บทที่ 151 ประกาศสงคราม
ข่าวนี้แพร่ไปทั่วทั้งสำนักเจ็ดเนตรโลหิตปานลมพายุ สร้างความสนใจให้กับผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญบนเขาหรือล่างเขา
แม้ในสงครามผู้บำเพ็ญระดับสูงจะเป็นกำลังหลัก แต่ในสงครามหลายๆ เรื่องก็ยังต้องให้ผู้บำเพ็ญระดับรวมปราณลงมือ ยกตัวอย่าง เช่น วางค่ายกล พลาธิการแนวหลัง การขนส่ง ภารกิจในสงครามต่างๆ เป็นต้น
กระทั่งว่าเผ่าสิงซากสมุทรก็ต้องมีระดับรวมปราณออกรบด้วยแน่นอน เช่นนั้นแล้วลูกศิษย์ล่างเขาของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ต้องออกไปสู้ศึกด้วยเช่นกัน
ในเมื่อเทียบกับลูกศิษย์บนเขาแล้ว ลูกศิษย์ล่างเขาไม่มีสิทธิ์ในการปฏิเสธ มีเพียงถึงระดับสร้างฐานแล้วเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามหรือไม่
ดังนั้นจากการเผยแพร่ของข่าวนี้ไม่นานนักในเมืองหลักก็สั่นสะเทือน แต่สวี่ชิงไม่แปลกใจ
ไม่ว่าจะเป็นการสู้กันของเจ้ายอดเขาที่เจ็ดกับผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงซากสมุทรที่ได้เห็นในทะเล หรือจะเป็นการเตือนทั้งสองครั้งของหวงเหยียน หรือจะเป็นการวางแผนล่วงหน้าของจางซานล้วนแต่บ่งชี้ถึงเรื่องสงครามที่ใกล้จะเกิดขึ้น
สำหรับสงครามสวี่ชิงเดิมไม่ได้มีความคิดอะไรมาก ตอนที่ขึ้นเขาก่อนหน้านี้จางอวิ๋นซื่อเคยบอกว่า ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานไม่มีหน้าที่เข้าร่วมสงคราม ดังนั้นการเปิดศึกสงครามส่วนมากแล้วล้วนขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์
แต่หลังจากฝึกบำเพ็ญคัมภีร์เพลิงพิฆาตกลืนวิญญาณ ความคิดของสวี่ชิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ความจริงแล้วผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานที่ฝึกฝนคัมภีร์เพลิงพิฆาตกลืนวิญญาณล้วนให้ความสำคัญกับสงคราม
เพราะในสงครามดูดกลืนวิญญาณได้ง่ายที่สุด ขอเพียงแค่มีชีวิตรอดมาได้ ส่วนใหญ่ล้วนทะลวงเปิดช่องเวทได้มาก
อย่างไรเสียในสงครามการฆ่าฟันเกิดขึ้นเยอะมาก อีกทั้งการดูดวิญญาณในโกลาหลก็จะง่ายยิ่งขึ้น และวิญญาณของเผ่าสิงซากสมุทรก็มีผลอันน่าอัศจรรย์ต่อคัมภีร์เพลิงพิฆาตกลืนวิญญาณ
จุดนี้ทำให้สวี่ชิงหวั่นไหว โดยเฉพาะเขาได้ลิ้มรสความยอดเยี่ยมของวิญญาณเผ่าสิงซากสมุทรแล้ว…
ช่องเวทของเขาตอนนี้เปิดแล้วยี่สิบช่อง ห่างจากก่อไฟชีวิตดวงแรกแค่สิบช่องเท่านั้น และสวี่ชิงก็เคยคำนวณมาก่อนว่าหากใช้แมงดาพรายปรารถนาร่วมกับหอยโบราณไปดึงดูดอสูรทะเลเหมือนอย่างครั้งที่แล้ว เขาคาดคะเนว่าอย่างน้อยๆ ต้องใช้เวลาสองปี เพราะความต้องการในการทะลวงเปิดช่องเวทเพิ่มขึ้น
แม้จะบังเอิญได้เจออสูรร้ายระดับสร้างฐาน สามารถเร่งความเร็วได้ แต่ก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน
นี่ยังไม่นับเส้นทางไปกลับและแมงดาพรายปรารถนามีเพียงพอหรือไม่ หากรวมปัจจัยพวกนี้เข้าไปด้วยเกรงว่าคงไม่ใช่แค่สามปี และเวลานานขนาดนั้นหากจนแล้วจนรอดก็ยังเปิดสภาวะแสงนภาไม่ได้ การเดินเรือออกทะเลก็จะอันตรายมาก
ในเมื่อตอนเป็นระดับรวมปราณเดินเรือออกทะเล เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะคิดว่าฆ่าแล้วไม่คุ้ม แต่หากเห็นเป็นผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐาน หลายๆ คนก็ไม่คิดแบบนั้นแล้ว
ฆ่าผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานคุณค่าสูงกว่า
เช่นนี้แล้วแม้สงครามจะอันตราย แต่ดูเทียบจากความคุ้มค่าแล้วก็สูงกว่ามาก
และในตอนที่ข่าวเกี่ยวกับเรื่องสงครามแพร่ไปในสำนัก ทางจางซานก็ทุ่มเทให้กับท่าเรือของพวกเขาสามคนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ล่าช้าเพราะเรื่องของสงครามด้วย
ด้วยการทุ่มหินวิญญาณจำนวนมหาศาลลงไป ไม่ใช่แค่เลือกพื้นที่บุกเบิกเรียบร้อยแล้วเท่านั้น กระทั่งว่ายังจ้างลูกศิษย์ยอดเขาที่หกหลายพันคน และแรงงานอีกหลายหมื่น เริ่มการสร้างขึ้นแล้ว
การสร้างที่คนมากมายเช่นนี้ทำให้ท่าเรือใหม่เปลี่ยนโฉมใหม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ในขณะเดียวกันแผนการจัดตั้งร้านค้าของท่าเรือใหม่ก็เริ่มขึ้นแล้วเช่นกัน
นอกจากนั้นในฐานะที่จางซานเป็นรองนายกองหน่วยของกรมขนส่งก็ใช้อำนาจของตัวเองสร้างกรมขนส่งขึ้นที่นี่ บริการท่าเรือใหม่โดยเฉพาะ
ทางนายกองก็เช่นกัน แม้เขาจะไม่อยู่ในสำนัก แต่ก็สั่งการย้ายหน่วยปราบนิลกาฬมาที่ท่าเรือใหม่ เป็นกรมปราบพิฆาตสาขาย่อยของที่นี่
แล้วก็ยังมีหวงเหยียนที่ไม่รู้ว่าไปได้วิธีการใดมา หลังจากที่ได้ยินว่าสวี่ชิงมีหุ้นส่วน ก็จัดการย้ายกรมทดน้ำมาที่นี่ ในขณะที่ที่นี่สร้างสาขาย่อย เนื่องจากข่าวกระจายออกไป กู้มู่ชิงก็ซื้อร้านค้าขนาดใหญ่ของที่นี่เงียบๆ เตรียมเปิดร้านยาอีกแห่ง
ส่วนผู้ดูแลจากยอดเขาที่หกที่เคยคิดจะขูดรีดสวี่ชิงคนนั้น ก็ไม่รู้ว่าเป็นการสั่งการของคนข้างหลังของเขาหรือไม่ ก็มาซื้อร้านค้าเพื่อแสดงความเป็นมิตรทันทีเช่นกัน
จากการไหลทะลักเข้ามาของคนทั้งหลายทำให้คึกคักไปทั้งท่าเรื่อใหม่ กลายเป็นประเด็นร้อนของสำนักในช่วงนี้นอกจากเรื่องของสงคราม
ส่วนติงเสวี่ยก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน นางย่อมมาให้การสนับสนุนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงซื้อร้านค้าสามร้านเป็นสามเหลี่ยมล้อมร้านยาของกู้มู่ชิงเอาไว้
เหมือนยังไม่ได้คิดว่าจะเอามาทำอะไร แต่รัศมีอำนาจท่วมท้น
กระทั่งว่านางยังติดต่อสหายสนิทแต่ละยอดเขาของนางพวกนั้นด้วย ส่วนมากล้วนแต่มาให้การสนับสนุน
วันที่สองที่ติงเสวี่ยซื้อร้าน เจ้าจงเหิงก็สั่งย้ายกรมเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว มาสร้างสาขาย่อยที่นี่
นี่ทำให้จางซานได้ใจนัก ย่อมเป็นเขาที่ปล่อยข่าวออกไป แต่ว่าคนที่คิดแผนนี้คือนายกอง ก่อนนายกองไปก็ได้บอกกับเขาว่าจะต้องให้สวี่ชิงเข้าร่วมด้วย ในเมื่อคนที่หน้าตาดีนั้นมีประโยชน์ ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ส่วนจางซานก็เริ่มเคลื่อนไหวเส้นสายของตัวเอง ดังนั้นไม่นานนัก ยอดเขาที่สาม สี่และห้าก็มีคนทยอยมาซื้อร้านค้า ทำให้ท่าเรือใหม่ตอบสนองความต้องการของการฝึกบำเพ็ญได้ครบหมด
ส่วนโรงพนัน สถานเริงรมย์ เมื่อได้ยินว่าท่าเรือที่มีความเกี่ยวพันกับกรมปราบพิฆาตก็มาตามข่าวเช่นกัน
พวกเขามีจำนวนมากที่สุด สถานที่ประเภทนี้แทบทั้งหมดในเมืองหลักล้วนมาเปิดสาขาย่อยที่นี่กันทั้งนั้น
ร้านค้าส่วนอื่นๆ ก็ทยอยเข้ามาตั้งเช่นกัน จนผ่านไปครึ่งเดือน เมื่อสวี่ชิงได้แมงดาพรายปรารถนามาจากร้านร้อยพันสมุนไพร ท่าเรือก็มีแนวโน้มว่าสามารถเปิดใช้ได้แล้วด้วยการก่อสร้างอย่างเร่งรีบของเดือนนี้
อีกทั้งยอดเขาที่เจ็ดยังยื่นขอหมายเลขทะเบียน จดทะเบียนเป็นท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหก
ในวันที่ท่าเรือสร้างสำเร็จและเปิดใช้ สวี่ชิงก็ย้ายจากบนเขามา หาที่จอดเรือที่ห่างไกลในท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกแล้วพำนักอาศัย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา