บทที่ 152 ร่วมรบ
บรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อชมเชย ผู้อาวุโสเจ็ดยิ้มๆ ไม่พูดอะไร เพียงประสานหมัดคารวะอีกครั้ง
บรรพจารย์ที่ก่อตัวขึ้นจากเส้นสีเลือดบนท้องฟ้า ระหว่างยิ้มก็เบิกตาขึ้น มองไปยังเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิต ด้วยความสูงที่เขาอยู่ ด้วยพลังบำเพ็ญของเขาก็เหมือนจะมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของศิษย์ทั้งเมืองได้
และเสียงดุจสายอัสนีของเขาก็ระเบิดครืนครันขึ้นทีละคำเมื่อจ้องมอง
“ศึกนี้ เจ้ายอดเขากับผู้อาวุโสมีนัดหมายที่ต้องเข้าร่วม แต่ระดับสร้างฐานกับรวมปราณไม่มีหน้าที่นี้ ข้ารู้ว่าการฝึกบำเพ็ญของพวกเจ้าล้วนป่ายปีนพยายามสุดกำลังเพื่อตนเอง แม้จะมีส่วนช่วยสำนักอยู่ แต่ก็น้อยนิดเหลือเกิน
“ดังนั้นศึกนี้จะไม่บีบบังคับพวกเจ้า ผู้ที่สมัครใจร่วมรบจะได้รับรางวัล และในสงครามทั้งหมดผู้ร่วมรบจะดำเนินการตามรูปแบบรับภารกิจด้วยความสมัครใจ ศิษย์แห่งเจ็ดเนตรโลหิตเอ๋ย ใครสมัครใจจะไปรบบ้าง!”
คำพูดของบรรพจารย์เปล่งออกมา ยอดเขาทั้งหมดของเจ็ดเนตรโลหิต ป้ายฐานะบนตัวผู้บำเพ็ญระดับรวมปราณขั้นห้าขึ้นไปสั่นสะเทือนขึ้นในพริบตา ผลประโยชน์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการร่วมรบปรากฏขึ้นมาทันควัน
ผู้บำเพ็ญทั้งหมดหลังจากล้วงออกมาก็เข้าใจเนื้อหาที่ปรากฏ บางส่วนเมื่ออ่านจบดวงตาก็เผยประกายและความทะเยอทะยานขึ้นมาทันที
ดังนั้นเพียงไม่นานนัก บนยอดเขาและในเมืองหลักนี้ก็มีเสียงขานรับมากมายออกมา
“ศิษย์สมัครใจร่วมรบ!”
“ศิษย์สมัครใจร่วมรบ!!”
ขณะที่เสียงเข้าร่วมรบดังขึ้นต่อเนื่อง ร่างหลายร่างก็พุ่งออกไปกลางอากาศจากเมืองหลักรวมถึงบนยอดเขาทั้งเจ็ด ขึ้นไปยืนอย่างนอบน้อม
ในนี้มีสร้างฐาน และยังมีศิษย์รวมปราณขั้นสูงที่ใช้ยันต์บินทะยานบินขึ้นมา
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นมอง ล้วงเอาป้ายฐานะตนเองออกมา แล้วอ่านเนื้อหาที่อยู่ด้านใน
‘ผู้ร่วมรบคำนวณจากพลังบำเพ็ญ มอบรางวัลชุดแรกให้ทันที ในนี้รวมปราณขั้นห้าจะได้รับห้าร้อยก้อนหินวิญญาณสูงสุดสามพันก้อนหินวิญญาณ ระดับสร้างฐานเริ่มจากหนึ่งแสนก้อนหินวิญญาณสูงสุดคือห้าแสนก้อนหินวิญญาณ เมื่อยอมเข้าร่วมรบจะจ่ายทันที แต่เมื่อเข้าร่วมรบแล้ว ถ้าสงครามยังไม่จบจะถอยออกมามิได้ ทว่าภารกิจด้านในล้วนเป็นความสมัครใจ!’
นี่เป็นเนื้อหาของผลประโยชน์แรกสำหรับผู้บำเพ็ญที่ร่วมรบในแผ่นหยกนี้ หลังจากสวี่ชิงอ่านจบก็หวั่นไหวเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตนเองจะได้รับหนึ่งแสนก้อนหินวิญญาณ จำนวนขนาดนี้ถือเป็นลาภก้อนโตแล้ว
‘เจ้ายอดเขาจะส่งภารกิจระหว่างสงครามให้กับผู้อาวุโสในแต่ละยอดเขา หลังจากผู้อาวุโสประกาศแล้ว ไม่ว่าใครหรือมาจากยอดเขาใดก็สามารถรับได้ รางวัลของภารกิจมีอีกมากมายมหาศาล
‘ผลประโยชน์นอกเหนือจากภารกิจของผู้เข้าร่วมรบทั้งหมดไม่จำเป็นต้องรายงาน จะตกเป็นของทุกคนทั้งหมด!
‘และเมื่อเจ็ดเนตรโลหิตชนะสงคราม ผู้ที่เข้าร่วมรบทั้งหมดจะนำคุณภาพและจำนวนครั้งในการสำเร็จภารกิจมาเปรียบเทียบ และส่งมอบผลประโยชน์จากศึกนี้ของสำนักให้
‘และวิญญาณเผ่าสิงซากสมุทรก็มีประสิทธิภาพที่น่ามหัศจรรย์ต่อผู้ที่ฝึกบำเพ็ญคัมภีร์เพลิงพิฆาตกลืนวิญญาณของสำนักเราอีกด้วย ยอดเยี่ยมหาสิ่งใดเปรียบไม่ พวกเจ้าลองดูก็จะรู้เอง!
“ศึกนี้ ใครสมัครใจร่วมรบบ้าง!”
แค่สนสงครามเริ่มแรกก็จ่ายหินวิญญาณออกมามากเสียขนาดนี้ นึกภาพออกเลยว่าภารกิจภายหลังจะต้องน่าตกตะลึงเป็นแน่ สวี่ชิงมองแล้วรู้สึกหวั่นไหวมาก
เขาขาดแคลนหินวิญญาณสุดๆ
โดยเฉพาะหลังจากที่ซื้ออาวุธเวทกับสมุนไพรพิษมา ตอนนี้แม้ในถุงเก็บของของเขาจะยังมีหินวิญญาณอยู่ แต่ก็เพียงพอใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น
และหินวิญญาณก็สำคัญกับการฝึกบำเพ็ญเป็นอย่างมาก สวี่ชิงเข้าใจเป็นอย่างดี ถ้าหากตอนนี้เขามีหินวิญญาณสักสิบล้านก้อน เช่นนั้นเขาก็สามารถกระจายภารกิจนอกเหนือจากสงคราม ให้ผู้บำเพ็ญจำนวนมากออกไปช่วยเขาจับอสูรทะเลระดับสร้างฐานได้ กระทั่งถ้าหากมีหินวิญญาณที่มากกว่า เขายังสามารถให้ผู้อาวุโสลงมือช่วยเหลือได้อีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ระดับความยากในการจะทะลวงเปิดช่องเวทไปจนถึงสามสิบก็จะลดลงมหาศาล
ต่อให้ไม่ไปขอให้ผู้อาวุโสช่วยเหลือ ถ้าเขามีหินวิญญาณเพียงพอก็หลอมเอาเรือใหญ่เวทที่เกินล้ำกว่าเรือใหญ่เวทออกมาได้อย่างไม่เสียดาย คอยระมัดระวังหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่อาจต้านทานไหวก็ยังครอบครองทะเลต้องห้ามไปได้ส่วนหนึ่ง
ดังนั้น รางวัลสงครามครั้งนี้ทำเอาสวี่ชิงยังหอบหายใจถี่ขึ้นมา
โดยเฉพาะวิญญาณของเผ่าสิงซากสมุทร สวี่ชิงที่เคยลิ้มลองแล้วก็เย้ายวนเสียเหลือเกิน และเขาเดิมทีก็เป็นคนที่สังหารอย่างเด็ดขาด ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ
และตอนนี้เอง เงาหลายร่างก็ทยอยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า เสียงเข้าร่วมรบดังขึ้นเป็นระลอก ผู้บำเพ็ญสร้างฐานของยอดเขาทั้งเจ็ดแห่งเจ็ดเนตรโลหิตรวมกันแล้วเกือบพันเวลานี้เลือกที่จะเข้าร่วมรบกว่าเจ็ดส่วน แน่นขนัดไปหมด พลังน่าตกตะลึงทำเอารอบทิศเกิดลมกระพือ มหาสมุทรพัดเกลียวอย่างรุนแรง
และมีเงาของผู้อาวุโสอีกหลายเงาเดินออกมายืนอยู่ข้างกายเจ้ายอดเขาแต่ละยอดเขาด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันบนพื้นดินที่เมืองหลักก็มีผู้บำเพ็ญรวมปราณอีกนับไม่ถ้วน หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว ส่วนหนึ่งเลือกเข้าร่วมรบ และก็มีอีกส่วนหนึ่งที่เลือกจะเป็นผู้ชมแทน
ถึงอย่างไรผู้บำเพ็ญที่กลายมาเป็นศิษย์ของเจ็ดเนตรโลหิตและยังมีชีวิตอยู่จนถึงรวมปราณขั้นห้าขึ้นไป เดิมทีก็ไม่ใช่พวกไม่ทำการทำงานอยู่แล้ว
“เปิดค่ายกลใหญ่สำนักเชื่อมต่อส่งข้ามไปยังเกาะเงือก!” เสี่ยเลี่ยนจื่อบนท้องฟ้าเอ่ยขึ้นของ ทั่วทั้งเจ็ดเนตรโลหิตก็ส่งเสียงครืนครัน ดวงตาโลหิตขนาดยักษ์เจ็ดดวงของยอดเขาทั้งเจ็ด เปล่งแสงประหลาดออกมาปกคลุมอาณาเขตทั้งหมด
ค่ายกลเปิดขึ้น
ในป้ายฐานะของทุกคน นอกจากข้อมูลเรื่องรางวัลแล้ว ยังมีแผนการของสงครามคร่าวๆ ในนี้อีกด้วย ราวกับไม่กลัวเลยว่าแผนการนี้จะเล็ดลอดออกไป
แผนการทั้งหมดคือให้เกาะเงือกทั้งสี่เป็นแนวหน้าของกรมสั่งการ คนที่เข้าร่วมรบทั้งหมดขอแค่ถือตราฐานะไว้ในมือขณะอยู่ในแสงค่ายกลขนาดใหญ่ของเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิต นึกคิดว่าจะเข้าร่วมรบก็จะถูกค่ายกลส่งข้ามไปยังเกาะเงือกแล้วรวมตัวกันที่นั่น
ด้วยวิธีนี้ทำให้สนามรบอยู่ห่างจากสำนักเจ็ดเนตรโลหิต และตำแหน่งยุทธศาสตร์ของเกาะเงือกทั้งสี่ก็สำคัญอย่างมากเนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสำนักเจ็ดเนตรโลหิตและเผ่าสิงซากสมุทร


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา