เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 149

บทที่ 149 ชุดนักพรตเทาออกสู่โลก

วันถัดมาสวี่ชิงก็ไปยังจุดที่กำหนดไว้ของป้ายยืนยัน ที่นั่นมีเรือสินค้าที่ไม่ใหญ่มากอยู่ลำหนึ่ง แม้จะไม่ได้มีราคานัก แต่ก็ยังมีมูลค่าอยู่ สำคัญที่สุดคือสวี่ชิงมองเห็นยาสมุนไพรอยู่กองหนึ่งในนั้น

จากการตอบกลับอย่างระมัดระวังของศิษย์ที่ดูแลที่นี่ สวี่ชิงจึงรู้ว่าเรือลำนี้ไม่มีคนมารับสองเดือนกว่าแล้ว

ดังนั้นสวี่ชิงจึงเก็บสมุนไพรไป เรียกสายของตนเองที่ไปจัดการเรื่องเรือสินค้า จากนั้นจึงสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการเปิดท่าเรือใหม่

“นายท่าน เรื่องเปิดท่าเรือใหม่ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว กำลังจะไปรายงานท่านพอดี

“ท่าเรือที่เปิดใหม่จะแบ่งเป็นสำหรับภายในและภายนอก แต่ละฝ่ายล้วนมีทั้งข้อดีและเสีย ในนี้สำหรับภายในรายรับจะไม่มากนัก แต่ก็สะดวกให้นายท่านสร้างสายสัมพันธ์กับศิษย์ด้านล่างภูเขา

“ส่วนสำหรับภายนอกกลับมีรายรับมหาศาล แต่ก็จำเป็นต้องมีส่วนร่วมของกรมต่างๆ อีกมาก อย่างเช่นกรมทดน้ำ กรมเคลื่อนย้าย กรมขนส่งเป็นต้น แต่ถ้าสร้างเสร็จต่อให้เป็นแค่ท่าเรือง่ายๆ รายรับก็มากมายจนน่าตกตะลึงจากการเข้าออกของเรือสินค้า นอกเหนือจากนี้ยังดึงดูดให้ร้านรวงต่างๆ มาเข้าร่วมอีก นี่ก็ถือเป็นรายรับอีกส่วนหนึ่ง”

สายเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ สำหรับภารกิจที่สวี่ชิงมอบให้ตนเอง นางไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย เวลาสองเดือนนี้ก็เอาแต่ค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง และยังควักเหรียญวิญญาณเพื่อซื้อข่าวไปบางส่วนอีกด้วย

ดังนั้นหลังจากที่สวี่ชิงสอบถาม นางก็ไม่คิดนานนัก จัดการพูดเรื่องการเปิดท่าเรือใหม่ออกมาทั้งหมด

“แต่ว่างานก่อสร้างคือใหญ่ ต่อให้สร้างแค่ท่าเรือง่ายๆ แค่ลงฐานแรกก็ต้องใช้อย่างน้อยสามล้านก้อนหินวิญญาณแล้ว ถ้าหากจะสร้างไปพร้อมกับร้านรวงต่างๆ จนเสร็จสมบูรณ์ จำนวนที่ต้องลงทุนน่าจะมากกว่าสิบล้าน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าจะทำตามสิ่งที่ต้องการ ก็ยิ่งสูงไม่มีขีดจำกัดขึ้นไปอีก”

สวี่ชิงฟังถึงจุดนี้ สีหน้าแม้จะดูเป็นปกติ แต่ก็แอบสั่นสะเทือนในใจ เดิมทีเขาคิดว่าตอนนี้ตนเองพอมีเงินบ้างแล้ว ถึงอย่างไรหินวิญญาณรวมๆ กันแล้วในถุงเก็บของเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้นน่าจะมีหลายแสนก้อนก็ตาม

แต่ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของสาย สวี่ชิงก็ทำได้เพียงนิ่งงัน

“แต่รายรับท้ายสุดก็ยังน่าสะพรึงเช่นกัน ท่าเรือสินค้ารับเข้าออกของเจ็ดเนตรโลหิตมีจำกัด ช่วงนี้ข้าคอยสังเกตเรือที่ไปๆ มาๆ เรือที่เข้ามายังเจ็ดเนตรโลหิตมีถึงสามส่วนที่ต้องเข้าแถวอยู่ด้านนอกถึงจะเข้ามาได้

“ทั้งหมดนี้ถ้าพวกเราเปิดท่าเรือใหม่ก็จะไม่ขาดเรื่องที่จอดและการเข้าออกของเรือสินค้าเลยเจ้าค่ะนายท่าน พอข้าลองเปรียบเทียบกับท่าเรืออื่นแล้วแอบคำนวณออกมา เงินลงทุนทั้งหมดของพวกเราอันที่จริงอยู่ที่ประมาณสามล้านหินวิญญาณ ส่วนที่เหลือสามารถนำเอารายรับมาสร้างทีหลังได้

“ถ้าหากทั้งหมดราบรื่น อย่างมากก็ประมาณสองปี รายรับรายจ่ายก็จะสมดุล หลังจากนี้ปีที่สามก็จะคืนทุน จากนั้นรายรับของทุกปี ก็น่าจะอยู่ที่สามล้านก้อนหินวิญญาณ

“นอกเหนือจากนี้ข้ายังหาข่าวเกี่ยวกับผู้อาวุโสระดับสร้างฐานคนอื่นที่เปิดท่าเรือมาด้วย มีน้อยมากที่จะลงทุนทั้งหมดด้วยตนเอง แต่มักจะรวมกันหลายๆ คน ดังนั้นถ้าหากรอบตัวนายท่านมีคนที่ยอมก็ย่อมลงทุนด้วยกันได้ แต่เหมือนว่าจำเป็นต้องเป็นระดับสร้างฐานเหมือนกันถึงจะทำได้

“นอกจากนี้ ห้างการเงินนอกสำนักก็ยังกระตือรือร้นต่อเรื่องนี้มาก แต่ก็ได้ยินว่าสำนักมีข้อจำกัดต่อเรื่องนี้อยู่มากเช่นกัน ดังนั้นจึงมีท่าเรือไม่มากนักที่จะมีหุ้นของพวกเขาอยู่”

สวี่ชิงครุ่นคิด

เดิมทีการเปิดท่าเรือเขาก็แค่รู้สึกว่าไม่ควรจะสิ้นเปลืองสิทธิ์นี้ไป ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากสร้างออกมาก็ไม่ต้องไปทำเรื่องอื่นอีกแล้ว ทุกปีสามารถได้รายรับมาก้อนมหาศาล ดังนั้นเขาจึงให้สายออกไปหาข้อมูล

แต่ตอนนี้พอฟังแล้ว สวี่ชิงแม้จะหวั่นไหว แต่มันก็แพงเสียเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นด้านในก็ยังมีเรื่องยุ่งยากอยู่มากด้วย

นอกจากนี้การลงทุนหินวิญญาณมหาศาลเช่นนี้จะทำให้ตนเองถูกผูกกับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตลึกเกินไป จุดนี้สวี่ชิงลังเลขึ้นมาบ้าง จู่ๆ เขาก็ตระหนักถึงสาเหตุขึ้นมาว่าเหตุใดผู้บำเพ็ญสร้างฐานมากมายจึงไม่เลือกเปิดท่าเรือกัน

ด้านหนึ่งคือจะผูกมัดด้านกำลังลึกยิ่งขึ้น อีกด้านหนึ่งคือสิ้นเปลืองมหาศาล

ถ้ามีหินวิญญาณเหล่านี้ สวี่ชิงรู้สึกว่าตนเองสามารถมอบหมายภารกิจให้คนอื่นออกไปจับอสูรทะเลให้กับตนเองได้

ดังนั้นหลังจากครุ่นคิด สวี่ชิงจึงมีความคิดที่จะละทิ้งเรื่องนี้แล้วในใจ

ดังนั้นจึงให้สายออกไป เขาก็เปลี่ยนเป็นชุดนักพรตสีเทา เตรียมจะไปยังร้านขายวัตถุดิบ

การกลับมาครั้งนี้ สิ่งของที่เขาต้องซื้อมีมากมาย ไม่ว่าจะหญ้าสมุนไพรหรือของวิเศษอักขระก็ล้วนจำเป็นต้องเตรียมทั้งสิ้น

อาวุธเวทนั้นแพงมาก ก่อนหน้านี้สวี่ชิงซื้อไม่ลง ตอนนี้ในถุงก็ถือว่าล่ำซำอยู่ เขาอยากจะลองเลือกดูเสียหน่อย

ขณะเดียวกันเกี่ยวกับพวกแผ่นวิญญาณที่อู๋เจี้ยนอูยอดเขาลำดับหนึ่งใช้เหล่านั้น สวี่ชิงก็รู้สึกสนใจมาก เตรียมจะไปหาดูว่ามีขายหรือไม่ ของเหล่านี้แม้ประสิทธิภาพจะธรรมดาๆ แต่เวลาสูดรับขึ้นมาก็สะดวกมาก

คนที่ชำเลืองมาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญสร้างฐานในชุดนักพรตสีเทาแบบสวี่ชิงทั้งสิ้น ตรวจสอบอีกฝ่ายด้วยการสัมผัสกลิ่นอายกันและกัน หลายครั้งที่พอสบสายตาก็ผละออก ต่างฝ่ายต่างไม่รบกวนกัน

“อาวุธเวท?” สวี่ชิงรับเกราะชิ้นนี้มา หลังจากที่พลังเวทหลั่งเข้าไปก็สัมผัสได้ว่าเกราะชิ้นนี้มีอักขระอยู่นับไม่ถ้วน เรียงแถวอยู่ด้วยกันด้วยกฎเกณฑ์บางอย่าง แผ่ซ่านไปทั้งในเกราะและนอกเกราะ มองเผินๆ เกรงว่ามีมากกว่าหนึ่งแสนตัว สวี่ชิงสังเกตเห็นว่าเกราะนี้ไม่ธรรมดาเลย

ครั้งนี้ สวี่ชิงกินไข่ไปสี่ฟอง

แม้พลังบำเพ็ญหลังจากระดับสร้างฐานไปแล้วเขาจะสามารถไม่กินข้าวได้หลายวัน ใช้พลังเวทมาหล่อเลี้ยงเอา แต่สวี่ชิงก็ยังชอบการกินข้าวแบบก่อนหน้านี้ มันทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ

“แม้เจ้าของชิ้นนี้จะเป็นอาวุธเวทระดับล่าง แต่พลังป้องกันก็ไม่เลวเลย พบกับสภาวะแสงนภาของระดับสร้างฐานเข้าถ้าเจ้าสวมมันไว้ ขอแค่อีกฝ่ายไม่ใช่ไฟสองดวง ก็สามารถต้านทานได้หลายครั้งอยู่”

บทที่ 149 ชุดนักพรตเทาออกสู่โลก 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา