เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 145

บทที่ 145 หนึ่งยันต์สองชีพ

เสียงของชายหนุ่มยอดเขาอันดับหนึ่งบางทีอาจจะเพราะในใจฮึกเหิมเกินไป กระทั่งพลังเวทเองก็ยังทะลักมาที่คอหอย จนทำให้คอหอยแผดเสียงแตกเลยทีเดียว

เผยความแผดแหลม ความเวทนา สะท้อนก้องไปทั้งฟ้า

ผู้บำเพ็ญหลายสิบคนทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่ห่างออกไปล้วนได้ยินเสียงแผดที่มาจากชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่ง

สวี่ชิงเองก็หน้าเปลี่ยนสี ถอยกรูดทันควัน

สิ่งที่ทำให้เขาถอยหลังไม่ใช่แค่คำพูดประหลาดของชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่ง แต่ยังมี…สายตาอีกนับสิบสายที่การเอ่ยปากของอีกฝ่ายดึงดูดมา

ผู้บำเพ็ญบนท้องฟ้าที่ห่างออกไปเหล่านี้ล้วนราวกับเป็นเทพเจ้าในสายตาสวี่ชิง ทั่วทั้งตัวปล่อยกลิ่นอายที่ต่อให้อยู่ห่างถึงเพียงนี้ก็ยังทำให้ในร่างกายเขาถึงกับปั่นป่วนก่อนหน้า กระอักเลือดสดออกมา

และในตอนนี้ พวกเขาก็พากันมองมา…

สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย เปิดเกราะคุ้มกันของเรือเวทขึ้นทั้งหมดในเวลานี้ และล้วงเอาของวิเศษอักขระคุ้มกันออกมาอีกไม่น้อย กระทั่งขณะที่โบกมืออสูรคอยาวบรรพกาลก็ยังปรากฏออกมาปกคลุมเขาไว้

พริบตาต่อมา แรงกดดันที่แสนน่ากลัวยากพรรณนาและเหนือที่จะจินตนาการออกหลายสายก็เข้ามาใกล้ หัวสมองสวี่ชิงอื้ออึงไปทันที อสูรคอยาวบรรพกาลพังทลาย ของวิเศษอักขระของเขาก็พังสลายลงเช่นกัน

ยังดีที่เรือเวทของเขาไม่ธรรมดา มีความเป็นเทพอยู่ ดังนั้นเวลานี้แม้เกราะคุ้มกันจะพังทลายไป แต่ตัวเรือยังอยู่ดี 艾琳小說

ขณะที่ร่างของสวี่ชิงสั่นสะเทือน แม้จะกระอักเลือดออกมาสองทีก็ตาม แต่เกราะคุ้มกันของเรือเวทก็ก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง และตอนที่กำลังเพิ่มความเร็วถอยอย่างต่อเนื่องก็ปลดเปลื้องแรงกดดันของสายตาเหล่านี้ลง

ส่วนอัจฉริยะฟ้าประทานยอดเขาลำดับหนึ่งก็กระอักเลือดเวลานี้เช่นกัน สิ่งของรักษาชีพที่คุ้มครองอยู่ภายนอกแตกหักไปถึงสามชิ้น ทั้งตัวกระอักเลือดออกมาเจ็ดแปดครั้ง กระทั่งกระบี่สีเลือดก็ยังแตกกระจาย และยังล้วงเอาโล่ที่ไม่ธรรมดาใบหนึ่งออกมาต้านทาน แต่ก็ยังแตกยับไปด้วยเช่นกัน

การต้านทานเช่นนี้ถึงทำให้เขาเลี่ยงออกจากแรงกดดันทางสายตาบนท้องฟ้ามาได้

สวี่ชิงในใจยังพรั่นพรึง ถอยหลังพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าไปด้วย

บนท้องฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนสี มหาสมุทรลมพายุก่อตัวส่งเสียงครืนครันไปทั่วสารทิศจากการลงมือของทั้งสองฝ่าย

ในร่างเงาเหล่านี้ สวี่ชิงมองเห็นเจ้ายอดเขาลำดับเจ็ด และมองเห็นตัวตนอีกหกคนที่แม้จะสวมชุดคนละสีแต่พลังระดับเดียวกันอยู่ข้างๆ เขา

สำหรับสถานะของคนเหล่านี้ สวี่ชิงไม่จำเป็นต้องไปคาดเดา ในใจก็มีคำตอบอยู่แล้ว

พวกเขาน่าจะเป็นเจ้ายอดเขาแต่ละแห่งของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

และคนที่ต่อสู้กับเขาอย่างไม่เสียเปรียบกันนั้น ก็คือเผ่าสิงซากสมุทร

สวี่ชิงเคยเห็นเผ่าสิงซากสมุทรมาแล้วในเกาะเงือก ตอนนี้ขณะที่เขากำลังฝืนอาการเสียดแทงดวงตาทั้งสองกวาดตามอง เขามองเห็นว่าเผ่าสิงซากสมุทรเหล่านั้นมีรูปร่างมนุษย์ แต่ละคนสวมชุดเกราะสีดำ ในดวงตาเผยเปลวไฟสีดำ พิษศพบนตัวแผ่กระจาย แรงกดดันโถมผืนฟ้า

นอกจากนี้ รอบๆ ทั้งสองฝ่ายยังมีผู้บำเพ็ญบางส่วน ผู้บำเพ็ญเหล่านี้เทียบกันแล้วแม้จะอ่อนแอกว่ามาก แต่ก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ ในนี้…สวี่ชิงมองเห็นผู้อาวุโสสาม และมองเห็นผู้บำเพ็ญคล้ายๆ กันของเผ่าสิงซากสมุทรอีกด้วย

พอเห็นว่าถึงขีดสุดแล้ว ดวงตาสวี่ชิงก็เจ็บปวดจนจ้องต่อไม่ไหว ทำได้เพียงหลุบตาลง เขารู้ว่ามองต่อไม่ได้อีก ไม่เช่นนั้นดวงตาทั้งสองของเขาต้องแหลกสลายเป็นแน่ ร่างกายเองก็รับไม่ไหวแล้วเช่นกัน ความห่างชั้นของทั้งสองฝ่ายมีมากเกินไป

ขณะเดียวกัน บนท้องฟ้ามีเสียงคำรามต่ำเสียงหนึ่งส่งมา ชายชราชุดนักพรตสีแดงคนหนึ่งทางฝ่ายเจ็ดเนตรโลหิตโบกมือฉับพลัน รอบตัวเขามีกระบี่เล่มใหญ่สีทองหลายเล่มก่อตัวขึ้น หลังจากบีบให้สิงซากสมุทรที่เขาต่อสู้ด้วยอยู่ถอยร่นไป เขาจึงรีบโยกตัวพุ่งตรงมาทางสวี่ชิงกับชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่ง

ชายชราคนนี้ใบหน้าแดงก่ำเหมือนชุดของเขา ในร่างกายก็เหมือนมีมนุษย์เพลิงราวกับดวงตะวันร้อนแรงคนหนึ่งอยู่ ดูแล้วน่าสะพรึงอย่างมาก พลังราวกับเป็นสายรุ้ง เปลวไฟอันเข้มข้นปล่อยออกมาจากร่างเขาต่อเนื่อง

พอเห็นเป็นเช่นนี้ ดวงตาชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งก็เผยความตื่นเต้นออกมา แผดเสียงดังขึ้นว่า

“นำเส้นทางใหม่สู่สมุทรกว้างไกล ตะวันอัสดงผ่านอีกวัน!!!”

“เจ้าศิษย์เลวที่ไม่พูดภาษาคนอย่างเจ้า ยังไม่รีบหนีไปอีก อยู่ที่นี่หาเรื่องตายหรือไรกัน!” ชายชรายอดเขาลำดับหนึ่งที่รีบเข้ามาจากบนท้องฟ้า เอ่ยตะคอกเสียงต่ำ หันหน้ากลับฟาดกระบี่ขวางไปทีหนึ่ง ต้านทานกับการปะทะของเผ่าสิงซากสมุทรที่เขาปลีกตัวออกมา

เพียงพริบตา ทั้งสองฝ่ายยิ่งสู้ก็ยิ่งห่าง กำลังจะออกจากพื้นที่นี้อยู่แล้ว

สวี่ชิงพอได้ยินเช่นนี้ ม่านตาก็หดลง เรือเวทด้านล่างเร่งความเร็วขึ้น ขณะที่กำลังบึ่งก็เว้นระยะห่างออกมา

และชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างออกไปนักก็ร้อนรนขึ้นมา เขารู้อยู่เต็มอกว่านี่เป็นเวลาสำคัญ หากอาจารย์ออกห่างล่ะก็ตนเองต้องตายแน่ๆ ก็เลยอดกลั้นจนหน้าแดงก่ำ ดวงตาเส้นเลือดแผ่ซ่าน ตะโกนเสียงดังขึ้นฟ้า

“อาจารย์ช่วยข้าด้วย เจ้าเด็กจากยอดเขาลำดับเจ็ดคนนี้ไล่สังหารข้ามาสิบวันสิบคืนแล้ว ถ้าเขาสังหารข้าไม่ได้ก็จะไม่เลิกรา อาจารย์อย่าเพิ่งไป ช่วยข้าด้วย!!”

สวี่ชิงเองก็ไม่ลังเล เรือเวทใต้ตัวส่งเสียงอื้ออึง ดำลงน้ำฉับพลัน พุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วสู่ทะเลลึก

ชายชรายอดเขาลำดับหนึ่งบนท้องฟ้าตะลึงงัน ทั้งใบหน้าประหลาดใจ เขารู้ดีว่าศิษย์ปิดด่านที่ตนเองรับมาคนนี้เมื่อรู้ว่าจักรพรรดิโบราณแห่งความมืดชอบเอาสัจธรรมลี้ลับซ่อนไว้ในบทกลอนก็ทำตัวประหลาดไป ไม่ค่อยจะพูดภาษามนุษย์ แต่ละคำแต่ละประโยคล้วนกลายเป็นบทกลอนที่ไม่ได้สัมผัสคล้องจองขึ้นมาแทน ไอรีนโนเวล

เขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่อีกฝ่ายพูดภาษามนุษย์ คือสามปีก่อนหน้า

สายตาจึงพุ่งราวสายอัสนีไปยังทิศทางที่สวี่ชิงกำลังหลบหนี

แม้จะคั่นด้วยน้ำทะเล แต่สวี่ชิงที่ดำลงน้ำก็ยังจิตวิญญาณครืนครันภายใต้สายตาของอีกฝ่าย ร่างกายสั่นสะเทือนอย่างควบคุมไม่อยู่ ทั้งตัวราวกับสูญเสียงพลังในการเคลื่อนไหวทั้งหมดไปในตอนนี้ เหมือนว่าทั้งตัวถูกพันธนาการเอาไว้ ความเป็นความตายแขวนอยู่บนเส้นเชือก

“เจ้า…” เจ้ายอดเขาลำดับหนึ่งกำลังจะเอ่ยปากพูด

“ก็แค่เด็กน้อยทะเลาะกัน” ตอนนี้เอง เสียงเรียบเสียงหนึ่งดังลอดมาจากบนท้องฟ้า

คนที่พูด ก็คือเจ้ายอดเขาลำดับเจ็ดที่ยืนอยู่บนเรือศึกบรรพกาลต่อสู้เพียงลำพังกับเผ่าสิงซากสมุทรด้วยความสบายใจ

ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งหน้าเปลี่ยนสี

เจ้ายอดเขาลำดับหนึ่งกลับสีหน้าปกติ คำพูดที่ไม่ทันได้พูดออกมาเมื่อครู่ ก็ไม่รู้ว่าเปลี่ยนแปลงความนัยไปหรือยัง เอ่ยต่อมาว่า

“พวกเจ้าสองคนก็น่ารำคาญเสียจริง นี่มันเวลาใดแล้ว ยังจะมาสู้กันเองอีก!” พูดพลาง เขาก็โบกมือโยนยันต์สีทองใบหนึ่งออกมา ยันต์นี้เหมือนเป็นของวิเศษอักขระ แต่ความรู้สึกที่ให้กลับเกินเลยไปมากกว่าร้อยเท่า เวลานี้พุ่งตรงไปยังผืนทะเลที่สวี่ชิงดำลงไป

บทที่ 145 หนึ่งยันต์สองชีพ 1

บทที่ 145 หนึ่งยันต์สองชีพ 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา