เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 1104

บทที่ 1104 ต้นกำเนิดของอำนาจ

สวี่ชิงกับผู้บำเพ็ญวัยกลางคนสบตากันจากภายนอกและภายในเมือง

หยาดฝนลอยคว้างกลางอากาศ แผ่จิตสังหารดุดันออกมา

ตอนนี้เทียบสองคนกลางม่านฝนได้อย่างชัดเจน

คนหนึ่งรูปงามไม่เป็นสองรองใคร โดดเด่นท่ามกลางสายฝน ผมยาวพลิ้วไหว นัยน์ตาฉายแววประหลาด

คนหนึ่งผมเป็นสีดอกเลา หน้าตาน่าเกรงขาม แต่สีหน้ากลับไม่น่าดูนัก

ตรงกลางคั่นด้วยประตูเมือง

ทุกหยาดฝนราวคมศาสตรา เมื่อสวี่ชิงเงื้อมือชี้ไปทางผู้บำเพ็ญวัยกลางคนในเมือง

เวลาเหมือนชะงักค้าง มีเพียงจิตสังหารพลุ่งพล่านออกจากตัว

ทั้งสองฝ่ายไม่เลือกลงมือทันที

สวี่ชิงกำลังสังเกตการณ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลองควบคุมรอยวิถีอำนาจของอีกฝ่าย เขาต้องการให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมากกว่านี้เพื่อพิสูจน์ความคิดตน

ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนกำลังสังเกตการณ์เช่นกัน

ไม่ใช่แค่สังเกตการณ์สวี่ชิง แต่สำรวจฝนรอบตัวด้วย

อำนาจแห่งฝนวิวัฒน์จากรอยวิถีของเขา ก่อนเขาก้าวเป็นเจ้าเหนือหัว ใช้ชีวิตในวงแหวนที่ห้านี้ แน่นอนว่าเคยเป็นผู้เก่งกล้าด้านการศึก

มีวิชาต่อสู้มากมาย ตลอดทางล้วนพึ่งพาการสังหารเพื่อก้าวเดิน

แต่ตอนนั้นกว่าจะทะลวงระดับได้ไม่ง่ายเลย เมื่อก้าวเป็นเจ้าเหนือหัว ไม่ทันพักฟื้นก็เจอศัตรูแข็งแกร่ง

ศึกนั้นเขาบาดเจ็บหนัก โชคดีหนีมาได้ แต่ความสาหัสของอาการบาดเจ็บทำให้หนทางข้างหน้าเขาตัดขาด

ต่อจากนั้นจึงหมดกำลังใจ อยู่อย่างสงบตรงแดนนี้

ครั้งนี้เขาคิดนานกว่าจะตัดสินใจเด็ดขาดว่าอยากทุุ่มสุดตัว

แต่นึกไม่ถึงว่าศึกแรก… กลับเจอเรื่องเช่นนี้

ทว่าหลังจากเป็นเจ้าเหนือหัวแล้วไม่ได้ต่อสู้นัก ก่อนหน้านี้จึงไม่เคยเจอสถานการณ์เสียการควบคุมรอยวิถีอำนาจเหมือนตรงหน้าด้วยตัวเอง แต่เคยได้ยินเรื่องคล้ายคลึงกัน

โดยทั่วไปถ้าเกิดสถานการณ์เสียการควบคุมรอยวิถีอำนาจเช่นนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะเจอศัตรูใช้อำนาจแบบเดียวกัน ทั้งความเข้าใจที่อีกฝ่ายมีต่ออำนาจยังเหนือกว่าตัวเอง

‘อำนาจวิวัฒน์มาจากวิถีเซียนที่ถือกำเนิดพร้อมตัวอ่อนเซียน’

‘วิถีเซียนคล้ายกับวิถีสวรรค์ แต่กลับไม่คงอยู่จริง เลือนรางว่างเปล่า ถือเป็นสิ่งบ่งชี้เมื่อผู้บำเพ็ญชิงพลังวงแหวนที่เดิมเป็นของเทพเจ้ามา’

‘ไม่ว่าวงแหวนใดก็มีร่องรอยอันเป็นเอกลักษณ์ของสิ่งลึกลับอย่างเทพเจ้าทั้งสิ้น เมื่อร่องรอยเหล่านี้ถูกเทพสัมผัสรู้ก็จะกลายเป็นอำนาจเทพ’

‘ผู้บำเพ็ญไม่อาจครอบครอง แต่ระหว่างการสร้างตัวอ่อนเซียนย่อมดูดซับมาโดยธรรมชาติ กลายเป็นพลังรากฐานตน’

‘ดังนั้นการเจอผู้ครองอำนาจเดียวกัน ถือว่ามีความน่าจะเป็นไม่น้อย’

ยามผู้บำเพ็ญวัยกลางคนครุ่นคิด จิตใจค่อยสงบลง นัยน์ตาฉายแววดุดัน

‘แม้ว่าไม่เคยเจอ แต่เรื่องแบบนี้… ใช่ว่าผ่านพ้นไม่ได้! คนผู้นี้เป็นเพียงระดับเตรียมสู่เทวะ ไม่ใช่เจ้าเหนือหัว! ต่อให้เป็นพวกอัจฉริยะก็มีความสามารถจำกัด!’

ครู่ต่อมายามทั้งสองจ้องมองกัน ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน

เขาพลันเงื้อมือขวาขึ้น ก่อนตบหน้าอกตัวเองเต็มแรง

เมื่อเสียงกัมปนาทราวอสนีบาตดังก้อง ทั้งตัวเขาสะเทือน เลือดแดงสดออกมาตามรูขุมขน ระเบิดออกมาชั่วพริบตา

เลือดแดงสดหลอมรวมกับหยาดฝนทั่วสารทิศทันที เสริมส่งรอยวิถีตน ใช้หมอกเลือดเป็นสื่อนำ ควบคุมฝนโลหิต พยายามสลายการควบคุมของสวี่ชิง ควบคุมอำนาจใหม่อีกครั้ง

แต่กลับไม่อาจทำสำเร็จได้โดยสิ้นเชิง

วารีห้าธาตุของสวี่ชิงเหมือนพิเศษกว่า ต่อให้ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนระเบิดเจตจำนงเสริมพลัง แต่ยังชิงสิทธิ์ครอบครองได้เพียงครึ่งเดียว

พริบตาต่อมาม่านฝนระหว่างสวี่ชิงกับผู้บำเพ็ญวัยกลางคนแบ่งเป็นสองส่วนโดยมีประตูเมืองเป็นเขตแดน

ในประตูเมืองเปี่ยมฝนโลหิต กลิ่นคาวแผ่กระจาย

นอกประตูเมืองหยาดฝนเป็นประกาย บริสุทธิ์หาใดเปรียบ

เพียงพริบตาม่านฝนสองผืนพลันระเบิด กลายเป็นกระบี่คมกริบ หุ่นกระบอกฝน วิชาเวทวารี

เมื่อมองจากไกลๆ คล้ายสองกองทัพปะทะกัน กองกำลังพันหมื่นห้ำหั่นกันในยามนี้

เสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

เวิ้งฟ้าเปลี่ยนสี พื้นดินสะเทือน ผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนในเมืองใจสั่นสะท้าน ประตูเมืองรับแรงกระแทกก่อน แตกกระจายเป็นเสี่ยงทันที พังทลายกลายเป็นเถ้าธุลี

ส่วนสวี่ชิงกับผู้บำเพ็ญวัยกลางคน ทั้งสองต่างได้รับผลกระทบและแรงสะท้อนกลับจนถอยหลัง

แต่สีหน้าท่าทางกลับต่างกัน

ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนสีหน้าไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม

ส่วนสวี่ชิงกลับนัยน์ตาเปล่งประกาย

สาเหตุที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ลงมือทันที ด้วยต้องรวมข้อมูลมาตรวจสอบและวิเคราะห์มากขึ้น

ตอนนี้เขาพอมองเค้าเงื่อนบางอย่างออกแล้ว

เขารู้สึกว่าแนวคิดการมองเจ็ดยอดวิถีเป็นอำนาจ สำหรับตอนนี้ถือว่าถูกต้อง

นอกจากนี้คือผ่านการปะทะหยาดฝนก่อนหน้า เขาสัมผัสได้ว่าวารีห้าธาตุของตนแผ่สัญชาตญาณมุ่งหวังปรารถนา

‘ข้ากลืนกินอำนาจแห่งฝนของคนผู้นี้ได้ นำมาเสริมความแข็งแกร่งให้วารีห้าธาตุของข้า!’

นัยน์ตาสวี่ชิงส่องประกาย

นอกจากนี้เขายังชี้ชัดได้ ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนตรงหน้าคนนี้ เทียบกับเจ้าเหนือหัวที่ตัวเองเจอตรงเหมืองวิญญาณแล้ว เห็นชัดว่าอ่อนแอกว่า

จากการวิเคราะห์ของสวี่ชิง เจ้าเหนือหัวเฝ้าเหมืองวิญญาณน่าจะเข้าใกล้ระดับเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง พูดได้ว่าเป็นขั้นสูงสุดของเจ้าเหนือหัวช่วงต้น

ทว่าในตัวคนผู้นี้เหมือนมีแผลเก่า ทั้งพลังต่อสู้ยังด้อยกว่ามาก

‘ถ้าไม่ใช่ว่าเพิ่งก้าวสู่ระดับเจ้าเหนือหัวไม่นานก็เป็นเพราะแผลเก่า’

‘คนผู้นี้… ข้าไม่ต้องใช้ปราณกระบี่ของท่านปู่เก้าก็สังหารได้!’

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ในใจสวี่ชิงเกิดจิตสังหารเด่นชัด ร่างไหววูบมุ่งตรงไปทางผู้บำเพ็ญวัยกลางคน

ระเบิดวิถีปัญจธาตุในตัวชั่วพริบตา

ทันใดนั้นรอบตัวเขาพลันเกิดภาพประหลาด

แผ่นดินม้วนตลบ พลังปฐพีซัดโหม คล้ายพื้นดินตื่นขึ้นมายามนี้ แผ่นดินสะเทือนภูเขาสั่นคลอน

ต้นไม้ส่ายสั่น หญ้าทั่วทิศเหมือนเป็นภูตผีปีศาจ เหล่าพฤกษชาติถูกกระตุ้น เติบโตอย่างบ้าคลั่ง ทำให้พลังไม้สะท้านฟ้าชั่วพริบตา

เมืองสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น พลังทองทั้งหมดในนั้นได้รับผลกระทบ ไม่ว่าเป็นอาวุธเวท ของวิเศษเวท สิ่งที่ทำจากทอง ทุกอย่างพลันส่ายสั่นทันที ถูกควบคุมลอยขึ้นห้วงนภา

ถ้ามองภาพนี้จากเวิ้งฟ้าห่างไกลย่อมตกตะลึงหาใดเปรียบ เรียกว่ารวมตัวกันฉับพลัน

บนฟ้าเกิดคลื่นถาโถม เพลิงสวรรค์กว้างใหญ่พลันปรากฏ แดงชาดทั้งแถบ ปกคลุมแสงเหนือ โหมกระหน่ำบ้าคลั่ง ท่วมทับลงมาเหมือนทะเลเพลิง

อานุภาพยิ่งใหญ่

ขณะเดียวกันรอบตัวบิดเบี้ยว ตั้งแต่อากาศ ร่างกายผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วน กระทั่งสรรพสิ่ง… ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ทั้งหมดหลั่งรินลงมาราวมหาสมุทรเยือนโลกา

สิ่งเหล่านี้ไม่เหมือนการต่อสู้ของสวี่ชิงกับหลิงเฟิงที่อาศัยเพียงท่วงท่าวิถีสวรรค์ แต่ระเบิดพลังออกมาจากรูปแบบรอยวิถีอำนาจตามความคิดสวี่ชิง

ชั่วพริบตายามปรากฏ ฟ้าดินเปลี่ยนสี คลื่นลมก่อตัว

ในสายตาผู้บำเพ็ญวัยกลางคน เทียบกับการถูกคุมอำนาจก่อนหน้านี้แล้วชวนตระหนกและตกตะลึงกว่ามาก

“ห้าอำนาจ!!”

“เป็นไปไม่ได้!!”

ในสมองผู้บำเพ็ญวัยกลางคนเกิดคลื่นยักษ์ท่วมฟ้า คล้ายมีอสนีบาตนับพันหมื่นเกิดขึ้นพร้อมกัน

สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนระดับเตรียมสู่เทวะครองห้าอำนาจด้วย

“เจ้าเป็นใครกันแน่!”

ในใจผู้บำเพ็ญวัยกลางคนปั่นป่วน แต่เห็นชัดว่าคำพูดเขาไม่ได้คำตอบ สวี่ชิงพลันเข้ามาใกล้แล้ว

ครู่ต่อมาเสียงระเบิดดังกัมปนาทใกล้ประตูเมือง

ทั่วสารทิศอลหม่าน คนนอกยากมองเห็นชัดเจน

หากพลังบำเพ็ญไม่พอ ถึงขั้นว่ามองปราดเดียวยังจิตพังทลาย ต่อให้พลังบำเพ็ญพอใช้ได้ แต่ถ้าไม่ถึงขั้น สิ่งที่เห็นคือภาพนามธรรม

เนื่องจากไม่เข้าใจ

ไม่เข้าใจสิ่งที่รับรู้ ทำให้สมองปั่นป่วน ยากก่อตัวเป็นภาพที่ถูกต้อง

ดังนั้นพวกเขาไม่อาจเห็นว่ากลางภาพนามธรรมเลือนรางและบิดเบี้ยวนี้ นอกจากห้าธาตุแล้วยังมีห้วงมิติแปรเปลี่ยน รวมถึงมีเวลาหยุดนิ่งด้วย

กระทั่งผ่านไปพักใหญ่

เมื่อแสงกระบี่ส่องประกาย ภาพนามธรรมอลหม่านและบิดเบี้ยวกลับมาเป็นปกติ

ภาพที่ปรากฏคือมุมปากผู้บำเพ็ญวัยกลางคนหลั่งเลือดแดงสด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ยืนอยู่จุดเดิม

กระบี่หนึ่งแทงเข้าวิญญาณสวรรค์ ทะลวงผ่านร่างกายเขา

เลือดแดงสดหลั่งชโลมเต็มพื้น

ส่วนสวี่ชิงจ้องมองผู้บำเพ็ญวัยกลางคนจากกลางอากาศ

ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนเงยหน้ามองสวี่ชิงอย่างยากลำบาก

เขาเหมือนอยากกล่าวอะไร แต่เมื่อเอ่ยปากเลือดแดงสดกลับขวางเสียงเขา

สวี่ชิงไม่คิดฟังคำพูดเขา เงื้อมือดึงกระบี่จักรพรรดิออกมา

ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนร่างกระตุก ประกายแสงตรงนัยน์ตามืดมน วิญญาณดับสลาย

วารีห้าธาตุพลันเพิ่มระดับ

บทที่ 1104 ต้นกำเนิดของอำนาจ 1

บทที่ 1104 ต้นกำเนิดของอำนาจ 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา