เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 132

บทที่ 132 ราวกับชีวิตมีร่มเงา!

พริบตาที่มันดับ จังหวะที่แสงสว่างรอบๆ สลายไป สิ่งประหลาดรอบๆ นับไม่ถ้วนก็เหมือนส่งเสียงหัวเราะแหลมบาดหูออกมา มีความละโมบและปรารถนาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โถมเข้ามาหาสวี่ชิงจากทั่วสารทิศ

แต่ในชั่วพริบตา แสงที่เจิดจ้าแยงตายิ่งกว่ากระทั่งไม่อาจนำไปเปรียบเทียบได้กับตะเกียงดับวิญญาณก่อนหน้านี้ ราวกับแสงสว่างของดวงจันทร์กับหิ่งห้อยอย่างไรอย่างนั้น แผ่ซ่านออกไปฉับพลันเบื้องหน้าสวี่ชิง ปกคลุมอย่างรุนแรงไปรอบด้าน

ราวกับฟ้าดินส่องสว่างขึ้น!

สิ่งประหลาดทั้งหมดกรีดร้องแหลมขึ้นมาในตอนนี้ ร่างกายสลายกลายเป็นฝุ่นหายไปในพริบตา

ตะเกียงที่เหมือนร่มดำที่กำลังเผาไหม้ดวงหนึ่งปรากฏเบื้องหน้าสวี่ชิง!

เป็นตะเกียงแห่งชีวิตสมบัติที่ได้เขาได้รับมาจากเผ่าเงือกนั่นเอง

ตะเกียงนี้ไม่ได้ถูกจุด แสงนั้นมาจากตัวของตะเกียงแห่งชีวิตเองที่แผ่ออกมา ดูแล้วเหมือนเผาไหม้ แต่จริงๆ คือไม่ใช่

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่แสงที่แผ่ออกมาจากตะเกียงแห่งชีวิตก็ยังน่าตกตะลึง ห้อมล้อมตัวสวี่ชิงไว้ด้านใน ทำให้เงาประหลาดเหล่านั้นที่บินกรูกันเข้ามาเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟตอนนี้สลายไปกว่าครึ่ง แม้รอบๆ จะยังมีเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ดูหวาดกลัวอย่างชัดเจนจนไม่กล้าเข้าใกล้

และสวี่ชิงก็หยิบยืมโอกาสนี้ ค้นพบร่องรอยในส่วนลึกจิตใจตนเองแล้ว

พริบตาต่อมา จากการหลั่งทะลักเข้าไปของพลังวิญญาณา จากการที่ในสมองอื้ออึง จากการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของร่างกายเขา ในที่สุดเขาก็พบตำแหน่งช่องเวทสองช่องสุดท้ายจากที่นั่น

หนึ่งร้อยยี่สิบช่อง!

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในเจ็ดเนตรโลหิต ไม่มีคนที่สามารถสัมผัสได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบช่องเวท และตำแหน่งของช่องเวท ก็มีเพียงแค่จังหวะที่กำลังสร้างฐานเท่านั้นถึงสามารถสัมผัสได้

ดังนั้น ตอนนี้สัมผัสได้มากเท่าไร หลักๆ แล้วจะเป็นตัวตัดสินปลายทางในอนาคต

กระทั่งไม่เพียงแค่เจ็ดเนตรโลหิตเท่านั้น ขั้วอำนาจสำนักใหญ่ๆ ส่วนใหญ่ ก็ล้วนมีคนเช่นนี้ปรากฏมาน้อยมาก

ดังนั้นในแผ่นหยกที่สวี่ชิงได้รับมา จึงเรียกหนึ่งร้อยยี่สิบช่องนี้ว่าเป็นขีดจำกัดทางทฤษฎี ส่วนหลังจากไปถึงแล้วเป็นอย่างไรก็ไม่มีแนะนำไว้

แต่เวลานี้สวี่ชิงรู้แล้ว ว่าหลังจากที่สัมผัสออกมาหนึ่งร้อยยี่สิบช่อง ในใจเขาเกิดความรู้สึกโปร่งโล่ง ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเข้าใจรางๆ ว่าหนึ่งร้อยยี่สิบ…ไม่ใช่ขีดจำกัด

ส่วนเรื่องหลังจากมีช่องเวทเกินหนึ่งร้อยยี่สิบช่องหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปสัมผัสถึงตอนนี้ เขาจำเป็นต้องทะลวงเปิดช่องเวททั้งหนึ่งร้อยยี่สิบช่องอย่างแท้จริงเสียก่อน จึงค่อยไปคลำหา

แต่เขาก็มีความรู้สึกรางๆ ว่าหลังจากทะลวงหนึ่งร้อยยี่สิบช่องแล้ว ในอนาคตทุกครั้งที่ตนเองหาพบจุดหนึ่ง ก็คงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลขั้นพลิกฟ้าพลิกดินแน่ๆ

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก คาดหวังในใจสูงมาก แต่เขารู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาไปขบคิดเรื่องนี้ ทิ้งไว้เป็นเรื่องของอนาคตก็พอ

“เช่นนั้น ก็เริ่มช่วงที่สอง เปิดช่องเวทช่องแรกของสร้างฐาน!” มือขวาสวี่ชิงยกขึ้นคว้าอากาศ ล้วงเอาลูกกลอนสร้างฐานเม็ดสุดท้าย

กลืนลงไปในทีเดียว

ฉับพลันทะเลวิญญาณในร่างกายก็ระเบิดขึ้นครืนครัน ก่อตัวเป็นกระแสน้ำกระเพื่อม ซัดกระแทกเข้าไปยังช่องเวทแรกที่เขาค้นพบในร่างกาย

ความรู้สึกปะทะที่ไม่เคยพบมาก่อนกำลังเกิดขึ้นฉับพลันบนตัวสวี่ชิง เขารู้สึกเหมือนตนเองถูกอสูรยักษ์ที่ทะยานอย่างรวดเร็วตัวหนึ่งพุ่งเข้าปะทะอย่างไรอย่างนั้น ร่างกายราวกับจะแตกสลายทันที ช่องเวทที่หนึ่งในร่างกายเขาเปิดออกมาฉับพลัน!

ราวกับแหวกฟ้าผ่าปฐพี!

ช่องเวทที่เขาเปิด กลายเป็นจุดแสงส่องสว่างจุดหนึ่ง ด้านในมีเปลวไฟกำลังก่อตัว จากการหลั่งทะลักของพลังวิญญาณมหาศาล ด้านในกลายเป็นกระแสวน

ขณะที่หมุนวนครืนครัน กลิ่นอายในร่างกายก็ปรากฏการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เปลวไฟลุกโหม ขณะที่กำลังแผ่ซ่านอย่างต่อเนื่อง เพลิงเป็นเส้นๆ สว่างจ้าที่เหมือนถูกบีบอัดไว้ลูกหนึ่งก็ลอยขึ้นมาช้าๆ จากกระแสวน

ตัวตนที่เหมือนกับเส้นไหมนี้ก็คือ…พลังเวทของระดับสร้างฐาน!

เส้นไหมนี้ ล้ำหน้ารวมปราณขั้นบริบูรณ์ไปมากโข ระหว่างทั้งสองมีความแตกต่างกันอยู่กว่าหนึ่งขั้น

ขณะที่กำลังลอยขึ้นอย่างต่อเนื่อง แผ่ซ่านแสงจ้าแยงตา และระเบิดเปลวเพลิงที่น่าตกตะลึงออกมาอีก จนทำให้สวี่ชิงเวลานี้ ดูแล้วเหมือนในร่างกายถูกส่องสะท้อนจนหมด

และกระแสวนทะเลวิญญาณในช่องเวทของสวี่ชิงก็เหนือกว่าผู้บำเพ็ญธรรมดาทั่วไป ขีดจำกัดตอนรวมปราณของเขาคือห้าร้อยจั้ง ข้อได้เปรียบนี้จึงสำแดงออกมาอย่างมหาศาลตอนสร้างฐาน

ช่องเวทของเขารองรับกระแสวนที่เกิดจากทะเลวิญญาณห้าร้อยจั้งได้ เมื่อเป็นเช่นนี้พลังเวทที่กำเนิดออกมาจึงเข้มข้นยิ่งกว่าผู้บำเพ็ญทั่วไปเช่นกัน

ตอนนี้พอพลังเวทออกมา จังหวะที่กลิ่นอายของสวี่ชิงเปลี่ยนแปลง พลังเวทก็ไหลเวียนในร่างกายสวี่ชิงอย่างรวดเร็วในพริบตา ทุกที่ที่แล่นผ่าน ร่างกายของเขาปรากฏการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดินขึ้น

แรกสุดคือชีพจรของเขาเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นจากการไหลเวียนของพลังเวท กระทั่งมองเห็นลายอักขระฟ้าดินขึ้นมารางๆ เหมือนว่ากำลังก่อตัวขึ้นด้านในชีพจรของเขา

ถัดมาคือเลือดเนื้อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในทุกชุ่นจากการที่พลังเวทแผ่ซ่านออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน กระทั่งมองกว้างๆ ก็จะเห็นว่าสสารทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็นเลือดเนื้อของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณสมบัติขึ้นจากใจกลาง

ถัดมาอีกคือกระดูกรวมไปถึงอวัยวะภายใน พื้นที่ทั้งหมดเวลานี้กำลังครืนครัน กระดูกของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น ด้านบนเกิดลายอักขระขึ้นเช่นกัน กระทั่งเลือดเนื้อรวมไปถึงอวัยวะภายในทั้งห้าก็เช่นเดียวกัน

นี่คือ…กายเวท!

ผู้บำเพ็ญขณะที่เหยียบสู่สร้างฐาน เหมือนจะเปลี่ยนแปลงก้าวกระโดดในระดับชั้นของพลังชีวิต แปรจากความสามัญสู่เวท!

จากการก่อตัวของกายเวท จากการแผ่ซ่านของพลังเวท คลื่นพลังที่ก้าวข้ามรวมปราณไปแล้ววูบหนึ่งในตัวสวี่ชิงก็ระเบิดออกมาครืนครัน ขณะที่กระจายออกไปทั้งสี่ทิศ สวี่ชิงเบิกตาโพลง ในดวงตาเผยประกายแสงสีม่วงแยงตา

เขาคิดถึงสิ่งที่แผ่นหยกสร้างฐานบรรยายถึง ศิษย์ที่ฝึกบำเพ็ญวาฬทะเลต้องห้ามออกมาได้ ขณะที่สร้างฐานจะสามารถเปิดช่องเวทที่สองได้เร็วกว่าคนอื่น

และจังหวะที่สร้างฐาน พอเปิดช่องเวทที่สองแล้ว ก็จะมีโอกาสที่ร่างกายจะถูกวิวัฒน์เพิ่มมาอีกครั้งหนึ่งด้วย เรื่องแบบนี้ มีเพียงพริบตาที่สร้างฐานเท่านั้นที่จะเกิดขึ้น การเปิดช่องเวทหลังจากนี้จะไม่เป็นเช่นนี้อีกแล้ว

ดังนั้นจึงล้ำค่าอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นช่องเวทนี้ ก็กลายเป็นช่องแห่งชีวิตช่องที่สองอีกด้วย!

สวี่ชิงชูสองมือขึ้นโบก ทันใดนั้น วาฬมังกรทะเลต้องห้ามที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่หลังจากพลังบำเพ็ญในร่างกายกับกายเนื้อฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้า ก็ปรากฏตัวขึ้นนอกร่างกายเขา

ขนาดของมันหดลงมาอย่างมาก กลายเป็นขนาดเท่ากำปั้น สวี่ชิงอ้าปากแล้วกลืนลงไป อสูรคอยาวบรรพกาลที่อยู่ในตัวมันก็ส่งเสียงคำรามอย่างฮึกเหิม พุ่งทะลวงไปยังช่องเวทที่สองของสวี่ชิงฉับพลัน!

บทที่ 132 ราวกับชีวิตมีร่มเงา! 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา