บทที่ 1074 ล้างผัก
………………..
บนทะเลโปร่งแสง ในก้อนเนื้อสีม่วงแดงน่าหวาดกลัวนั่น จากการดังออกมาของเสียง จากการแผ่ออกมาของกลิ่นอาย…
มหาสมุทรโปร่งแสงทั้งผืนก็เกิดลมพายุขึ้นแล้วแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์
ท่ามกลางเสียงกรีดหวีดอย่างรวดเร็วสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ก่อเป็นคลื่นลูกใหญ่ซัดกวาด คล้ายจะถล่มฟ้าทะลายปฐพี
ส่วนท้องฟ้าที่เกิดขึ้นจากเลือดเนื้อ จากการขยับเขยื้อนไปมา รยางค์เลือดเนื้อนับไม่ถ้วนบนนั้นก็ส่ายไหว ส่วนช่องเลือดเนื้อที่คนทั้งหลายมาตอนนี้ก็ปิดผนึกอย่างรวดเร็ว
ทำให้ที่นี่กลายเป็นดินแดนอันตราย
มีเพียงเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเสียดสีดังสะท้อนก้องอยู่ในแดนอันตราย กลายเป็นแว่วเสียงดังวนเวียนอยู่นานก็ไม่หายไป
ดังขึ้นในหูของเจ้าเหนือหัวทุกฝ่าย พวกเขาแต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด ในใจเกิดความรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา
ไม่ควรมาที่นี่
เพียงแค่หลายครั้ง ความละโมบไม่ได้ลดลงตามพลังบำเพ็ญที่เพิ่มขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องดูว่าคุณค่าเพียงพอหรือไม่
และสำหรับผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าเหนือหัวเหล่านี้ พวกเขาเดิมก็ไม่เคยขาดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อยู่แล้ว และไม่ใช่คนขี้ขลาดด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็ยากที่จะเดินมาตลอดทางจนถึงตอนนี้
ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่คิดว่าวางเดิมพันสักหน่อยได้ ลงมาเยือนในสถานที่เช่นนี้ ก็สมควรแก่เหตุผลแล้ว
ดังนั้นตอนนี้แต่ละคนต่างถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ ต่างสำแดงการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง เสาะหาวิธีพลิกสถานการณ์พลางวางความหวังไว้กับมหาจักรพรรดิปีกมาร
ในบรรดาพวกเขา นอกจากเจ้าเหนือหัวที่ห้าที่แปลงเป็นหลินคุนมาที่นี่ด้วยการตัดสินใจของตัวเองแล้ว อีกหลายๆ คนที่เหลือล้วนแต่อยู่ภายใต้คำเตือนและคำสัญญาจากคำสาบานเต๋าของมหาจักรพรรดิปีกมาร สุดท้ายถึงได้ตัดสินใจมุ่งหน้ามา
และทุกอย่างก็ยังไม่ได้ถูกกำหนดแน่นอน
โดยเฉพาะการร่วมมือกันของจักรพรรดินีและมหาจักรพรรดิปีกมาร
แต่ละคนคว้ามรดกอำนาจและของวิเศษหาจักรพรรดิที่อยากได้ไปสำเร็จก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ส่วนสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว…
พวกเขาต่างมีเป้าหมายของตัวเองเช่นกัน
เป้าหมายของสวี่ชิงเทียบกันแล้วง่ายมาก เขาอยากทะลวงพันธนาการพลังบำเพ็ญของตัวเอง และพลังที่แผ่ซ่านมาจากทะเลโปร่งแสงที่นี่ แม้จะไม่ใช่พลังวิญญาณและก็ไม่ใช่พลังเทพด้วยเช่นกัน แต่พลังชีวิตที่แฝงอยู่ก็ทำให้เขามองเห็นความหวัง
“ที่นี่เหมาะสำหรับการยกระดับพลังบำเพ็ญเป็นอย่างมาก!”
ส่วนเอ้อร์หนิวทางนั้น สายตาของเขาที่มองไปคือก้อนเนื้อนั่น
มองเงาร่างที่อยู่ในนั้น เขาเลียริมฝีปากอย่างห้ามไม่ได้ เป้าหมายในตอนแรกที่เขามาที่นี่คืออยากควบคุมศพของมหาจักรพรรดิซักศพหนึ่ง
แต่เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายนี้ยากมากที่จะทำได้สำเร็จ
แต่ว่าเขายังมีเป้าหมายที่สอง นั่นก็คือกระตุ้นเตาหลอมกระดูกชาติที่แล้วของตัวเองให้ตื่นขึ้น หาความทรงจำชาติที่สามของตัวเองให้เจอ
สำหรับชาติที่หนึ่ง สองและสามของเขาล้วนขาดหายไปทั้งสิ้น
แต่เขามีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง ขอเพียงกุมความทรงจำชาติที่สามได้ ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะตามหาชาติที่สองและชาติที่หนึ่งที่เป็นต้นกำเนิดสุดท้ายได้
และในเสี้ยวพริบตาที่แต่ละฝ่ายต่างถอยหลังความคิดในใจพลุ่งพล่านโดยมีพื้นฐานจากเป้าหมายของตัวเอง ทันทีที่จักรพรรดินีกับมหาจักรพรรดิปีกมารพุ่งตรงไปยังก้อนเนื้อ…
บนทะเลโปร่งแสง ในก้อนเนื้อมหึมานั่น มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็ยกมือขวาขึ้น
ท้องฟ้าสั่นสะเทือน พลันร่วงลงมาข้างล่าง
ภาพนี้ราวสายฟ้าฟาดผ่าจิตใจ
นั่นคือฟ้าจะถล่มแผ่นดิน!
นั่นคือการบดขยี้ทุกสิ่ง
พลังอำนาจสะท้านสะเทือนโลก ทำลายทุกอย่าง!
ขณะเดียวกัน ท้องฟ้ารอบๆ ก็ต่างเกิดระลอกคลื่น ราวเปลี่ยนเป็นวัตถุจริง โดยมีพลังมหาศาลไหลบ่าสู่ใจกลาง แล้วกดอัด
มหาสมุทรข้างล่างก็เช่นกัน ลอยขึ้นฟ้า รับหน้าไปยังท้องฟ้าและมิติเปล่ารอบๆ
ส่วนในประสาทการรับรู้ของสวี่ชิงก็รู้สึกเพียงแค่ฟ้าดินรางเลือน พลังกดดันมหาศาลไม่สิ้นสุด ทั่วทุกทิศกำลังหอบม้วน แต่หลังจากจิตใจสั่นไหว ทุกอย่างที่เขาเห็นล้วนเป็นปกติ
ฟ้ายังคงเป็นท้องฟ้าเลือดเนื้อ
ดินก็ยังคงเป็นทะเลโปร่งแสง
ทุกอย่างรอบๆ ส่วนใหญ่ล้วนไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักเท่าไร
มีเพียงจักรพรรดินีและมหาจักรพรรดิปีกมารทางนั้นที่…ถูกเนื้อชุ่มเลือดสีแดงม่วงห่อหุ้มเอาไว้ชั้นหนึ่งเหมือนก้อนกลมก้อนหนึ่ง
นั่นประกอบขึ้นจากฟ้าและมหาสมุทร ตลอดจนมิติ
เพราะในเสี้ยวพริบตาเมื่อครู่ ฟ้าดินตลอดจนทั่วทุกสารทิศ ศูนย์กลางที่หลอมรวมมาก็คือจักรพรรดินีและมหาจักรพรรดิปีกมาร!
ภาพนี้สวี่ชิงยากที่จะบรรยายมันออกมาได้อย่างชัดเจน
เขาเพียงแค่มีความรู้สึกรุนแรงอย่างหนึ่ง โลกใบนี้เหมือนเป็นผลไม้ลูกหนึ่ง
และที่ที่คนทั้งหลายอยู่คือแกนกลางของมิติผลไม้ใบนี้ พริบตาเมื่อครู่คือมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนใช้พลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ คว้านไปในผลไม้ลูกนี้
จากนั้นก็บดส่วนที่คว้านออกมาเป็นก้อนกลมก้อนหนึ่ง
จักรพรรดินีและมหาจักรพรรดิปีกมารถูกผนึกอยู่ในนั้น
ไม่รอให้ประสาทสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิงชัดเจน จากเสียงคำรามกึกก้องของฟ้าดิน ภาพฉากเดียวกันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
จวบจนกระทั่งเกิดขึ้นติดๆ กันถึงครั้งที่ยี่สิบสามจึงจบสิ้น!
รอบๆ ยังเป็นปกติ ฟ้าดินยังเหมือนเดิม
เพียงแต่เหมือนว่า…บางลงไปเล็กน้อย
ทุกฝ่ายต่างตื่นตะลึง
และเสียงของหมิงเหยียนก็ยังคงดังก้อง
“หมากตานี้ข้าวางไว้พันปี รอเพียงมหาจักรพรรดิปีกมารมาถึงในช่วงเวลาที่สำคัญ ข้าช่วงชิงร่าง กลายเป็นร่างชีวิตใหม่ของข้า”
ในก้อนเนื้อ มหาจักรพรรดิปีกมารเอ่ยราบเรียบ
“ส่วนพวกเจ้าก็จะเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตใหม่ของข้า”
“ส่วนการปรากฏขึ้นของผู้บำเพ็ญระดับแท่นเทวะเป็นเรื่องที่ข้าไม่คาดคิด แต่ว่า…ก็เป็นเรื่องไม่คาดคิดที่น่ายินดี”
หมิงเหยียนพูดพลางสายตาจับจ้องไปยังก้อนเนื้อที่ผนึกจักรพรรดินีและมหาจักรพรรดิปีกมาร หลังจากกวาดตาไป ก็มองไปทางผู้บำเพ็ญทั้งหลายที่หน้าถอดสี
“โลกของข้ามีทั้งหมดสามสิบสามชั้น ข้าลอกออกไปยี่สิบสามชั้นทำเป็นผนึก”
“ตอนนี้ยังเหลืออีกสิบชั้นทิ้งไว้ให้พวกเจ้า”
พูดจบมือขวาที่ยกขึ้นของหมิงเหยียนก็วางลงเบาๆ
เสี้ยวขณะต่อมา ไม่ว่าคนทั้งหลายจะดิ้นรนอย่างไร ต่อต้านอย่างไร หลบหลีกอย่างไรล้วนแต่ไร้ประโยชน์ เพียงพริบตา…ท้องฟ้าคำรามครืนคราน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา