บทที่ 1081 ยึดติดความเป็นตาย ยากนักที่จะปล่อยวาง
เผ่าปีกมารฝั่งบูรพา บริเวณที่เคยเป็นแท่นเต๋าในอดีตเสียงฮือฮาดังระงม
ผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารจำนวนหาศาลที่อยู่รอบๆ เห็นแท่นเต๋าที่สำหรับพวกเขาแล้วมีความหมายทางสัญลักษณ์เป็นอย่างสูง เห็นกิ่งไม้แห้งเหี่ยวกิ่งนี้พุ่งขึ้นฟ้า เห็นผลไม้ที่อยู่บนนั้น
แต่ละคนในใจเกิดระลอกคลื่นแผ่ระลอกรุนแรง
โดยเฉพาะ…มหาจักรพรรดิปีกมารที่เคยนั่งอยู่เหนือแท่นเต๋าเผ่าปีกมารฝั่งบูรพา เงาร่างนั้นรางเลือนไปในเสี้ยวพริบตานี้ทันที สลายเลือนหายไปตามไปด้วย
นั่นกลับเป็นเพียงแค่เงามายาร่างหนึ่งเท่านั้น
อาศัยตำแหน่งของมหาจักรพรรดิถึงทำให้คนทั้งหลายไม่อาจมองร่องรอยออกได้
ตอนนี้จากการพังทลายของแท่นเต๋า จากการโจมตีของกลิ่นอายผลเต๋า คนทั้งหลายมองเรื่องจริงเท็จออกมา
ทุกอย่างแปรเปลี่ยนเป็นลมพายุไร้รูปร่าง ขณะเดียวกับที่หอบม้วนไปทั่วทุกสารทิศ ความรู้สึกกระวนกระวายที่มาจากสัญชาตญาณของชีวิตก็พวยพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
ความกระวนกระวายนี้ ด้านหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลของที่นี่ อีกด้านหนึ่งคือ…มาจากเสียงระฆังที่ดังก้องกังวานไปทั่วแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร
เสียงระฆังเก่าแก่โบราณดังก้องไปในฟ้าดิน
นั่นคือระฆังแห่งสงคราม
เพราะการพังทลายของแท่นเต๋าเหมือนเป็นสัญญาณหนึ่ง
เผ่ามนุษย์และเผ่านภาคิมหันต์ลอยขึ้นฟ้าแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในเสี้ยวขณะนี้ พุ่งตรงมายังแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้า ต่างพร้อมเปิดศึก
เพียงพริบตาฟ้าดินปั่นป่วนวุ่นวาย
โลกภายนอกวุ่นวาย โลกในผลเต๋าตอนนี้ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นเช่นกัน
จากเสียงคำรามต่ำของหมิงเหยียนในเตาหลอมกระดูก เตาหลอมใบนี้ตอนนี้ส่งเสียงเลื่อนลั่นสะท้านฟ้า สั่นคลอนอย่างรุนแรง และหนอนที่แปลงมาจากเอ้อร์หนิวนอกเตาหลอมกระดูก หลังจากที่แบกรับพลังดิ้นรนในเตาหลอมกระดูกใบนี้ก็ต่างแหลกสลายไป
ในเตาหลอม เหมือนหมิงเหยียนจะขับเคลื่อนพลังจากผลเต๋าที่ตัวเองอยู่ ทำให้ตัวเองมาอยู่ในสภาวะสมดุลอีกครั้ง สำแดงพลังทะลวงฟ้าออกมา กำลังระเบิดปะทุ
ภายใต้เสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ฝาของเตาหลอมกระดูกก็เกิดสัญญาณว่าจะถูกเปิดออก
จนกระทั่งเสี้ยวขณะต่อมา ฝาเตาหลอมกระดูกพลันสั่นสะเทือน ยกตัวขึ้นเป็นรอยแยกทางหนึ่ง แสงสีทองและแสงสีม่วงสาดส่องออกมาจากรอยแยกรอบๆ ฝา ส่องแสงพุ่งออกมา
มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนใกล้จะหลุดจากพันธนาการแล้วเต็มที
ในช่วงเวลาสำคัญ ในมิติเศษชิ้นส่วนที่จักรพรรดินีอยู่ไกลๆ ก็พลันปะทุขึ้น
นอกเตาหลอมในเวลาเดียวกัน หนอนสีฟ้าพวกนั้นที่หลงเหลืออยู่ แต่ละตัวในดวงตาฉายความบ้าคลั่ง ดูดซับผลึกแก้วที่สวี่ชิงส่งมาก่อนหน้านี้อย่างบ้าคลั่ง ปากส่งเสียงคำรามต่ำออกมา
“มารดามันสิ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรือไร!”
“ชาติที่สาม!!”
ท่ามกลางเสียงคำราม ทะเลโปร่งแสงข้างล่างก็ระเบิดมาทันที น้ำทะเลมหาศาลเกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ ทำให้ทะเลโปร่งแสงทั้งผืนกลายเป็นคลื่นวนมหึมาลูกหนึ่ง
กลิ่นอายเก่าแก่โบราณกลุ่มหนึ่งปะทุพวยพุ่งมาจากในคลื่นวนลูกนี้
ก่อนหน้านี้หลังจากที่ร่างแหลกละเอียดร่วงลงสู่มหาสมุทร ความจริงเอ้อร์หนิวก็หาเศษชิ้นส่วนความทรงจำชาติที่สามของตัวเองเจอแล้ว เพียงแต่ด้านหนึ่งเพราะเวลามีจำกัด อีกด้านหนึ่งคือพลังในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ
ดังนั้นเขาจึงไม่อาจดูดซับได้อย่างสมบูรณ์ในทันที
จนกระทั่งพลังต้นกำเนิดดั้งเดิมที่สวี่ชิงส่งมา…
พลังต้นกำเนิดนี้สำหรับสวี่ชิงแล้วสามารถสร้างร่างเซียนได้ สำหรับเอ้อร์หนิวก็ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน
สามารถหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้เขาสามารถปลดผนึกได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ดูดซับความทรงจำชาติที่สามที่ได้มาได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้หลังจากดูดซับ เขาก็มีความสามารถในการอัญเชิญขั้นต้นของชาติที่สามได้
ดังนั้น เสี้ยวพริบตาต่อมา ท่ามกลางการปะทุของมหาสมุทรโปร่งสงทั้งผืน ในคลื่นวนก็หอบม้วนเปลวเพลิงน้ำแข็งออกมา ความเย็นยิ่งแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศในเสี้ยวพริบตา
จากนั้นมือใหญ่สีดำข้างหนึ่งจากในคลื่นวนบนมหาสมุทรโปร่งแสงก็ลอยขึ้นฟ้า
มือนี้ไม่ใช่วัตถุจริง แต่เกิดขึ้นจากภาพมายา ทว่า กลิ่นอายที่แผ่ออกมาไม่เพียงแต่เก่าแก่โบราณเท่านั้นแต่ยังแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมโหดไร้เทียมทานกลุ่มหนึ่งอีกด้วย สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
รูปร่างของมันก็แปลกประหลาดเช่นกัน
ดูเหมือนเป็นมือ แต่ความจริงแล้วปลายนิ้วกลางมีศีรษะอยู่ศีรษะหนึ่ง ส่วนนิ้วนางและนิ้วชี้โค้งเป็นแขน
นิ้วก้อยและนิ้วโป้งงอโค้งลงข้างล่างราวขาสองข้าง
ส่วนที่กลางฝ่ามือแยกออกเป็นรอยแยกทางหนึ่ง นั่นเป็นปากมหึมาเลือดชุ่มโชก
บนตัวมีขนสีดำนับไม่ถ้วนปกคลุมไปทุกส่วน
ดูแล้วเหี้ยมเกรียมเป็นอย่างยิ่ง น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก
นี่ก็คือภาพสะท้อนเงาชาติที่สามของเอ้อร์หนิว ซึ่งก็คือมหาบาปสุดยอดที่ถูกมหาจักรพรรดิวิชาเซียนสยบในตอนนั้น
ตอนนี้เอ้อร์หนิวอัญเชิญออกมาก็พุ่งตรงไปยังท้องฟ้า เพียงพริบตาก็มาถึงยังบริเวณเหนือเตาหลอมกระดูก แล้วพลันกดไปยังเตาหลอมกระดูกที่สั่นสะเทือนคิดจะทะลวงออกมา
“หลอมมัน!”
เอ้อร์หนิวคำราม
เตาหลอมกระดูกสะเทือน เกิดความเงียบสงบไปพริบบตาหนึ่ง แต่เอ้อร์หนิวก็ไม่ได้ประมาท เสี้ยวขณะต่อไป พลังปะทุที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากลุ่มหนึ่งก็พลันแผ่ออกมาจากในเตาหลอมกระดูก
เสียงครืนครานดังกึกก้องกัมปนาท
ภาพฉายเงาชาติที่สามของเอ้อร์หนิวรางเลือนไปทันที มีสัญญาว่าจะแตกสลาย
จะอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ร่างจริงชาติที่สามของเขาที่แท้จริง เป็นเพียงแค่ภาพฉายเงาเท่านั้น เผชิญหน้ากับหมิงเหยียนที่พลังบำเพ็ญน่าครั่นคร้ามในเตาหลอมกระดูก พลังสยบของเขายากจะเกิดผลได้อย่างสมบูรณ์
เห็นภาพฉายเงาชาติที่สามของเอ้อร์หนิวจะแตกสลาย…
สวี่ชิงในช่วงเวลาสำคัญก็ทำการหลอมรวมสุดท้ายของโลกใบใหญ่ทั้งเจ็ดในร่างกายเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้นร่างก็พลันไหววูบ
เพียงพริบตาก็มาปรากฏอยู่ข้างภาพฉายเงาชาติที่สามของเอ้อร์หนิว สายตาฉายประกายวาววาม มือขวายกขึ้น กดข้ามอากาศไปยังเตาหลอมกระดูกที่สั่นสะเทือนอยู่ข้างล่าง
“ธาตุทองสุดยอด ธาตุไม้สุดยอด ธาตุน้ำสุดยอด ธาตุไฟสุดยอด ธาตุดินสุดยอด!”
ปากของเขาเปล่งเสียงสวรรค์ออกมา
เสี้ยวขณะต่อมา โลกห้าจากเจ็ดใบข้างหลังก็พลันลงมาเยือน ท่ามกลางความรางเลือนคล้ายก่อเป็นผลึกแก้วที่ไม่สมบูรณ์ห้าก้อน ปะทุพลังห้าธาตุออกมา วนล้อมรอบเตาหลอมกระดูกทำการสะกด
จากนั้น โลกที่เหลืออีกสองใบก็ลงมาเยือนอย่างรวดเร็ว
มิติสุดยอด เวลาสุดยอด!
ในเตาหลอมกระดูกมีเสียงโหยหวนน่าขนลุกเสียงหนึ่งดังออกมา ทว่าเสี้ยวขณะต่อมา สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวก็หน้าเปลี่ยนสีไปพร้อมกัน แรงปะทุน่าหวาดกลัวเหนือสิ่งอื่นใดกลุ่มหนึ่งพุ่งท่วมฟ้ามาจากในเตาหลอมกระดูก
ความแข็งแกร่งของแรงปะทุนี้ทรงพลังเกินต้านทาน บดขยี้ทำลายล้างประหนึ่งว่าการต้านทานทุกอย่างล้วนไร้ความหมาย
เสี้ยวพริบตาต่อมาระเบิด!
ฝาเตาหลอมกระดูกถูกเปิดออกอย่างแรง สวี่ชิงกับเอ้อร์หนิวถอยร่นไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนภายในเตาหลอม เงาร่างของหมิงเหยียนก็กำลังลอยตัวขึ้นมา
พวกเขาแม้จะแข็งแกร่ง แต่เทียบกับหมิงเหยียนทางนี้ สุดท้ายแล้วก็ห่างชั้นกันไม่น้อยเลย
“พวกเจ้า…”
เสียงแหบแห้งในยามที่ดังออกมาจากปากของเงาร่างนี้ เศษชิ้นส่วนที่จักรพรรดินีอยู่ก็พลันแตกสลาย
กลิ่นอายเทพเจ้าปะทุในนั้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา