บทที่ 1113 เชียนฝานแห่งตระกูลอวิ๋นเหมิน
เวลาสามวันเพียงพริบตาก็ผ่านพ้นไป
ภายในค่ายกลบนยอดเขาที่เก้าของตระกูลอวิ๋นเหมิน
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บมาหนึ่งปี อาศัยพลังวิญญาณอันเข้มข้นและพลังของผลึกแก้วสีม่วง สวี่ชิงก็ฟื้นฟูบาดแผลเต๋าในร่างกายจนหายขาดในที่สุด
ทันทีที่ดวงตาทั้งสองของเขาลืมตื่นขึ้น ผิวที่แต่เดิมซีดเซียวของเขาก็กลับมาเปล่งปลั่งขึ้น
อาการเจ็บปวดบนร่างกายหายไปจนหมดสิ้น
อาการไอที่พัวพันมาตลอดทั้งปีในที่สุดหยุดลง ความรู้สึกโปร่งโล่งของร่างกายยามหายใจ ทำให้ดวงตาทั้งสองที่ลืมตื่นขึ้นของสวี่ชิงกลับมาสดใสอย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน
สิ่งที่ตามมาคือพลังบำเพ็ญที่พุ่งพล่านเพิ่มทะยานขึ้นในร่างกาย และความหนักแน่นที่เกิดจากสะสมของการบรรลุวิชาเต๋าของตัวเองตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
เทียบกับหนึ่งปีที่แล้ว เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล
หากสวี่ชิงเมื่อหนึ่งปีที่แล้วเป็นกริชอันอันคมกริบ เช่นนั้น หลังจากผ่านการการรักษาและบ่มเพาะในหนึ่งปีมานี้ เขาก็ได้กลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
อีกทั้งยังมีฝักกระบี่ด้วย!
สามารถซ่อนคมกระบี่เอาไว้ได้
“ถึงเวลาที่ต้องจากไปแล้ว”
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองไปยังขอบฟ้าไกล
รอบด้านยังคงเป็นปกติ ผู้บำเพ็ญทั้งสามคนนั้นที่อยู่นอกค่ายกลยังคงนั่งบำเพ็ญอยู่
สามวันสุดท้ายนี้ ไม่มีเรื่องบังเอิญอะไรอย่างการปะทุขึ้นอย่างเฉียบพลันของสงครามตัดสินเป็นตายสองเผ่า และไม่มีผู้แข็งแกร่งที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ในความรู้สึกของสวี่ชิง บรรพบุรุษของตระกูลอวิ๋นเหมินยังคงกระเสือกกระสนประคองลมหายใจสุดท้ายยืดชีวิตไปได้
ส่วนกำลังรบที่แท้จริงของตนเองและเรื่องที่มีป้ายก็ไม่ได้แพร่งพรายออกไป
“ผลึกแก้วสีม่วงช่วยข้าได้อย่างมหาศาลจริงๆ”
สวี่ชิงสัมผัสผลึกแก้วสีม่วงเล็กน้อย พึมพำในใจ
ในช่วงที่เขารักษาอาการบาดเจ็บในบึงโคลน ได้ลองใช้ผลึกแก้วสีม่วงไปปกปิดการตรวจสอบป้ายอนุมัติเมืองเซียนจากคนภายนอก
อันที่จริง เรื่องนี้หลังจากที่เขาหลอมรวมกับป้ายอนุมัติเมืองเซียน ก็พยายามอยู่หลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวตลอด
ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะต่อต้านซึ่งกันและกัน
และวัสดุของป้ายอนุมัติเมืองเซียนก็พิเศษเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนจะมีการเหนี่ยวนำกับระบบดาวที่ห้าแห่งนี้อย่างน่าแปลกประหลาด
สุดท้าย ในบึงโคลน สวี่ชิงก็คิดวิธีที่พอจะกล้อมแกล้มไปได้ออกวิธีหนึ่ง
หลักการคือความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเงากับผลึกแก้วสีม่วง
เปลี่ยนเจ้าเงาให้เป็นเยื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง ปกคลุมไปบนผิวหนังของตน จากนั้นก็สำแดงพลังการสยบกำราบของผลึกแก้วสีม่วงออกมา
สยบกำราบเจ้าเงาและสยบกำราบตัวเองด้วยเช่นกัน
ใช้การสยบกำราบต่อเนื่อง บรรลุผลในการปกปิดโดยอ้อม
แต่ก็มีข้อบกพร่องอยู่ อย่างหนึ่งคือเงาน้อยส่งระลอกคลื่นอารมณ์ร้องไห้คร่ำครวญออกมาทุกวัน
อีกอย่างคือการผลาญพลัง
การกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ผลาญวิญญาณของสวี่ชิงอย่างมหาศาล
หากขอบเขตของผู้ครอบครองป้ายไม่สู้ตน การผลาญพลังนี้สวี่ชิงยังคงทนรับได้
แต่หากขอบเขตของอีกฝ่ายเหนือกว่าตน ก็ยากที่จะทำได้ หากฝืนอำพรางซ่อนกาย การผลาญพลังในชั่วพริบตานั้น สวี่ชิงก็ทนรับไม่ไหว เจ้าเงาก็ทนไม่ได้เช่นกัน
สุดก็ยังอ่อนแอเกินไป
แต่ดีที่ขอบเขตของป้ายของสวี่ชิงในตอนนี้ไม่เล็กเลย แม้จะมีผู้ที่เหนือกว่าอยู่บ้าง แต่ในทิศตะวันตกที่เอื่อยเฉื่อยแบบนี้ เว้นแต่จะเป็นสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะไม่เข้าใกล้กัน
ส่วนตระกูลอวิ๋นเหมินและตระกูลตี้หลิง ผู้ถือครองป้ายในตระกูลของพวกเขา ในด้านขอบเขตนั้นด้อยกว่าสวี่ชิง ดังนั้นภายใต้การปกปิดของสวี่ชิง พวกเขาจึงไม่อาจสังเกตได้ว่ามีบุคคลเช่นนี้อยู่ข้างๆ
และด้วยเหตุนี้ สวี่ชิงสุดท้ายแล้วจึงเลือกที่จะเข้าร่วมในยามที่ตระกูลอวิ๋นเหมินประกาศรับคนภายนอก
และสงครามระหว่างสองตระกูล ก็ทำให้คนภายนอกที่นี่ลดน้อย ส่วนใหญ่ต่างหลีกเลี่ยงไปกันทั้งนั้น
นี่ทำให้สวี่ชิงมีเวลาที่ค่อนข้างปลอดภัยทีเดียวเลยช่วงหนึ่ง
ในวันนี้ ในที่สุดบาดแผลเต๋าบนร่างก็หายขาดโดยสมบูรณ์
“แต่ว่า สามวันนี้แม้จะไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่กลับมีภารกิจหนึ่งส่งมาจากตระกูลอวิ๋นเหมิน…”
สวี่ชิงหรี่ตา ดึงสายตาที่มองไปยังขอบฟ้ากลับมา แล้วมองไปยังแผ่นหยกที่อยู่ตรงหน้า
แผ่นหยกนี้ส่งมาเมื่อวาน
ในนั้นกำหนดภารกิจหนึ่งให้สวี่ชิง
คุ้มกันคนตระกูลอวิ๋นเหมินคนหนึ่งไปยังเมืองเมฆาทมิฬ ยิ่งออกเดินทางเร็วได้มากเท่าไรยิ่งดี
“ในช่วงเวลาที่สงครามครั้งสุดท้ายของตระกูลอวิ๋นเหมินกำลังจะปะทุ ภารกิจนี้…”
สวี่ชิงครุ่นคิด
“นี่คือเหยื่อล่อ
แต่เงื่อนไขที่เสนอมาก็นับว่าดีทีเดียว”
จิตเทพของสวี่ชิงจับไปบนแผ่นหยก ภายในระบุไว้อย่างชัดเจน รางวัลสำหรับการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จคือดินที่แฝงด้วยพลังมิติที่เขาตามหามาตลอดหนึ่งปีมานี้
บังเอิญเช่นนี้ ย่อมเป็นแผนที่วางล่วงหน้าไว้แล้ว
เห็นได้ชัดว่าขบวนคาราวานของตระกูลไม่ได้เพียงแค่พบเบาะแสเท่านั้น แต่ได้หามาได้นานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้บอกกับสวี่ชิงเท่านั้น
หากเป็นก่อนที่อาการบาดเจ็บยังไม่ฟื้นตัว สำหรับภารกิจนี้ แม้ว่าสวี่ชิงจะอยากได้สิ่งนั้นมากเหลือเกินก็คงจะไม่รับไว้
แต่ตอนนี้…
สวี่ชิงครุ่นคิด ยกมือชี้ไปยังแผ่นหยก
จากแสงเรืองรองแผ่นหยกส่องประกายวูบวาบ ครึ่งชั่วยามต่อมา จากในเทือกเขาหลักของตระกูลอวิ๋นเหมินก็มีสายรุ้งทางหนึ่งพุ่งตรงไปยังยอดเขาที่เก้า
ความเร็วไม่ช้า แผ่ระลอกคลื่นพลังบำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาขั้นสามออกมา

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา