บทที่ 1105 มืดมิดดั่งที่เป็นมา
“อันดับแดนดาราทิศใต้ อันดับที่หนึ่งพันหนึ่งร้อยสี่สิบห้า…”
บนท้องฟ้า ใต้แสงเรืองรองแห่งขั้วโลก ร่างของสวี่ชิงประดุจรุ้งยาว พุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ไม่ได้ผ่อนคลายลงจากการสังหารผู้บำเพ็ญวัยกลางคนผู้นั้นเลย ตรงกันข้าม ความระแวดระวังในใจกลับยิ่งทวีขึ้น
เพราะหลังจากที่กระตุ้นป้ายอนุมัติเมืองเซียนและหลอมรวมเข้าไปในร่างแล้ว เขาก็นับว่าก้าวเข้าสู่การทดสอบล่าเหยื่อของเมืองเซียนอย่างแท้จริงแล้ว
อีกทั้งยังสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงภยันตรายและวิกฤติที่อาจจะมาเยือนได้ทุกเมื่อ
ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะระหว่างป้ายมีการเพิ่มขึ้นของขอบเขตการรับรู้
ป้ายอนุมัติเมืองเซียนนี้พิเศษยิ่งนัก หากไม่ได้หลอมรวมมันเข้าไว้ ก็จะไร้ซึ่งความสามารถในการรับรู้ แม้จะมีป้ายอนุมัติเมืองเซียนอื่นอยู่ข้างกาย พลังจิตของตนก็ไม่อาจรับรู้ได้แม้เพียงน้อยนิด
หากต้องการตรวจสอบป้ายอนุมัติเมืองเซียนอื่น มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นคือการหลอมรวมป้าย
อาศัยพลังของป้ายตนเพื่อรับรู้ถึงป้ายอนุมัติเมืองเซียนอื่น
ในระดับหนึ่ง ป้ายอนุมัติเมืองเซียนนี้ไม่เพียงเป็นคุณสมบัติ แต่ยังเป็นเครื่องมือเฉพาะสำหรับการรับรู้ด้วย
และก่อนที่จะสังหารผู้บำเพ็ญวัยกลางคนผู้นั้น หลังจากที่สวี่ชิงหลอมรวมป้ายอนุมัติเมืองเซียนของตน เขาสามารถรับรู้ขอบเขตของป้ายที่สามารถตรวจสอบได้ในรัศมีหนึ่งแสนลี้
ภายในระยะหนึ่งแสนลี้ ขอเพียงมีป้ายอนุมัติเมืองเซียนแผ่นอื่นปรากฏขึ้น เขาก็จะรับรู้ได้ในทันที
เดิมทีเขาคิดว่าผู้อื่นก็เป็นเช่นนี้
แต่…จากการสังหารผู้บำเพ็ญวัยกลางคนผู้ที่ถือป้ายอนุมัติเมืองเซียนเช่นกัน สวี่ชิงก็สัมผัสได้ว่า ตัวเขาไม่เพียงแค่อันดับเลื่อนขึ้นเท่านั้น แม้แต่ป้ายอนุมัติเมืองเซียนก็ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
ราวกับว่า จากขั้นที่หนึ่งเปลี่ยนเป็นขั้นที่สอง
การแสดงออกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือขอบเขตการรับรู้ป้ายอนุมัติเมืองเซียนแผ่นอื่นที่พุ่งเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า
แตะถึงระยะหนึ่งล้านลี้
เรื่องนี้ก็คือต้นตอที่ทำให้ใจของสวี่ชิงหนักอึ้ง
“ข้าเพียงแค่ได้รับเพิ่มมาหนึ่งอัน แต่ขอบเขตการรับรู้เฉพาะของป้ายอนุมัติเมืองเซียนกลับเพิ่มขึ้นมากมายถึงเพียงนี้”
“สามารถยืนยันได้ว่าดูดซับป้ายอนุมัติเมืองเซียนมากขึ้น ขอบเขตการรับรู้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกตามไปด้วย”
“เช่นนั้นผู้อื่นเล่า…”
รูม่านตาของสวี่ชิงหดเล็กลงเล็กน้อย ผลลัพธ์นี้สำหรับเขาแล้วไม่สู้ดีนัก
นี่หมายความว่า ยิ่งสังหารมากเท่าไร ยิ่งได้รับป้ายมากเท่าไร ขอบเขตการรับรู้ก็จะยิ่งกว้างไกลขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น โดยธรรมชาติแล้ว ก็จะเกิดข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของขอบเขตการรับรู้ขึ้น
ผู้แข็งแกร่งยิ่งแข็งแกร่ง ผู้อ่อนแอยิ่งอ่อนแอ
สามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดสถานการณ์หนึ่งขึ้นอย่างแน่นอน ศัตรูที่มีป้ายจำนวนมากจะสามารถรับรู้สวี่ชิงได้จากระยะไกล ในขณะที่ภายในขอบเขตของสวี่ชิงกลับไม่มีร่องรอยของอีกฝ่าย
เรื่องนี้ในการล่าสังหาร ถือว่าเป็นอันตรายถึงชีวิต
เพราะยิ่งมีป้ายมากขึ้น ก็หมายถึงอันดับในแดนดาราทิศใต้ของอีกฝ่ายสูงกว่า พลังบำเพ็ญย่อมแข็งแกร่งเป็นธรรมดา
อีกทั้ง จากเวลาที่หมุนผ่านไปจากการปรากฏตัวของผู้แข็งแกร่งที่มากขึ้น ขอบเขตการรับรู้ก็จะขยายไปถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว
ทำให้ไม่อาจหนี ไม่อาจหลบเลี่ยงได้
“มิน่าเล่า ข้าฆ่าไปเพียงแค่คนเดียว อันดับก็พุ่งขึ้นมากมายถึงเพียงนี้”
“ท่าทาง หลังจากขั้นที่สองเริ่มขึ้น การสังหารอย่างที่ข้าเพิ่งลงมือไปเมื่อครู่ ก็คงจะปะทุขึ้นทั่วทั้งแดนดาราทิศใต้นี้”
“นี่คือการทดสอบล่าสังหารขั้นที่สองของเมืองเซียน…”
“สมควรกับคำว่าล่าเหยื่อแล้วสองคำนี้แล้วจริงๆ”
สวี่ชิงพึมพำ
ผ่านจากการเพิ่มขอบเขตการรับรู้ของป้ายอนุมัติเมืองเซียน สวี่ชิงรับรู้ถึงความโหดร้ายและดุเดือดของการล่าสังหารระหว่างผู้ที่ถือครองป้ายอนุมัติเมืองเซียนด้วยกันเองครั้งนี้ได้อย่างชัดเจนและลึกซึ้ง
และสำหรับการวิเคราะห์เรื่องการเลี้ยงกู่ของเมืองเซียน ก็มีหลักฐานแล้วเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่า เมืองเซียนโยนอันดับรายชื่อออกมา สิ่งที่ต้องการไม่ใช่ดอกไม้ในเรือนกระจก แต่เป็นราชาหมาป่า ต้องการอัจฉริยะฟ้าประทานที่ฝ่าฟันสังหารออกมาจากภูเขาศพทะเลเลือดอย่างแท้จริง
ดังนั้น ความแตกต่างของขอบเขตการรับรู้แม้จะดูไม่ยุติธรรม แต่เรื่องนี้หากมองจากอีกมุมหนึ่งก็ยุติธรรมเช่นกัน
ความยุติธรรมของระบบในขั้นต้น
ส่วนหนทางข้างหน้าจะก้าวเดินเช่นไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน
ความเป็นความตายไม่แน่นอน
สวี่ชิงหรี่ตาลง เลียริมฝีปาก แววตาเผยประกายเย็นชา
เขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า แบบนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย
อย่างน้อยก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความกดดันมหาศาล
ที่แห่งนี้ไม่ใช่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ที่นี่ไม่มีอาจารย์มาช่วย ไม่มีจักรพรรดินีมาช่วย และยิ่งไม่มีศิษย์พี่ใหญ่มาช่วยเหลืออีกแล้ว
แม้แต่ตุ๊กตาจิ้งจอกก็ยังหลับใหลอย่างอ่อนแรงอยู่ในระบบดาวที่ห้าที่ต่อต้านเทพเจ้า
“ทุกสิ่งล้วนต้องพึ่งพาตนเอง”
“ผลลัพธ์จากการตัดสินใจใดๆ ล้วนต้องเผชิญหน้าเพียงลำพัง”
ความระแวดระวังของสวี่ชิงเพิ่มขึ้นถึงระดับสู่ขีดสุดในใจ จากนั้นก็หรี่ตาลง เก็บทุกความคิด แล้วมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ก็เริ่มทบทวนสิ่งที่ได้รับจากการต่อสู้ศึกนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ของตน
การแปรสภาพอำนาจสูงสุดของธาตุทั้งห้า คือสิ่งแรก
“อำนาจของข้าความจริงแล้วไม่ได้มีแค่ธาตุทั้งห้าเท่านั้น ยังมีมิติและกาลเวลา เพียงแต่การแปรสภาพพลังอำนาจของทั้งสองอย่างนี้ยังคงต้องฝึกฝนและค้นหาอีกมาก”
“ถัดมาคืออำนาจลบเลือน และรอยแห่งเต๋าที่แปรสภาพมาจากวิชาเซียนหกรากราคะตัณหา”
“ดังนั้น พูดให้ถูกต้องคือ หากแปรสภาพอำนาจทั้งหมด เช่นนั้น อำนาจของข้าก็จะมีเก้าอย่าง”
“ส่วนการบำเพ็ญของข้าหลังจากนี้ ด้านหนึ่งคือทำให้อำนาจธาตุทั้งห้าเพิ่มขึ้น อีกด้านหนึ่งคือการสำรวจมิติและกาลเวลาให้มากขึ้น เพื่อลองนำมาอนุมานวิถีสุดยอดที่แปดของข้าจากการนั้น”
สวี่ชิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง
สำหรับผลเก็บเกี่ยวอื่นๆ จากการต่อสู้ครั้งนี้ อย่างเช่น การเพิ่มพลังของป้าย นี่คือสิ่งลำดับที่สอง
และสิ่งที่ได้รับในขั้นที่สาม…คือแหวนมิติหนึ่งวง
ตราประทับบนนั้น จากการตายของเจ้าของเดิมก็ได้สลายไปแล้ว ดังนั้นสวี่ชิงหลังจากหยิบออกมา จิตเทพก็กวาดไป ก็สำรวจแหวนมิติวงนี้ทั้งหมดได้อย่างราบรื่น
ต้องพูดเลยว่า ภายในระบบดาวที่ห้าแห่งนี้ ผู้ที่สามารถก้าวไปถึงระดับเจ้าเหนือหัวได้ ของสะสมที่มีล้วนมั่งคั่งไม่ธรรมดาเลย
แน่นอนว่าสวี่ชิงก็คาดเดาสาเหตุได้คร่าวๆ
ผู้พิทักษ์เหมืองวิญญาณ เนื่องจากเฝ้าปกปักษ์คุ้มครองอยู่ที่นั่นหลายปี ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วสิ่งของทั้งหมดจึงอยู่กับตัว
ส่วนคนที่สองที่ถูกสวี่ชิงสังหารนั้น…
คนที่กล้าหลอมผสานป้ายอนุมัติเมืองเซียน ย่อมเตรียมพร้อมสำหรับพายุฝนคาวเลือดในอนาคต บุคคลเช่นนี้หากไม่ใช่ผู้ที่มั่นใจในตนเองอย่างยิ่ง ก็เป็นผู้ที่เตรียมจะทุ่มสุดตัวเพื่อต่อสู้
แบบแรกนั้นพูดยาก แต่แบบหลังย่อมต้องพกสิ่งของมีค่าของตัวเองไปด้วยอย่างแน่นอน
แหวนมิติวงนี้ก็เป็นเช่นนั้น
ในนั้นไม่ว่าจะเป็นหินวิญญาณหรือหยกเซียนล้วนมีจำนวนมหาศาล
แต่สมบัติมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือเข็มทิศอันหนึ่ง ทั้งยังชำรุดทรุดโทรมสาหัส เห็นได้ชัดว่าเคยเสียหายอย่างรุนแรง ตอนนี้อยู่ ระหว่างการซ่อมแซม
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่สวี่ชิงก็ยังคงได้ผลเก็บเกี่ยว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา