พี่ใหญ่ตนกำเริบอีกแล้ว
ดังนั้นร่างพลันกระโดด ร่อนลงมาจากเถาวัลย์เทพ หลังจากมายืนอยู่ข้างหน้าเอ้อร์หนิวก็ถามอย่างให้ความร่วมมือประโยคหนึ่งว่า
“โอกาสอะไรหรือ”
“แน่นอนว่าต้องเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนได้รับที่นี่ในตอนนั้น!”
เอ้อร์หนิวตาเป็นประกาย เลียริมฝีปาก สายตากวาดไปรอบๆ มองไปยังดวงดาวที่แร้นแค้นกันดาร อีกทั้งยังเต็มไปด้วยซากศพและหนอน เขาเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“อาชิงน้อย เจ้าเพิ่งมาถึงจึงยังไม่รู้เรื่องราวของข้า ข้าได้สำรวจที่นี่จนทะลุปรุโปร่งแล้ว อีกทั้งยังได้วิเคราะห์เหตุและผลออกมาเรียบร้อยแล้ว”
“เจ้าอย่ามองว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ย่ำแย่สุดๆ แต่ความจริงจากการวิเคราะห์ของข้า ยิ่งเป็นสถานที่ที่ดูแล้วไม่เท่าไรแบบนี้ โอกาสที่แอบซ่อนอยู่ก็ยิ่งใหญ่โตนัก”
“ในเมื่อ เศษความทรงจำของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนชิ้นนี้สามารถก่อเป็นโลกได้ เห็นได้ว่าเขามีความทรงจำในตอนนั้นกับที่นี่ลึกซึ้งนัก…”
“และข้าในช่วงนี้ได้ทำการวิเคราะห์ มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนที่ข้าอวตารมา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสกำลังจะตายอยู่ที่นี่ เช่นนั้นเขาฟื้นฟูได้อย่างไร และจากไปที่นี่ได้อย่างไร”
“วิธีปกติธรรมดา เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่เขากลับไปจากที่นี่ได้”
“นี่มากพอที่จะอธิบายว่าที่นี่ซ่อนโอกาสวาสนายิ่งใหญ่มหึมามากๆ เอาไว้อย่างหนึ่ง ส่วนมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนก็ได้โอกาสนั้นไป!”
“โอกาสนี้เพราะข้าอวตารเป็นหมิงเหยียนที่นี่ มีเพียงข้าที่คว้ามันได้!”
เอ้อร์หนิวพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ สวี่ชิงเมื่อได้ยินก็เข้าใจถึงเหตุและผล ดวงตาฉายประกาย
ดังนั้น สายตามองไปรอบๆ เช่นกัน ในใจขบคิด
เห็นสวี่ชิงยอมรับการวิเคราะห์ของตัวเอง เอ้อร์หนิวยิ่งรู้สึกว่าการคาดเดาของตัวเองไม่ผิดแน่ ดังนั้นจึงกระแอมออกมาครั้งหนึ่ง
“ดังนั้นท่าทางน่าอนาถของข้าตอนนี้ ตลอดจนก่อนหน้านี้ถูกหนอนพวกนั้นไล่ล่า ความจริงแล้วข้าล้วนจงใจทั้งสิ้น ข้าลองสัมผัสกับความสิ้นหวังของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนในตอนนั้น”
เอ้อร์หนิววนอ้อมโลก ในที่สุดก็อ้อมมาประโยคนี้
ต้องพูดว่าเอ้อร์หนิวไม่ง่ายเลย อีกทั้งคำพูดเหล่านี้ของเขาฟังแล้วก็เหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้างจริงๆ
คิ้วของสวี่ชิงเลิกขึ้น มองไปทางเอ้อร์หนิว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา