บทที่ 162 หิมะดำดุจเส้นผม
หุบเขาไม่ใหญ่
ในนั้นมีระลอกคลื่นค่ายกลแผ่ซ่าน
มองเห็นลูกศิษย์ยอดเขาที่สองร้อยกว่าคนในนั้นกำลังถอดส่วนประกอบเตาหลอมและอาวุธเวทบางอย่างที่สวี่ชิงไม่เคยเห็นมาก่อน
ข้างหลังพวกเขามีค่ายกลส่งข้ามขนาดกลางค่ายกลหนึ่ง
ตอนนี้ลูกศิษย์ยอดเขาห้าในชุดนักพรตสีครามสามสี่คนที่อยู่ข้างค่ายกลกำลังพยายามซ่อมแซมและปรับสมดุลมันอยู่ ประเดี๋ยวๆ ก็มีระลอกคลื่นส่งข้ามกระพริบแสงรวดเร็วบนนั้น
และที่บริเวณทางเข้าหุบเขา ตรงนั้นกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ผู้บำเพ็ญยอดเขาต่างๆ ประมาณสามสิบกว่าคนกำลังป้องกันอยู่ที่ทางเข้าอย่างเหนียวแน่น สกัดกั้นเผ่าสิงซากสมุทรที่กรูบุกเข้ามาจากทั่วทุกทิศราวฝูงตั๊กแตน
ส่วนบนพื้นก็เต็มไปด้วยซากศพ เศษชิ้นส่วนแขนขา เห็นแล้วขนพองสยองเกล้านัก
เห็นได้ว่าสงครามดุเดือดโหดร้ายเหลือทน
และผู้บำเพ็ญทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเป็นหลัก เสียงสนั่นหวั่นไหวสะเทือนฟ้า ในขณะที่สงครามปั่นป่วนโกลาหล ห่างออกไปไม่ไกลยังมีผู้บำเพ็ญอีกสองคนที่สู้กันอย่างดุเดือดกว่าคนอื่นๆ
นั่นเป็นผู้บำเพ็ญที่เปิดสภาวะแสงนภาแล้วสองคน
ผู้บำเพ็ญสภาวะแสงนภาเผ่าสิงซากสมุทรหน้าตาเหมือนชายชราเผ่ามนุษย์ สวมชุดคลุมยาวสีเทาทั้งตัวที่ดูแล้วซอมซ่อนัก แต่กลับมีระลอกคลื่นพลังไม่ธรรมดาแผ่ออกมาจากชุดคลุมยาวนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นอาวุธวิเศษชิ้นหนึ่ง
ส่วนผู้บำเพ็ญสภาวะแสงนภาของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเป็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง นางสวมชุดนักพรตสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของยอดเขาที่สอง เรือนร่างสมบูรณ์แบบฉายความเป็นผู้ใหญ่ ลงมือรวดเร็วนัก
เพียงแต่วิชาที่ลูกศิษย์ยอดเขาที่สองเชี่ยวชาญไม่ใช่การโจมตีสังหาร ดังนั้นแม้พวกเขาสองคนจะเป็นผู้บำเพ็ญสภาวะแสงนภาไฟชีวิตหนึ่งดวงเหมือนกันทั้งคู่ แต่เห็นได้ชัดว่าผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานของยอดเขาที่สองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เลือดกระอักออกมาจากมุมปากของนาง แต่กลับไม่ทันได้เช็ด
ภายใต้สภาวะแสงนภา ความเร็วทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปมาน่ากลัวอย่างยิ่งยวด ไม่ระวังเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นก็อาจจะถูกโจมตีกระบวนท่าเดียวก็ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นจึงจะเสียสมาธิไม่ได้
ตอนนี้ในเสี้ยวขณะที่สวี่ชิงปรากฏตัวขึ้นที่ไกล หญิงสาวยอดเขาที่สองคนนั้นก็พลังเวทไม่พอ ไฟชีวิตไหวระริกวูบวาบ ความเร็วลดลงไปเล็กน้อย ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรขั้นไฟชีวิตคนนั้นคว้าโอกาสไว้ได้ทันที ซัดพลังมาที่หน้าอกนางเข้าอย่างจัง
อาภรณ์ของหญิงสาวขาดวิ่นเผยให้เห็นผิวพรรณ กระอักเลือดสดๆ ออกมา สีหน้าเจ็บปวด ร่างกายถอยไปข้างหลังอย่างไม่อาจควบคุมได้ เสียงตูมดังขึ้นก็กระแทกกับหินผาที่อยู่ข้างๆ
หินผาแตกทลาย รอยแยกแต่ละทางๆ แผ่ลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ก้อนหินจำนวนไม่น้อยร่วงลงมาจากภูเขา
ส่วนหญิงสาวคนนั้นดิ้นรนคิดจะยืนขึ้น แต่ไฟชีวิตในร่างไหวระริกรุนแรงสุดท้ายก็มอดดับ เลือดกระอักออกมาอีกครั้ง สีหน้าซีดเผือด
ชายชราเผ่าสิงซากสมุทรเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงขึ้นจมูก ไม่แม้แต่จะปรายตามองหญิงสาวยอดเขาที่สองที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ร่างเพียงกะพริบวูบก็พุ่งไปในหุบเขา เป้าหมายคือค่ายกลที่อยู่ในนั้น
แต่แทบจะในชั่วขณะเดียวกับที่ร่างของเขาเพิ่งขยับ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป หันมามองข้างหลังอย่างรวดเร็ว รูม่านตาหดเล็กลงทันที สีหน้าฉายความหวาดกลัวออกมา
“พลังสองดวงไฟ!”
ในสายตาของเขา ทุกอย่างทั้งในและนอกหุบเขาความจริงแล้วล้วนช้าเนิบหมด แต่ในขณะนี้ ปลายขอบฟ้าที่เขาเห็นกำลังมีเงาร่างที่ทำให้เขาหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวน คล้ายว่าทิ่มแทงเข้ามาในโลกในสายตาของเขา
ใช้ความเร็วที่น่าครั่นคร้ามพุ่งมาหาเข้าทางนี้ในทันที
ความแตกต่างที่เกิดขึ้นจากระหว่างความเนิบช้าและความเร็วแบบนี้ทำให้ร่างของชายชราเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้ผละถอยหลังไปทันที คิดจะหนีไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เขาในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญไฟชีวิตหนึ่งดวงรู้เป็นอย่างดีถึงความแตกต่างระหว่างตนกับไฟชีวิตสองดวง…ไม่ต่างอะไรกับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานทั่วไปกับผู้ที่เป็นสภาวะแสงนภาก่อไฟชีวิตได้
“สมควรตาย ที่นี่ทำไมถึงมีผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสองดวงปรากฏขึ้นได้ ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานขั้นกลางแบบนี้มีเพียงคนในเผ่าที่เป็นขั้นเดียวกันกับเขาเท่านั้นถึงจะสู้ได้!
“รายงานข่าวผิดพลาด!!” ชายชราเผ่าสิงซากสมุทรหายใจถี่กระชั้น แม้จะถอยทันทีแต่ก็ยังสายไปแล้ว!
สวี่ชิงจ้องเขาอยู่ตั้งนานแล้ว!
เผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตหนึ่งดวงแบบนี้เป็นเหยื่อชั้นเลิศสำหรับสวี่ชิง
อย่างไรเสียวิญญาณที่เขาต้องใช้ในการทะลวงเปิดช่องเวทมหาศาลนัก ระดับสร้างฐานทั่วไปจำต้องใช้หลายดวงถึงจะเปิดได้หนึ่งช่อง ต่อให้เป็นระดับสร้างฐานที่ฆ่าไปสองคนก่อนหน้านั้น ช่องเวทที่สี่สิบเอ็ดของเขาก็ยังทะลวงเปิดไม่สำเร็จ
แต่หากดูดซับเผ่าสิงซากสมุทรระดับไฟชีวิตหนึ่งดวงก็จะต่างไปโดยสิ้นเชิง
ฆ่าหนึ่งคนก็จะเปิดได้หนึ่งช่อง
ดังนั้นในชั่วพริบตาที่ชายชราคนนี้หลบหนี สวี่ชิงจึงเปลี่ยนทิศทางไม่มุ่งหน้าไปที่ค่ายกลหุบเขา ทว่ากลับพุ่งตัวไปทางชายชราคนนั้นแทน
ความเร็วของเขาเพียงสามอึดใจก็มาถึงจากที่ไกลๆ มาปรากฏอยู่ข้างหน้าชายชราเผ่าสิงซากสมุทรทันที
มือขวาของเขายกขึ้นแล้วชกไปหมัดหนึ่ง พลังน่าหวาดกลัวก็ทะลักออกมาทันทีจากการปะทุของตะเกียงแห่งชีวิตในร่าง
ชายชราเผ่าสิงซากสมุทรทำได้เพียงแค่หลบได้อย่างเฉียดฉิว แม้เขาก็เป็นผู้บำเพ็ญสภาวะแสงนภาเหมือนกัน แต่ความต่างชั้นก็ทำให้เขาไม่สามารถตามความเร็วของสวี่ชิงได้ทันเลย และไม่สามารถหลบได้โดยสมบูรณ์ ดังนั้นเพียงพริบตาเดียวหมัดของสวี่ชิงก็ซัดมาที่หน้าอกของชายชราตนนี้
เสียงครืนครันสนั่นหวั่นไหวปานอัสนีสวรรค์กึกก้อง ฟาดผ่าไปทั่วทุกสารทิศ
ชายชราเผ่าสิงซากสมุทรตนนี้กระอักเลือดออกมา ร่างระเบิดไปเกือบครึ่ง กระเด็นม้วนชนกับหินผาในที่สูงข้างหลังติดอยู่ตรงนั้น บาดเจ็บสาหัสทันที
นี่เขาเปิดพลังของอาวุธวิเศษชุดคลุมยาวในช่วงวิกฤตแล้วด้วยซ้ำ อีกทั้งยังปะทุพลังเวทอย่างบ้าคลั่งประดุจจะใช้ให้หมดสิ้นไปต้านทาน ถึงได้ไม่ถูกหมัดนี้ของสวี่ชิงซัดตาย
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความสาหัสของอาการบาดเจ็บก็ทำให้เขาไม่สามารถฟื้นฟูได้ สายตาก็ฉายความสิ้นหวังออกมาท่ามกลางเลือดเนื้อเปรอะเปื้อน
เพราะในสายตาของเขา เงาร่างของสวี่ชิงหายไปแล้ว
ชั่วพริบตาต่อมา เปลวเพลิงสีดำผืนหนึ่งก็ปกคลุมโลกเบื้องหน้าของเขา
นั่นคือฝ่ามือของสวี่ชิงที่ปิดมาที่หว่างคิ้วของชายชราเผ่าสิงซากสมุทรตนนี้
เป่ามาเพียงเบาๆ ทั้งร่างของชายชราก็ส่งเสียงดังสนั่น เจ้าเงาทางนั้นก็เริ่มบ้าคลั่ง กระโจนไปอย่างรวดเร็ว กัดกินกายเนื้อของชายชราไม่หยุด


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา