บทที่ 1106 คนเจ้าเล่ห์ปะทะคนเจ้าเล่ห์
ณ บริเวณห่างไปจากถ้ำที่สวี่ชิงอยู่เก้าแสนกว่าลี้ บนท้องฟ้า ใต้แสงเรืองรองแห่งขั้วโลกสีแดง ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีเหลืองคนหนึ่ง กำลังพุ่งทะยานไปอย่างเร็วรี่
เขาแหวกนภาไปตลอดทาง รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ตาเนื้อแทบจะสังเกตไม่เห็น
อีกทั้งเป้าหมายก็ชัดเจน คือทิศทางที่สวี่ชิงอยู่นั่นเอง
พลังบำเพ็ญที่ใกล้เคียงระดับผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง จากการเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาก็จำกัดมันไว้ภายในรัศมีร้อยจั้งรอบกาย ไม่แผ่ไปนอกนั้นแม้แต่น้อย อีกทั้งจากการพุ่งทะยานไป ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกนั้นธรรมดา ใบหน้าซีกขวายังมีปานที่ไม่ชัดเจนอยู่รอยหนึ่งด้วย ทำให้เขาทั้งคนดูค่อนข้างแปลกประหลาด
แต่ในดวงตากลับแฝงประกายเจ้าเล่ห์ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ตอนนี้แววตายิ่งทอประกายวาววาม
“นิ่งไม่ขยับเลยหรือ”
“น่าสนใจ…”
“คนคนนี้หากไม่รู้ตัวจริงๆ ขอบเขตการรับรู้ป้ายอนุมัติเมืองเซียนของเขาเป็นเพียงแค่เริ่มต้น ก็เป็นพวกที่มีเล่ห์กล จัดเตรียมกับดักไว้!”
“แน่นอน ยังมีความเป็นไปได้ที่สาม คือคนคนนี้มั่นใจในตนเองอย่างยิ่ง…”
ชายหนุ่มหรี่ตาลง ในขณะที่สมองขบคิด ความเร็วก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
“แต่สำหรับข้าแล้ว ไม่กลัวกับดัก!”
“แม้จะเป็นความเป็นไปได้ข้อที่สาม แต่ก็ไม่ถึงกับไร้ทางพลิกสถานการณ์”
คิดถึงตรงนี้ เขาก็พลันยกมือขึ้น นำแหวนเก็บของคู่หนึ่งที่มีมิติเดียวกันที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ วงหนึ่งในนั้นออกมา แล้วโยนลงไปข้างล่าง
ข้างล่างเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำผืนหนึ่ง
แหวนวงนั้นร่วงหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว จมหายไปในนั้น
การกระทำนี้ คล้ายว่าทำไปโดยไม่ตั้งใจ การลงมือไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มคนนี้เสียเวลาแม้แต่น้อย เสี้ยวพริบตาถัดมา เงาร่างของเขาก็พุ่งทะยานไปจากที่นี่
โดยปกติในแหวนเก็บของล้วนมีมิติเก็บของอยู่ ส่วนแหวนเองก็เหมือนประตูของมิติ
ตามปกติแล้ว ประตูที่เปิดมิติเก็บของจะมีเพียงบานเดียวเท่านั้น
แต่ชายหนุ่มคนนี้ กลับสร้างไว้สองบาน
เหตุที่ทำเช่นนี้ คนภายนอกนั้นไม่ทราบสาเหตุ นี่คือความลับของเขา เกือบทุกคนที่ล่วงรู้ความลับนี้ เขาสังหารไปหมดแล้วทั้งนั้น
ส่วนจิตสังหาร จากการพุ่งทะยานไปของชายหนุ่ม ก็กำลังสะสมเพิ่มขึ้น
เวลาหลังจากที่เหมือนจะรับรู้ได้ถึงจิตสังหารและรีบเร่งนี้ ก็ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วจนทำให้ผู้คนไม่ทันรู้ตัว
ระยะทาง ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เจ็ดแสนลี้ ห้าแสนลี้ สามแสนลี้…
กระทั่งแสนลี้!
ณ ระยะทางนี้ ความเร็วที่เดิมก็น่าตกตะลึงอยู่แล้วของชายหนุ่มคนนี้ ก็พลันเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
เขาตัดสินใจมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นความเป็นไปได้ที่ตนวิเคราะห์แบบใดก็ตาม วิธีการของตัวเขาก็จะทำไปตามแผนการ
แผนการของเขา ก็คือจะการเคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็วในขอบเขตการรับรู้เริ่มต้นของป้ายอนุมัติเมืองเซียนทั้งหมดระยะแสนลี้นี้ ไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสตอบโต้แม้แต่น้อย
……
ตอนนี้ เหนือถ้ำที่สวี่ชิงอยู่ ท้องฟ้าพลันเดือดพล่าน ทันทีที่เสียงเสียงกัมปนาทครืนครานสนั่นหวั่นไหวปะทุดังท่วมฟ้า อีกทั้งยิ่งมีแหล่งกำเนิดแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นในพริบตา แสงที่แผ่ออกมากวาดโหมไปทุกทิศทาง
ในพริบตที่เหมือนจะท่วมจมแสงเรืองรองแห่งขั้วโลกสีแดงบนฟากฟ้าไปจนหมด ค้อนหินขนาดมหึมาเล่มหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้น
ค้อนนี้เก่าแก่โบราณ แผ่กลิ่นอายเก่าแก่ ราวกับอยู่มานานแสนนาน เมื่อปรากฏขึ้นในขณะนี้ มันก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย พลันทุบไปยังเขารกร้างที่อยู่เบื้องล่าง
สยบกำราบ!
ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน ระลอกคลื่นพลังรูปวงแหวนกลุ่มหนึ่ง ก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงสีฟ้า ประดุจเป็นวัตถุจริง ทำลายล้างบดขยี้
ทว่าค้อนหิน กลับไม่ใช่วัตถุจริง
การทุบลงมาของมัน สามารถทะลุผ่านภูเขารกร้าง มาปรากฏยังเหนือศีรษะของสวี่ชิงที่ลืมตาอยู่ในถ้ำทันที
รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง พลังมหาศาล
เพียงพริบตา ไม่ให้สวี่ชิงมีโอกาสได้พักหายใจแม้แต่น้อย ปกคลุมไปทันที แล้วทุบลงอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกัน หลังจากค้อนหินนี้ ชายหนุ่มที่มีปานบนใบหน้าซีกขวา ก็แสดงความเร็วอันน่าสะพรึงกลัวเช่นกัน ตามหลังค้อนหินมาติดๆ
จิตสังหารแผ่ออกมาอย่างสั่นสะเทือนฟ้าดินในชั่วพริบตานี้
ช่วงวิกฤติอันตราย สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที ในยามที่เงยหน้าสองมือก็ประสานปางมือ ค่ายกลผนึกสี่เก้าก็พลันพุ่งขึ้นมารอบๆ ทันที
ค่ายกลผนึกสี่เก้าเปิดขึ้น ค่ายกลผนึกหลายแสนพุ่งมาจากทุกทิศทาง แผ่ปกคลุมไปยังขอบเขตที่สายตามองเห็นทั้งหมด กลายเป็นสายไหมอาคมเป็นสายๆ รวมกันเป็นหมัดหนึ่ง
โจมตีไปยังตราประทับหินที่ร่วงลงมาสุดกำลัง
เสียงกึกก้องสนั่นหวั่นไหว ในเสี้ยวขณะนี้สั่นคลอนฟ้าดิน แผ่ขยายไปทั่วทุกทิศทาง
ภูเขารกร้างที่ถ้ำตั้งอยู่ กลายเป็นเศษธุลีทันที แม้แต่พื้นดินใกล้เคียง ก็เช่นกัน กลายเป็นผุยผงกระจายไปรอบๆ
แม้แต่ความว่างเปล่าก็ยังบิดเบี้ยว ก่อเป็นรอยแยกมิติมากมาย
หมัดที่ก่อขึ้นจากค่ายกลหลายแสน สุดท้ายแล้วมีจำนวนน้อยเกินไป ตอนนี้ก็พังทลายเป็นชุ่นๆ
แต่อาศัยพลังของค่ายกลผนึกสี่เก้าและการปะทุพลังที่เกิดจากการพังทลาย ก็ยังคงทำให้ค้อนหินที่ร่วงลงมานั่น พลังพลานุภาพถูกสกัดกั้น อีกทั้งยังถูกยกขึ้นไป
เพียงแต่การโจมตีอันหนักหน่วงนี้ สวี่ชิงดูเหมือนจะแย่ไปเหมือนกัน
สีหน้าของเขาซีดเผือด ทั่วร่างสั่นสะท้าน แต่เห็นได้ชัดว่าในยามวิกฤตินี้ เขาก็ไม่สนใจอะไรมากนัก ตอนนี้เพียงไหววูบ ก็จะอาศัยโอกาสนี้หลบหนีไป
แต่ชั่วพริบตาถัดมา ชายหนุ่มที่อยู่หลังค้อนหิน ก็ประชิดเข้ามาแล้ว รอยเต๋าในดวงตาฉาบวูบ มือขวายกขึ้นสะบัด
เพียงพริบตา ลมพลันพัดกรรโชก!
อำนาจของเขา คือลม
ตอนนี้ลมสวรรค์พัดมา แปรเปลี่ยนเป็นพายุในทันที โอบล้อมสถานที่แห่งนี้ พัดกวาดซึ่งทุกสิ่ง ยิ่งพัดหอบกำแพงลมขึ้น ราวผนึก
ขัดขวางเส้นทางของสวี่ชิง
ขณะเดียวกัน ในพายุ มีเสียงคำรามต่ำๆ ดังออกมาเป็นระลอกๆ ในขณะต่อมา ในนั้นก็พลันมีกองทัพเกรียงไกรปรากฏขึ้น จากทุกทิศทาง พุ่งสังหารมายังสวี่ชิง
อีกทั้งข้างบน ชายหนุ่มที่มีปานบนใบหน้าซีกขวาคนนั้น จิตสังหารบ้าคลั่งเช่นกัน พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง
สวี่ชิงเห็นว่าไม่อาจหลบหนีได้ ในดวงตาฉายแววบ้าคลั่ง ราวว่าทุ่มสุดตัว ยกมือสะบัด
พลันอำนาจลบเลือน ก็พุ่งขึ้นมายังที่นี่
เข้าสู้กับพลังอำนาจแห่งลม
จากนั้นร่างของสวี่ชิงก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ในขณะที่ประสานมือ วิชา พลังวิเศษมากมายก็ต่างปรากฏขึ้น วนล้อมรอบตัวเขาเข้าสู้กับชายหนุ่มคนนั้น
ทั้งสองฝ่ายต่างปะทะกันในทันที
เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวสะท้อนกึกก้อง
ความบ้าคลั่งของสวี่ชิงยิ่งรุนแรงขึ้น คล้ายว่าเป็นการทุ่มสุดตัวในสถานการณ์สิ้นหวัง ไม่คำนึงถึงตนเอง เป้าหมายคือเพื่อบีบให้อีกฝ่ายถอยร่น
ดังนั้น เพียงพริบตา เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้อง สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่น ความดุเดือดพุ่งถึงขีดสุดในทันที
แต่เห็นได้ชัดว่าความแตกต่างระหว่างพวกเขานั้นไม่น้อยเลย เพียงสิบกว่าอึดใจต่อมา สวี่ชิงก็สั่นสะท้านไปทั่วร่าง ฝ่ามือของชายหนุ่มปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขาอย่างแปลกประหลาด
มาพร้อมด้วยความโหดเหี้ยม ไม่ให้โอกาสสวี่ชิงแม้แต่น้อย อีกทั้งนับตั้งแต่เริ่มสู้กันมาก็ไม่มีคำพูดใดๆ บีบลงอย่างรุนแรง
เสียงโพละดังขึ้น ศีรษะของสวี่ชิงก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แหลกสลายไปทันที
แต่ในชั่วพริบตาก่อนที่จะพังทลาย สวี่ชิงเลือกที่จะระเบิดตัวเองอย่างไม่ลังเล เพื่อขัดขวางอีกฝ่าย ขณะเดียวกันนั้นก็ทิ้งวิญญาณเอาไว้กลุ่มหนึ่ง ราวกับจะหนีไปไกล
เสียงระเบิดตูมๆ ดังสะท้านฟ้าดินอีกครั้ง
พลังของการระเบิดตัวเองก่อตัวเป็นคลื่นวนอันน่าสะพรึงกลัว แต่ชายหนุ่มคนนั้นกลับยิ้มเยาะ จากนั้นพลันมีกลิ่นอายรอยเต๋า พุ่งขึ้นจากร่างของเขา ก่อตัวเป็นทะเลเพลิง
เขามีพลังอำนาจถึงสองอย่าง
หนึ่งคือลม หนึ่งคือไฟ
อีกทั้งรูปแบบการต่อสู้ของเขา ก็ไม่เหมือนกับผู้พิทักษ์เหมืองวิญญาณและเจ้าเมืองที่สวี่ชิงสังหารไปเลย เมื่อเขาลงมือก็ใช้อำนาจ เมื่อโจมตีก็เป็นไพ่ตาย
ตอนนี้ทะเลเพลิงเดือดพล่านปั่นป่วน พุ่งไปยังคลื่นวนที่เกิดจากการระเบิดตัวเอง แล้วกลืนกินลงไปในทันที
เห็นว่าจะจัดการทุกสิ่งได้แล้วเต็มที อีกทั้งขณะที่ทะเลเพลิงปั่นป่วนเดือดพล่านก็หลอมรวมเข้ากับลมรอบกาย ภายใต้การปะทุพลัง ก็ขัดขวางวิญญาณของสวี่ชิงที่จะหลบหนี แล้วบดขยี้มันแหลกละเอียด
ในตอนนี้เอง!
ใต้ผืนดิน สวี่ชิงตัวจริง ก็พลันลืมตาขึ้น
เงาร่างก่อนหน้านี้ ย่อมเป็นเงาร่างที่แปลงมาจากต้นไม้วิเศษกระจกแก้ว ต้องพูดเลยว่าเงาร่างที่แปลงมาจากต้นไม้ต้นนี้ กลิ่นอายไม่แตกต่างไปจากสวี่ชิงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังสามารถแปลงวิญญาณออกมาได้อีกด้วย
แม้จะเป็นของปลอม แต่ในเวลาสั้นๆ ก็ยากที่ให้คนจะแยกออกได้
และยังดึงดูดพลังอำนาจธาตุไฟของคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ ทำให้ในขณะนี้อีกฝ่ายและตัวเขาเอง เผยช่องว่างออกมา
ดังนั้นในดวงตาสวี่ชิงพลันฉายประกายเย็นเยียบขึ้นมาวูบหนึ่ง
อำนาจห้าธาตุ ปะทุพลังขึ้นทั้งหมด
ในพริบตา แผ่นดินรอบๆ ที่กลายเป็นเศษธุลีก็ปั่นป่วนขึ้นมา พลังแห่งผืนดินในขณะนี้ รวมตัวกันมาอย่างรวดเร็วจากรอบด้าน
ท่ามกลางแผ่นดินสั่นไหวขุนเขาโยกคลอน ดินโคลนราวมหาสมุทร ปกคลุมสายลม กำราบพลังอำนาจธาตุไฟของชายหนุ่ม
จากนั้นไฟจากห้าธาตุของสวี่ชิง ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ทะเลเพลิงแผ่ขยาย เพลิงสวรรค์ไหลวน
อีกทั้งยังมีไอน้ำนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นในฟ้าดิน ทุกหยดในนั้นล้วนมีเงาร่างของสวี่ชิงปรากฏขึ้น มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ทั้งยังมีพลังแห่งไม้พันเกี่ยว กลายเป็นฝักกระบี่ไม้นับไม่ถ้วน แผ่เต็มทั่วทุกสารทิศ
และภายในฝักกระบี่แต่ละเล่ม ตอนนี้ล้วนมีพลังธาตุทองสาดประกายแสงออกมา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา