เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 1109

บทที่ 1109 คนพายเรือข้ามฝากแม่น้ำเทพเจ้า

ความรู้สึกราวกับมีเข็มทิ่มแทงหลัง ในตอนนี้รุนแรงจนถึงขีดสุด

รูม่านตาทั้งสองของสวี่ชิงหดเล็กทันที ลมหายใจก็ถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย วิกฤตความเป็นความตายในใจพลันปะทุขึ้นอย่างเต็มที่

ก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่มองภาพรวมของผู้ถือครองป้ายอนุมัติเมืองเซียนของแดนดาราทิศใต้ในเสี้ยวพริบตาหลอมผสานป้ายอนุมัติเมืองเซียนเท่านั้น สิ่งที่เห็นก็เป็นตราประทับดวงดาวมากมายเต็มไปหมด

แม้ในนั้นจะกะพริบส่องประกายต่างกันไป แต่ก็แค่กวาดมองผ่านๆ เท่านั้น

จวบจนตอนนี้ การปรากฏขึ้นของดวงดาวดวงนี้ทำให้สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงความแตกต่างในทันที

ทั้งๆ ที่เป็นเพียงแค่ตราประทับเดียว แต่กลับทำให้สวี่ชิงเกิดความรู้สึกอกสั่นขวัญผวา

แสงสว่างเจิดจ้าพร่างพราย แม้จะอยู่ห่างไกลออกไปถึงเพียงนี้ แต่กลับทะลุผ่านการรับรู้ จนถึงขั้นบาดตา

“คนคนนี้…แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!”

“พลังบำเพ็ญน่าจะไม่ใช่ระดับเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง แต่มีความเป็นไปได้มากว่าถึงระดับเจ้าเหนือหัวช่วงปลายแล้ว!”

“คนที่ข้าสังหารไปเมื่อครู่นั่น คนที่เขารออยู่ก็คือคนคนนี้!”

เมื่อรวมกับการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ สวี่ชิงก็ยังคงหวาดผวา

จินตนาการได้เลยว่า หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด ไม่เสียดายที่จะต้องบาดเจ็บเพื่อสลัดให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ถูกเหนี่ยวรั้ง สังหารชายหนุ่มที่มีปานบนใบหน้าด้านขวา…

เช่นนั้นตนในตอนนี้ ป้ายอนุมัติเมืองเซียนไม่มีทางรับรู้ภาพฉากที่ห่างออกไปสิบล้านลี้นี้ได้เลย

อีกทั้งภายใต้สภาวะที่ถูกพันธนาการ อีกฝ่ายก็จะประชิดเข้าใกล้มาเป็นแน่

ถึงตอนนั้น สิ่งที่รอตนอยู่ก็มีเพียงความตายเท่านั้น

กระทั่งว่าแม้แต่ความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีก็ยังไม่มี

แต่ในตอนนี้ แม้ว่าตัวเขาจะบาดเจ็บไม่น้อย แต่ก็อย่างน้อย…ไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบขนาดนั้น มีทางเลือกมากขึ้น

ดังนั้น สวี่ชิงจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย สำแดงความเร็วเต็มกำลัง

ไม่เสียดายค่าตอบแทนใดๆ เคลื่อนย้ายไปยังที่ไกลโพ้นในชั่วพริบตา พยายามที่จะทิ้งระยะห่าง

เขารู้ดีว่าด้วยกำลังรบในตอนนี้ของเขา สังหาร ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงต้นได้ รวมกับกับปราณกระบี่ของท่านปู่เก้า หากไม่เสียดายที่จะต้องบาดเจ็บ ก็เช่นนั้นก็จะสังหารผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงต้นได้ในพริบตา

แต่สำหรับช่วงกลาง สวี่ชิงไม่คิดว่าปราณกระบี่สุดท้ายที่เหลืออยู่เพียงทางเดียวของเขาจะสามารถเอาชนะได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุคคลน่าสะพรึงกลัวที่สงสัยว่าน่าจะเป็นผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงปลายคนนี้เลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการบาดเจ็บในตอนนี้ของเขา ก็ไม่เหมาะที่จะสู้ต่อ

แต่ถึงความเร็วของสวี่ชิงแม้จะรวดเร็ว ทว่าผู้ไล่ล่าคนนั้นก็ยังเร็วกว่าเขา

และขอบเขตการรับรู้ของป้ายอีกฝ่ายก็จะต้องถึงระดับที่น่าตกใจ เกินกว่าสิบล้านลี้เป็นแน่

ดังนั้น ทุกการเคลื่อนไหวของสวี่ชิง จึงเห็นได้ชัดว่าอยู่ในขอบเขตการรับรู้ของอีกฝ่ายตั้งนานแล้ว ความเร็วในตอนนี้ ในการสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิง ประดุจดาวตกดวงหนึ่ง

ระยะห่างระหว่างกัน กำลังลดลงอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ความรู้สึกวิกฤตอันตรายพลันปะทุขึ้น จากทุกอณูของเลือดเนื้อของสวี่ชิง จากวิญญาณของเขา จากจิตใต้สำนึกของเขา ล้วนปะทุขึ้นมา ก่อตัวเป็นพายุ พัดโหมกระหน่ำครืนครานเลื่อนลั่นไม่หยุด

ไม่ว่าจะเป็นเลือด หรือกระดูก ทุกสิ่งทุกอย่าง ในตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นอิสระ ต่างส่งสัญญาณอันตรายออกมา

“การลงมือก่อนหน้านี้ แม้จะเด็ดขาด แต่เมื่อมองเช่นนี้แล้ว ก็ยังคงช้าไป”

สวี่ชิงหายใจถี่กระชั้น พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง

เขารู้ดีว่า ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ ก็ยิ่งตื่นตระหนกลนลานไม่ได้

“ด้วยความเร็วของข้าในตอนนี้ อย่างมากที่สุดเพียงครึ่งก้านธูป ก็จะถูกไล่ตามทัน…”

“ภายใต้การเพิ่มพลังของอำนาจลบเลือน สามารถยืดเวลาได้อีกเล็กน้อย แต่อย่างมากก็แค่หนึ่งก้านธูปเท่านั้น”

“เวลาหนึ่งก้านธูป…”

ในสมองของสวี่ชิงมีภาพแผนที่ที่เขาซื้อผุดขึ้นมา ภายใต้การกวาดออกไปของจิตเทพ ก็จับเป้าหมายตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว

“แม่น้ำโลหิตเทพเจ้า!”

“คนพายเรือข้ามฟาก!”

“การข้ามแม่น้ำครั้งแรก แลกด้วยอายุขัยหกวัน สถานที่ที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน!”

ขณะที่ทะยานไป สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย หลังจากปรับทิศทางเล็กน้อยก็พุ่งไปอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันมือทั้งสองก็ประสานปางมือ ในเสี้ยวพริบตาต่อมา กายเนื้อที่ไร้ผิวหนังของเขาก็พลันปะทุเลือดสดๆ ออกมา

เลือดกลายเป็นหมอก หลังจากที่พุ่งออกมาก็ลุกไหม้ในทันที

นี่คือวิชาเผาโลหิต เป็นวิชาเสริมความเร็วที่สวี่ชิงเรียนรู้จากเอ้อร์หนิวเมื่อครั้งกระโน้น

แต่วิชานี้ใช้บ่อยไม่ได้ เพราะสร้างความเสียหายต่อร่างกายไม่น้อยเลย

แต่ในตอนนี้ที่ชีวิตอยู่ในอันตราย สวี่ชิงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เพียงพริบตา ความเร็วของเขาก็พุ่งพรวด ขอบเขตการเคลื่อนย้ายก็ขยายกว้างขึ้นเช่นกัน หายไปจากที่เดิมในทันที

เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่ห่างออกไปหลายล้านลี้แล้ว

แต่…แม้ว่าที่นี่จะเป็นรอยต่อระหว่างทิศตะวันตกและทิศใต้ แต่หากมองในภาพรวมของแดนดาราทิศใต้ทั้งหมดแล้ว ความจริง ระยะห่างกับแม่น้ำโลหิตเทพเจ้ายังคงไกลโขนัก

ดังนั้นหลังจากปรากฏตัว สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ร่างกายส่งเสียงดังบึ้ม ปะทุหมอกเลือดออกมาอีกครั้ง

ร่างของเขาเพิ่มพลังการเคลื่อนย้ายอีกครั้ง

เช่นนี้เอง หลังจากใช้ไปติดกันสิบกว่าครั้ง เขาก็เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาไปได้กว่าสิบกว่าล้านลี้ อาการบาดเจ็บของเขาหนักขึ้น อีกทั้งความรู้สึกอ่อนแอของร่างกายก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน

ดีที่มันได้ผล พอจะรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับผู้ไล่ล่าให้อยู่ที่ประมาณแปดล้านลี้ได้อย่างหวุดหวิด

แต่ระยะทางเพียงเล็กน้อยนี้ สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำต้องใช้เวลานานกว่าจะข้ามไปได้ แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งแล้วไม่นับเป็นอะไรเลย

ดังนั้น หลังจากที่วิชาเผาโลหิตไม่อาจใช้ต่อไปได้ วิชาห้าธาตุของสวี่ชิงก็พลังปะทุขึ้นอันดับแรกคือธาตุน้ำจากนั้นเป็นธาตุไฟ ธาตุหยินหยางปะทะกัน ก่อให้เกิดเป็นพลังระเบิด

ท่ามกลางเสียงระเบิด อาศัยการระเบิดนี้ เปลี่ยนเป็นแรงกระแทก เสริมความเร็ว

จากนั้น ขณะที่สวี่ชิงยกมือขึ้น พื้นดินก็ปั่นป่วนพลุ่งพล่าน กำแพงสูงแต่ละด้านๆ ผุดขึ้นจากพื้นดิน สูงเทียมฟ้า ใช้เป็นสิ่งกีดขวาง

เพียงพริบตา ฟ้าดินคำรามครืนครานเลื่อนลั่น จำนวนกำแพงสูงที่ก่อตัวขึ้นก็มากถึงหนึ่งแสนชั้นแล้ว

ยิ่งใหญ่กว้างไกลน่าตกใจ

ต่อจากนั้นคือลม!

อำนาจของสวี่ชิงไม่มีลม

แต่ศึกที่เขาสู้กับชายหนุ่มคนนั้น ตอนนี้ภายใต้วิกฤตความเป็นตายนี้ ความเข้าใจของเขาก็ปะทุขึ้นภายใต้การกระตุ้นนี้

คุณสมบัติของไม้คล้ายกับลม

ต่างมีชีวิตชีวา มีการเปลี่ยนแปลง

ดังนั้น…พลังไม้ลอยขึ้นฟ้า เคลื่อนไหวหมุนเวียน

บทที่ 1109 คนพายเรือข้ามฝากแม่น้ำเทพเจ้า 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา