บทที่ 1117 ทิศทางของวิถีสูงสุดที่แปด
“เวลา ไม่ใช่แค่เร่งความเร็วให้ไหลผ่านไป หมุนย้อนกาลเวลา หรือหยุดนิ่งเท่านั้น”
“ยังมีการแสดงออกในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น…”
สวี่ชิงมองผืนทะเลทรายอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ข้างหน้า ทันทีที่บรรลุเแก่นแท้ของทะเลทรายแห่งนี้ แม้เขาจะมีพลังแห่งกาลเวลา แต่ภายในใจก็ยังคงสั่นไหวไปกับรูปแบบการแสดงออกของกาลเวลาที่แห่งนี้ เกิดความคิดขึ้นมากมาย
“กาลเวลา อาจเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ในระดับมหภาค ครอบคลุมระบบดาวทั้งหมด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง… ครอบคลุมสรรพสิ่งชีวิตทั้งปวง ตราบใดที่มีตัวตนก็ล้วนอยู่ในขอบเขตของมันทั้งสิ้น”
“แม่น้ำแห่งกาลเวลา มีอยู่ทุกหนแห่ง”
“แต่ก็ไม่ได้ตายตัวเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลจากพลังภายนอก หรือจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ บางอย่างล้วนทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันได้”
“ส่วนสิ่งที่ทะเลทรายผืนนี้แสดงออกมา คือแขนงหนึ่งของกาลเวลา”
สวี่ชิงสูดหายใจลึก ความรู้สึกเข้าใจแจ่มแจ้งในใจก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
“ทรายเม็ดหนึ่ง การเคลื่อนที่ทุกครั้งของมันล้วนทำให้เกิดเส้นเวลาเส้นหนึ่ง จากนั้น บนเส้นกาลเวลานี้ก็จะมีทรายเม็ดที่สองปรากฏขึ้น”
“ทรายเม็ดแรกและทรายเม็ดที่สอง แก่นแท้ของพวกมันเหมือนกัน แต่เส้นเวลาต่างกัน”
“หมุนเวียนเช่นนี้ เส้นเวลาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดความปั่นป่วนขึ้น เหมือนกับทะเลทรายแห่งนี้ หากสุดท้ายทำให้พวกมันกลับคืนเป็นหนึ่งเดียวได้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเดินอยู่ภายในกาลเวลา แต่กลับอยู่นอกกาลเวลา พูดได้ว่าเป็นการควบคุม”
ในดวงตาของสวี่ชิงฉายประกายประหลาด
“แต่น่าเสียดาย ข้าในตอนนี้ยังทำได้ไม่ถึงขั้นกลับคืนเป็นหนึ่งเดียวได้ ทำได้เพียงทำให้พวกมันเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นลำดับ”
“และเส้นเวลาไม่เป็นลำดับที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของตัววัตถุเองนี้ ในมุมหนึ่งก็เหมือนว่าเกิดเป็น… โชคชะตาที่แตกต่างกันออกไปอย่างนั้นหรือ”
“ทุกครั้งที่มีเส้นเวลาเพิ่มขึ้นหนึ่งเส้น ก็จะมีทรายอีกเม็ดหนึ่งที่อิงตามเส้นเวลานั้นปรากฏเพิ่มขึ้น แนวโน้มในภายหลังของทรายเม็ดนี้ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับทรายในยามแรกเริ่มอีกต่อไป กลายเป็นเส้นทางที่เป็นอิสระ”
เพราะเขาพบว่า อำนาจและอำนาจเทพ ในเสี้ยวพริบตานี้กลับคล้ายคลึงกันอย่างน่าอัศจรรย์
“แต่ก็ยังมีความแตกต่างเล็กน้อย อำนาจเทพชะตาวาสนาของข้านั้นคือการใช้มีดสลักเส้นด้ายแห่งโชคชะตาเส้นใหม่ลงไป ทำให้มันโดดเด่นและกลายเป็นผู้กำหนดชะตา”
“แต่แขนงกาลเวลา คือเปลี่ยนแปลงตัววัตถุให้เกิดเส้นเวลาที่แตกต่างกันมากมาย…”
“ความแตกต่างที่ชัดเจน รอเมื่อวันหลังกลับสู่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ในยามที่กายเซียนและกายเทพรวมเป็นหนึ่ง น่าจะมีความเข้าใจที่ชัดแจ้งกระจ่างยิ่งขึ้น”
“ส่วนในตอนนี้…”
ดวงตาของสวี่ชิงฉายประกายแสงวาววาม เขากำลังครุ่นคิดว่าพลังของแขนงกาลเวลานี้จะแสดงออกมาอย่างไรในยามต่อสู้
ขณะเดียวกันก็หยิบเอาวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือออกมาขวดหนึ่ง แล้วดื่มรวดเดียว
หลายวันนี้ เขาได้ดื่มไปแล้วสองขวด ขวดหยิบออกมาตอนนี้คือขวดที่สาม
จากการแผ่ซ่านไปของวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือ ความคิดของสวี่ชิงก็เดือดพล่านขึ้น
“ใช้กับตัวข้าเองได้ จากทุกการกระทำของข้า กระทั่งว่าทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ ไปสร้างเส้นเวลาที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วน”
“แม้ข้าจะไม่อาจทำให้พวกมันกลับคืนเป็นหนึ่งเดียวได้ แต่ผ่านจากนาฬิกาชีวิตของข้า ระเบิดพลังออกสู่ภายนอกในคราวเดียว ก่อให้เกิดเป็นมหาสมุทรปั่นป่วนแห่งกาลเวลา!”
“ผู้ที่เข้ามาในมหาสมุทรอันปั่นป่วนของข้า จะต้องแบกรับพลังแห่งกาลเวลา จมอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ในเส้นเวลาอันนับไม่ถ้วน ไม่ตายก็คลุ้มคลั่ง!”
“หากใช้กับศัตรู… ก็เป็นเช่นเดียวกัน!”
“ทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายจะเกิดเส้นเวลาไม่เป็นลำดับขึ้นหนึ่งเส้น เมื่อมีมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่อาจควบคุมการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ จึงทำได้เพียงเผชิญหน้าอย่างจำยอม เกิดความวุ่นวายภายในตนเอง!”
“กระทั่งว่าเกิดความรู้สึกราวสายตาแบบนั้นของเทพเจ้า เลือดเนื้อทั้งหมดในร่างล้วนเกิดความรู้สึกเหมือนแยกตัวเป็นอิสระ”
“พลังวิเศษนี้ แม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวก็ยากจะหลีกเลี่ยง!”
ในดวงตาของสวี่ชิงเกิดความเย็นยะเยือกขึ้น
“เข้าสู่มหาสมุทรล้วนทุกข์ทรมาน จนประสบพบเคราะห์กรรม กาลเวลาไม่สิ้นสุด จึงเรียกว่า…ห้วงนรก!”
สวี่ชิงมืองทั้งสองประสานปางมือ โคจรพลังของตัวเองให้ปกคลุมทะเลทรายไปทั้งผืน ในใจได้รวบรวมสิ่งที่ตนคิดให้กลายเป็นจิตเจตจำนง ตราประทับแปรเปลี่ยนเป็นวิถี และประทับลงในเจ็ดวิถีสูงสุด
เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ความคิดของเขาก็ยังคงแผ่ขยายออกไป
พลังของวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือในตอนนี้ก็กำลังสำแดงฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเข้าใจที่แต่เดิมก็น่าทึ่งอยู่แล้วของสวี่ชิงได้รับการเสริมพลังอยู่ตลอด
“นอกจากนี้ เกี่ยวกับความสามารถของแขนงกาลเวลาน่าจะยังมีวิธีแสดงออกที่ดีกว่านี้อื่นๆ อีก ซึ่งข้าต้องขบคิดอย่างละเอียดในภายหลัง”
“ยกตัวอย่างเช่น… ผสานไปกับพลังมิติแบบนั้นหรือ”
สวี่ชิงครุ่นคิด ครู่ต่อมา จิตใจของเขาก็พลันสั่นไหว
“เส้นเวลาที่เกิดเพิ่มเติม รวมกับมิติที่เป็นเฉพาะของเส้นเวลานั้น สิ่งที่ปรากฏคือ…”
“โชคชะตา…ที่มีต้นกำเนิดของข้าแต่มีอนาคตที่แตกต่างกันไปอย่างนั้นหรือ”
สวี่ชิงหายใจถี่กระชั้นขึ้นมาเล็กน้อยทันที เขารู้สึกรางๆ ว่าตนเองเหมือนคว้าอะไรบางอย่างได้
“หรือพูดให้แม่นยำกว่านั้น ควรเรียกว่า…กาลอวกาศเช่นนั้นหรือ”
“กาลอวกาศที่เกิดจากตัวข้าเป็นพื้นฐานเช่นนั้นหรือ”
“ภายในกาลอวกาศอันนับไม่ถ้วน ตัวข้านับไม่ถ้วน…”
สวี่ชิงพลันเงยหน้าขึ้น จิตใจในเสี้ยวพริบตานี้แผ่ระลอกคลื่นอารมณ์รุนแรง เริ่มทดลองทันที
กาลเวลาผันผ่าน สามวันผ่านไป
สวี่ชิงยังคงจมอยู่กับการสัมผัสรับรู้ของตนเอง สำรวจค้นหาวิธีการหลอมรวมของกาลเวลาและมิติ
ในระหว่างนี้ แนวคิดที่เขาคิดได้ บางส่วนก็นำมาอนุมาน บางส่วนก็นำไปทดลองจริง แต่ผลลัพธ์ล้วนล้มเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น
ดังนั้น เขาจึงเปลี่ยนความคิดโดยสิ้นเชิง ให้ความสำคัญกับสร้างเส้นเวลาไม่เป็นลำดับ พยายามเปลี่ยนให้พลังมิติของตัวเองเป็นกล่องใบหนึ่งเพื่อบรรจุเส้นเวลา
กระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างเชื่องช้ามาก
แต่สวี่ชิงไม่ได้ใส่สนใจเรื่องพวกนี้ สมาธิทั้งหมดของเขาจมดิ่งอยู่กับมัน
ทว่า… สำหรับอวิ๋นเหมินเชียนฝาน ความตื่นตะลึงในใจของนาง จากการฝึกบำเพ็ญของสวี่ชิงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน!
พลังบำเพ็ญในระดับหวนสู่อนัตตาของนาง แม้ว่าจะทะลวงขั้นไปสู่ระดับเตรียมสู่เทวะได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับวาสนา แต่นางในฐานะที่เป็นหนึ่งในคนสำคัญของตระกูล ประสบการณ์และความรู้ย่อมมีอยู่แล้ว
ทว่าต่อให้ประสบการณ์และความรู้ของนางไม่ธรรมดา อีกทั้งเคยได้สัมผัสกับผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวคนอื่นๆ แต่ตลอดหลายวันนี้ ในใจของนางก็ยังคงเกิดพายุที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากฉากการบำเพ็ญของสวี่ชิงอยู่ดี
การก่อตัวของพายุลูกนี้ จากการสัมผัสรับรู้ต่อทะเลทรายของสวี่ชิง ก็ได้ปะทุแบบไต่ระดับขึ้นในใจของอวิ๋นเหมินเชียนฝาน
ในช่วงสองสามวันแรก เนื่องจากนางสัมผัสได้ว่าทรายทุกเม็ดในทะเลทรายทั้งผืนกำลังฉายประกายแสงวูบวาบอย่างช้าๆ สุดท้ายทะเลทรายผืนนี้ในสายตาของนางก็ราวกับเปลี่ยนเป็นห้วงท้องฟ้าดาราอันเจิดจรัสพร่างพราย
สิ่งนี้ทำให้นางจิตใจสั่นไหว
จากนั้น ก็เป็นทรายทุกเม็ดล้วนกำลังสั่นสะเทือน กระทั่งมีช่วงเวลาสั้นๆ ที่ในครรลองสายตาของอวิ๋นเหมินเชียนฝาน ทรายทุกเม็ดล้วนลอยขึ้นฟ้า
ความรู้สึกราวกับความฝันภาพมายาเช่นนั้นส่งผลต่อการรับรู้ของนาง ระลอกคลื่นอารมณ์กลายเป็นคลื่นยักษ์
แต่เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลังถึงจะยิ่งพลิกผันจินตนาการของนาง
นางพบว่า… บนร่างของสวี่ชิงกลับเกิดความบิดเบี้ยวขึ้น เกิดความพร่าเลือน ราวว่าซ้อนทับกัน กระทั่งไม่รู้ว่าตาฝาดหรือไม่ ในเสี้ยวพริบตาหนึ่ง นางเหมือนเห็นสวี่ชิงนับไม่ถ้วน!
แม้จะเป็นเพียงชั่วพริบตา สิ่งเหล่านี้ก็หายไปราวกับภาพลวงตา แต่สิ่งที่ตามมาคืออาการสั่นสะท้านของร่างกายนางที่ และอาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา