บทที่ 131 ดับตะเกียงอย่างน่าประหลาด
ระดับรวมปราณทะลวงระดับสร้างฐานแบ่งเป็นสามขั้นใหญ่
ขั้นแรกคือใช้การปะทุของพลังวิญญาณทั่วร่างทะลวงพื้นที่ทุกส่วนในร่างกาย หาและสัมผัสที่ที่ช่องเวทอยู่ ตามหาพวกมันทุกช่องจากที่ซ่อนเร้นอยู่ออกมา จะต้องจำทุกจุดเอาไว้ให้ขึ้นใจ นี่จะเกี่ยวพันกับการทะลวงขั้นในอนาคต
เวลาหลายวันนี้ก็เป็นเช่นนี้ เป็นจุดสำคัญของขั้นการสัมผัส ขั้นตอนนี้สามารถทำได้หลายครั้ง ประโยชน์ของลูกกลอนสร้างฐานก็เพื่อการนี้
ขั้นตอนนี้แทบจะกินเวลากว่าครึ่งของการสร้างฐาน
ขั้นที่สองคือรวบรวมพลังทะเลวิญญาณในกายทะลวงไปยังช่องเวทแรกสุดกำลังระเบิดมันออกโดยสมบูรณ์ ทำการทะลวงช่องเวทสำเร็จเป็นครั้งแรก
ในช่องเวทที่ถูกทะลวงออกหลังจากที่ได้รับการบรรจุพลังวิญญาณที่เพียงพอแล้วก็จะกลายเป็นคลื่นวนก่อกำเนิดพลังเวทกลุ่มแรกของผู้บำเพ็ญ
เมื่อพลังเวทกำเนิดขึ้นก็จะเคลื่อนไปทั่วร่างกาย ปรับปรุงเลือดเนื้อของผู้บำเพ็ญ ทำให้ขั้นชีวิตก้าวกระโดด นี่คือขั้นที่สาม
จนถึงขั้นที่สามเสร็จสมบูรณ์ถึงจะนับว่าก้าวสู่ขั้นสร้างฐาน!
พูดแล้วง่าย แต่ความจริงแล้วการทำสามขั้นตอนนี้ให้สมบูรณ์ได้จะต้องมีการเตรียมตัวที่พร้อมมากๆ และจะต้องมีโชคในระดับหนึ่งถึงจะได้
ขั้นที่สวี่ชิงทำอยู่ตอนนี้คือขั้นที่หนึ่ง จากการปะทุของทะเลวิญญาณห้าร้อยจั้งในตัวเขา ระลอกคลื่นแต่ละระลอกพลันแผ่ไปทั่วร่างของเขา เริ่มหาช่องเวท
ช่องเวทไม่ใช่ตำแหน่งชีพจร ดังนั้นเนื่องจากความแตกต่างของคุณสมบัติกายภายในของแต่ละคน ตำแหน่งก็ต่างกันไป
และพลังวิญญาณที่มหาศาลของตัวเองทำให้สวี่ชิงสามารถยืนหยัดได้นานขึ้น สามารถใช้วิธีต่างๆ ไปสัมผัสได้ ตอนนี้วิธีที่เขาเตรียมใช้คือวิธีที่ชื่อว่าวิชาสำรวจทรงพลังที่กล่าวถึงในแผ่นหยกของติงเสวี่ย
วิชาสำรวจทรงพลังที่ว่าคือใช้พลังวิญญาณทั้งหมดแผ่ไปทั่วร่าง อาศัยการทะลวงอย่างดุเดือดให้ช่องเวทปรากฏออกมา นี่เป็นไพ่ตายสุดท้ายของลูกศิษย์ระดับรวมปราณในขั้นนี้
แต่สำหรับสวี่ชิงแล้ว เขาแค่แบ่งพลังวิญญาณออกมาบางส่วนก็ทำได้แล้ว
เขาก็ไม่ได้หวังว่าสัมผัสด้วยวิชาสำรวจทรงพลังเพียงครั้งเดียวก็จะสามารถหาช่องเวทได้เพียงพอ แต่คิดจะลองทำความเคยชินก่อน ดังนั้นจึงแผ่พลังสองส่วนของทะเลวิญญาณตัวเอง ซึ่งก็แค่ร้อยจั้ง
แม้จะเป็นเพียงสองส่วน แต่สำหรับลูกศิษย์ทั่วไปของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต นี่ก็เป็นทั้งหมดของพวกเขาแล้ว
ตอนนี้ในร่างกายสวี่ชิงส่งเสียงดังสะท้าน ทะเลวิญญาณร้อยจั้งปะทุออกมาจากจุดตันเถียนประดุจคลื่น โหมซัดไปตามเส้นลมปราณ เลือดเนื้อ กระดูก และพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งร่างสวี่ชิง
เส้นลมปราณของเขาเหมือนแม่น้ำแต่ละสาย การเดือดพล่านของพลังวิญญาณเหมือนมังกรทะเลแต่ละตัวพุ่งมาอย่างดุดันจากการแผ่ซ่าน
ส่วนเลือดเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในอื่นๆ นอกเส้นลมปราณก็เหมือนผืนนาแห้งแล้งที่ในขณะเดียวกับที่พลังวิญญาณปกคลุมหล่อเลี้ยง ก็เริ่มสัมผัสและค้นหา
ไม่นานนักเขาก็ค้นพบว่าในเส้นลมปราณบางเส้นมีคลื่นวนเล็กละเอียดจำนวนหนึ่งอยู่ พวกมันอยู่อย่างซ่อนเร้นมาก มีเพียงที่เส้นลมปราณโป่งพองแล้วเท่านั้นถึงจะค้นพบ
คลื่นวนพวกนั้นเหมือนประตูสวรรค์ ยามพลังวิญญาณลอยเอ่อก็เผยกลิ่นอายที่อัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งกลุ่มหนึ่งออกมารางๆ
หลังจากสวี่ชิงสัมผัสกลิ่นอายพวกนี้แล้ว ในหัวก็รู้แจ้งทันที พวกมัน..ก็คือช่องเวท
ไม่ใช่แค่ในเส้นลมปราณที่มีช่องน่าอัศจรรย์เท่านั้น เลือดเนื้อนอกเส้นลมปราณและในอวัยวะภายในเขาก็ค้นพบความน่าอัศจรรย์นี้เช่นกัน
“เก้าสิบเอ็ดจุด!” สวี่ชิงดวงตาฉายประกาย จากการสัมผัสครั้งแรกของเขาสิ้นสุด พลังวิญญาณในกายก็เหมือนคลื่นซัดกลับลงทะเล ค่อยๆ สลายไป
จากข้อมมูลสร้างฐานที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการสัมผัสรับรู้ช่องเวทคือไอพลังประหลาด และจากทฤษฎีช่องเวทมีจำนวนสูงสุดคือหนึ่งร้อยยี่สิบจุด คนปกติค้นพบแปดสิบจุดก็พรสวรรค์ไม่เลวแล้ว เก้าสิบจุดคือคนที่โดดเด่นยอดเยี่ยม
คำนวณจากช่องเวทสามสิบจุดสามารถสร้างไฟชีวิตได้หนึ่งดวง นี่หมายถึงว่าในอนาคตสามารถสร้างไฟชีวิตได้สามดวง
หากตอนนี้สวี่ชิงไม่สนใจจำนวน เช่นนั้นเขาสามารถดำเนินเข้าสู่ขั้นที่สองได้ทันที ระเบิดช่องเวทช่องแรก สร้างคลื่นวน กำเนิดพลังเวท
“แต่ในกายข้าไม่มีไอพลังประหลาด ทำไมถึงรับรู้ช่องเวทได้แค่เก้าสิบเอ็ดช่อง” สวี่ชิงพึมพำ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกว่าบางทีนี่อาจจะเป็นคุณสมบัติที่แท้จริงแล้วก็เป็นได้ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ตอนก่อนที่เทพเจ้ายังไม่ได้มาเยือน โลกใบนี้ไม่มีไอพลังประหลาด สิ่งที่ผู้บำเพ็ญดูไม่ใช่ความบริสุทธิ์ในร่างกายแต่เป็นคุณสมบัติกายของตัวเอง
เพียงแต่มาถึงตอนนี้ คุณสมบัติกายอะไรเหล่านั้นสำหรับขั้วอำนาจสำนักส่วนมากไม่สำคัญแล้ว มีเพียงเมล็ดพันธุ์ที่ในขั้วอำนาจใหญ่ฝากความหวังเท่านั้นถึงจะมองคุณสมบัติกายของพวกเขา
“หรือก็คือ คุณสมบัติกายของข้าตัดสินแล้วว่า ต่อให้ในร่างกายไม่มีไอพลังประหลาด แต่ก็ยังมีช่องเวทซ่อนเร้นอยู่ลึกมากจนไม่สามารถหาเจอได้” สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด ตาค่อยๆ ฉายประกายวาววาบออกมา
เขารู้สึกว่าหาไม่เจอก็ไม่เป็นไร คุณสมบัติกายของตัวเองจะมีขีดจำกัดก็ไม่เป็นไร ขอเพียงพลังวิญญาณในกายมีมากพอเช่นนั้นช่องเวทซ่อนเร้นพวกนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางหาได้เจอ
หนึ่งครั้งหาไม่เจอ ก็ครั้งที่สองครั้งที่สาม ถ้ายังหาไม่เจออีกก็ครั้งที่ห้า ครั้งที่หก
คิดถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งสองของสวี่ชิงก็ปิดลง หลังจากครุ่นคิดทะเลวิญญาณสี่ร้อยจั้งที่เหลือก็แบ่งออกไปครึ่งหนึ่ง
ทะเลวิญญาณสองร้อยจั้งปะทุทั่วทั้งร่างอีกครั้ง เริ่มการสัมผัสครั้งที่สอง
ความหนักแน่นมีพลังเช่นนี้น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เหนือกว่าผู้บำเพ็ญทั่วไปอย่างมหาศาล
เส้นลมปราณทั่วร่างของเขาขยายขึ้นทันทีภายใต้การปะทุนี้ เลือดเนื้อในกายและอวัยวะภายในได้รับการเติมจากพลังวิญญาณ กระดูกก็เช่นกัน ทั่วร่างกายทั้งในและนอกสั่นสะท้านรุนแรง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา