บทที่ 195 ความทุกข์ระทมของผู้อ่อนแอ
“นายกอง หากเงินรางวัลหนึ่งร้อยล้าน ขาข้างหนึ่งรวมกับแขนข้างหนึ่ง น่าจะได้หินวิญญาณสามสิบล้านก้อนแล้วกระมัง”
สวี่ชิงเก็บสายตาที่มองไปยังเจ้าเงา มองไปทางผลผิงกั่วที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลพลางเอ่ยถามอย่างสงสัย
ผลผิงกั่วที่ลอยอยู่กลางอากาศมีรอยฟันปรากฏขึ้น คล้ายว่าคนที่กัดลงไปตอนนี้หยุดท่าทางชะงัก
“รองเจ้ากรมสวี่ ขาข้างหนึ่งอะไรกัน ไม่เข้าใจๆ แต่หินวิญญาณสองหมื่นก้อนที่ติดข้าไว้จะเบี้ยวไม่ได้ อย่างไรเสียครั้งนี้เพื่อคุ้มครองเจ้าแล้ว ข้าสู้สุดชีวิตเลยทีเดียว!”
สวี่ชิงร้องอ้อขึ้นมา แล้วหยิบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมาชิ้นหนึ่งโยนไปให้
นี่คือบันทึกภาพเคลื่อนไหวจริตจะก้านและท่าทางโอ้อวดของนายกองในตอนแปลงโฉมเป็นองค์หญิงสามที่บรรพจารย์สำนักวัชระบันทึกเอาไว้…
แผ่นหยกแผ่นนั้นถูกรับเอาไว้ทันที หลังจากผ่านไปสี่ห้าอึดใจ เสียงหัวเราะร่าก็ดังขึ้นมา
“ศิษย์น้องที่ข้ารักลึกซึ้งเป็นที่สุด เมื่อครู่ศิษย์พี่ล้อเล่นกับเจ้าเท่านั้น เอ๋ จางซาน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน ที่นี่กำลังจะสร้างอะไรหรือ ทำไมข้างๆ ถึงมีจมูกด้วย”
จางซานสีหน้าแปลกประหลาด ของชิ้นที่ใหญ่ที่สุดที่นี่ก็คือจมูกนั่นแล้ว เขาพูดในใจว่านายกองเอ๋ยนายกอง วิธีเปลี่ยนเรื่องของเจ้าจะมักง่ายเกินไปหน่อยกระมัง
ดังนั้นเขาจึงมองบริเวณที่ผิงกั่วถูกกัดคำแล้วคำเล่าพลางส่ายหน้า
“นายกอง ทางเจ้ายังมีจมูกของเทวรูปอีกชิ้นหนึ่งใช่หรือไม่ เอามาวางไว้ด้วยกันที่นี่ ข้าจะเอามาต่อกันเพื่อจัดแสดง”
จางซานเพิ่งพูดจบ ข้างๆ ที่กว้างโล่งก็มีเสียงตึงดังขึ้น ก้อนหินก้อนใหญ่สีเทาตกลงมา มันมีขนาดถึงเจ็ดแปดจั้ง เป็นจมูกชิ้นที่นายกองเอาไปนั่นเอง
เพียงแต่ริมขอบบางแห่งบนนั้นจะเห็นรอยฟันมากมาย เหมือนว่าเคยถูกคนกัดไปหลายครั้ง
“เจ้านี่ไม่มีประโยชน์ ระหว่างทางที่กลับมาข้าลองกัดไปหลายครั้ง ไม่มีผลอะไรเลย” นายกองส่งเสียงออกมาอย่างเกียจคร้าน
จางซานไม่สนใจ ก้าวขึ้นไปอุ้มจมูกขึ้นมา วางมันกับชิ้นของสวี่ชิงชิ้นนั้น สีหน้าเผยแววฮึกเหิม แววตาเป็นประกาย
“เอาละ ข้าเพิ่งกลับมายังมีกิจธุระต้องจัดการ ช่วงนี้ข้ากำลังเตรียมแผนการใหญ่ ตอนนี้มีหัวใจศพระดับสูงแล้วแต่ยังขาดรายงานบางอย่าง รอข้าจัดการเรียบร้อย พวกเราสามคนก็ไปทำการใหญ่กันได้แล้ว!” เสียงนายกองดังก้อง แฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น
“ยังจะทำการใหญ่อีกหรือ” จางซานสูดลมหายใจ มองไปทางผิงกั่วราวกับมองเทพ
สวี่ชิงตาจ้องเพ่ง ถามขึ้นว่า
“เปิดช่องเวทได้หรือไม่”
“ไม่ใช่แค่เปิดช่องเวท เป้าหมายของรองเจ้ากรมสวี่เล็กเกินไปแล้ว ครั้งนี้หากพวกเราทำสำเร็จ เช่นนั้นก็จะก้าวเดียวสู่สวรรค์แล้ว เนื้อจวีอิงก่อนหน้านี้ หัวใจศพระดับสูงล้วนเตรียมเพื่อแผนการใหญ่ทั้งสิ้น” นายกองยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น แต่แผลปริแตก เจ็บจนปากเหยเก
“เดี๋ยวข้าจะบอกรายละเอียดกับพวกเจ้า ข้าไปก่อน เฮ้อ ชีวิตก็เหนื่อยเช่นนี้ งานมากมายรอข้าไปจัดการ” นายกองฝืนสะกดความเจ็บปวดเอาไว้ หลังจากพูดอย่างไม่สะทกสะท้านก็กระโดดโหยงเหยงจากไปอย่างรวดเร็ว
จางซานมองไม่เห็น แต่สวี่ชิงก้มหน้ามองเจ้าเงา ตอนนี้เจ้าเงาทำท่ากระโดดโหยงเหยง เซไปมาบนพื้น
“มีชิ้นส่วนจมูกสองชิ้นนี้ พิพิธภัณฑ์ของพวกเราก็สุดยอดแล้ว!” จางซานไม่สนใจนายกอง ตอนนี้ความทุ่มเททั้งหมดของเขาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ หลังจากวนรอบจมูกรอบหนึ่ง เขาก็ฮึกเหิมขึ้นมาอีกรอบ
สวี่ชิงดึงสายตากลับมาเงียบๆ มองไปทางจางซาน
“ศิษย์พี่จาง เรือเวทของข้าจะหลอมได้หรือไม่”
“หลอมเสร็จแล้ว คู่มืออยู่ข้างใน สวี่ชิงเจ้าลองอ่านดูเองก่อน ต่อจากนี้ข้าจะประกอบชิ้นส่วนจมูกสองชิ้นนี้เข้าด้วยกัน ทำให้มันสมบูรณ์แบบขึ้นอีกนิด”
จางซานพูดพลางโยนขวดใบเล็กให้สวี่ชิงใบหนึ่ง จากนั้นทั้งตัวก็พุ่งไปบนจมูก เริ่มทำการศึกษาว่าจะประกอบอย่างไร
สวี่ชิงรับขวดมา เอ่ยลาจากไป
เขาไม่ได้กลับกรมปราบพิฆาต แต่มายังริมฝั่งท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหก ปล่อยเรือเวทออกมา
คลื่นซัดเป็นระลอกจากเสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะท้อนก้อง เรือเวทลำมหึมาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
รูปร่างของเรือลำนี้เหมือนกับก่อนหน้านี้ทุกประการ ไม่มีข้อแตกต่างอะไรเลย
ทว่าเห็นได้ชัดว่าวัสดุดีขึ้น จากรายรับทางด้านการเงินของท่าเรือที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหก แสดงว่าจางซานลงทุนกับการหลอมเรือเวทสวี่ชิงไปมหาศาล
กระทั่งว่าสวี่ชิงสัมผัสได้ลางๆ ถึงระลอกคลื่นที่ควบคุมการลุกไหม้ของไฟชีวิต นี่ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่จางซานเคยพูดว่าเรือเวทเมื่อถึงระดับแปดก็จะมีพลังควบคุมไฟชีวิต
สวี่ชิงมองเรือเวท หยิบแผ่นหยกคู่มือที่จางซานให้มาเปิดอ่านดู
แม้ครั้งนี้ในเรือเวทจะไม่มีเนื้อจวีอิง พลังคุณสมบัติเทพไม่อาจสำแดงออกมาได้ ทว่าความยอดเยี่ยมของวัสดุเรือเวททำให้คุณสมบัติของมันไม่เลวเลย
โดยเฉพาะชิ้นส่วนทุกชิ้นข้างในล้วนทำจากวัสดุระดับสูง เรือใหญ่เวทขั้นแปดลำนี้ดูจากราคาก็น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่งแล้ว
“สวี่ชิง เรือใหญ่เวทกับเรือเวทต่างกัน เนื่องจากการยกระดับเรือเวทง่าย ทุกขั้นจึงล้วนทำให้พลังพลานุภาพยกระดับเพิ่มขึ้นมาก แต่เรือใหญ่เวทไม่ใช่
“แม้เจ็ดขั้นแรกของเรือใหญ่เวทจะมีความแตกต่างแต่ก็ไม่มาก มีเพียงหลังจากระดับแปดเท่านั้นจึงจะก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว เรือใหญ่เวทของเจ้าครั้งนี้สิ่งที่ข้าเพิ่มความแข็งแกร่งหลักๆ แล้วก็คือการป้องกันระดับแปด ส่วนแหล่งกำเนิดพลังงานหลักข้าใช้หัวใจของอสูรศิลาแกร่ง และเอามาเพิ่มการป้องกันด้วย ทำให้เรือใหญ่เวทเทียบเท่าสภาวะแสงนภาระดับสร้างฐานขั้นต้น
“แต่คุณสมบัติเทพไม่มีแล้ว ทว่าข้าก็เว้นที่ว่างเอาไว้ หากเจ้าได้หัวใจของสิ่งมีชีวิตประเภทเทพมาก็จะทำให้เรือใหญ่เวทของเจ้าลำนี้ยกระดับสู่ขั้นเก้าได้ทันที
“ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นการป้องกันหรือด้านอื่นก็เทียบได้กับระดับสร้างฐานขั้นกลางแล้ว!
“วันข้างหน้ายิ่งหัวใจคุณสมบัติเทพที่เจ้าได้มายิ่งมีที่มาที่ไปยิ่งใหญ่มากเท่าไร พลังเรือใหญ่เวทของเจ้าก็จะยิ่งมากเท่านั้น และเมื่อถึงขั้นที่สิบก็เทียบได้เท่ากับระดับสร้างฐานขั้นปลายแล้ว และเรือใหญ่เวทขั้นสิบของทั้งสำนักก็มีจำนวนน้อยนิดนัก!
“นอกจากนี้ข้ายังเพิ่มวิทยาการแกล้งระเบิดที่ข้าเพิ่มไปเมื่อครั้งที่แล้วบนเรือใหญ่เวทเจ้า ในขณะเดียวกันข้าก็ได้บุกเบิกแนวทางใหม่ให้กับเจ้าโดยเฉพาะอีกอย่างหนึ่งด้วย เพิ่มการระเบิดตัวเองเข้าไป เช่นนี้แล้วเจ้าก็อาจจะสะดวกมากขึ้น ข้าเองก็มีความรู้สึกมีส่วนร่วมด้วย เมื่อเรือใหญ่เวทเจ้าระเบิด เจ้าก็จะได้รู้ว่าข้ามีส่วนร่วมด้วยอย่างไร…”
สวี่ชิงมองแผ่นหยกที่ทิ้งข้อความเสียงของจางซานเอาไว้ พลางมองเรือใหญ่เวทข้างหน้าด้วย
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา