บทที่ 215 เพลิงพิโรธเผาสมุทร
ยอดเขาหกของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ขุนเขาทั้งลูกภายใต้การหลอมหลายปีมานี้ของนายท่านหกกลายเป็นปราการสงครามไปแล้ว
นอกจากเขาแล้วไม่มีใครรู้ว่าในยอดเขาลำดับหกนี้มีอาวุธเวทเท่าใด สามารถสำแดงพลังน่าตื่นตะลึงเช่นใดออกมาได้
ตอนนี้ก็เป็นปฏิบัติการครั้งแรกของปราการสงครามยอดเขาลำดับหก
แม้จะยังไม่ได้สำแดงพลานุภาพโดยสมบูรณ์ แต่ลำเพียงการร่นขอบฟ้าครั้งนี้บนทะเลก็ทำให้ทุกคนจิตใจเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหมแล้ว
ร่นขอบฟ้า นั่นคือพลังวิเศษที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาเสียอีก ต้องใช้พลังเวทที่มากกว่า และสามารถเคลื่อนย้ายภูเขาทั้งลูก สามารถจินตนาการได้ว่าแหล่งพลังงานหลักในปราการสงครามนี้จะต้องเป็นที่น่าสะพรึงสำหรับคนที่ได้ยินแน่นอน
เสี้ยวพริบตาต่อมา ขุนเขามหึมาก็มาปรากฏบนท้องฟ้าทะเลต้องห้าม พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วไปยังที่ไกลตลอดทาง
ทุกที่ที่พาดผ่าน ทะเลข้างล่างคลื่นซัดโหมแผ่ซ่าน อสูรทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนต่างสั่นสะท้าน อยู่ใต้ทะเลไม่กล้าเข้าใกล้ผิวน้ำ
เรือสินค้าบนทะเลแต่ละลำเหมือนใบไม้ลอยละล่อง ผู้บำเพ็ญในนั้นหลังจากเงยหน้ามองเห็นภูเขาลูกมหึมาส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นผ่านไป จิตใจต่างเกิดระลอกคลื่นรุนแรง สีหน้าตื่นกลัวเป็นอย่างยิ่ง
และในภูเขาตอนนี้ สวี่ชิงก็เป็นเช่นกัน ต่อให้เป็นนายกองก็ใจสั่นสะท้านไปเช่นกัน ดวงตาแดงก่ำมองซ้ายมองขวา ดวงตาวาววาบ
ข้างหน้าของพวกเขาทั้งสองคนคือนายท่านหกถือกาเหล้ามองไปไกลข้างหน้า
สีหน้าเคร่งเครียด ในกายเหมือนมีทะเลเลือดพวยพุ่ง ความรุนแรงของจิตสังหารส่งอิทธิพลต่อท้องฟ้า ทำให้จากการพุ่งไปข้างหน้าของขุนเขาที่หก สายฟ้าแลบแปลบปลาบในท้องฟ้า สายอัสนีแต่ละทางๆ แผ่ลามฟาดผ่า ประดุจงูเงินหางเพลิง
รัศมีอำนาจน่าตื่นตะลึง
“เผ่าดาราสมุทรเป็นเผ่าเล็กๆ ความสามารถของเผ่าอย่าพูดถึงว่าจะเอามาเปรียบเทียบกับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเรา ต่อให้เป็นเผ่าเงือกก็ยังสู้ไม่ได้ ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณในสำนักมีเพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้น
ตอนนี้ตายไปแล้วสามตน ยังเหลืออีกสี่” นายท่านหกเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ที่แข็งแกร่งที่สุดคือบรรพจารย์ดาราสมุทร เป็นผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณบริบูรณ์ แต่ข้าสงสัยว่ามันน่าจะทะลวงขั้นตั้งนานแล้ว ก็แค่แอบซ่อนเอาไว้เท่านั้น นอกจากมันแล้ว ผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณสามตนที่เหลือล้วนเป็นช่วงต้น
“ในนั้นรวมถึงหัวหน้าเผ่าดาราสมุทรนั่นด้วย หัวหน้าเผ่าตนนี้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับบรรพจารย์ของเผ่า เป็นลูกของมัน และเป็นหัวหน้าเผ่าด้วยเหตุนี้
“สรุปแล้ว นี่เป็นเผ่าเล็กๆ เผ่าหนึ่ง และเผ่าเล็กๆ แบบนี้มีความกล้าที่จะหาเรื่องสำนักเจ็ดเนตรโลหิตและเผ่าที่มีอัจฉริยะฟ้าประทานเผ่าอื่นๆ จะมองอย่างไรก็ไม่ชอบมาพากล
“ดังนั้น สวี่ชิงหลังจากเจ้าไปถึงแล้วต้องระมัดระวังหน่อย เผ่าดาราสมุทร…อาจจะมีเรื่องราวความลับอะไรบางอย่าง” นายท่านหกเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
สวี่ชิงพยักหน้าเงียบๆ
นายกองไม่พูดอะไร ฉวยโอกาสที่สวี่ชิงและนายท่านหกไม่ได้สนใจตัวเอง เขาถอยหลังไปหลายก้าว ลูบๆ หินภูเขาบนพื้น ประกายในแววตายิ่งเข้มข้น เห็นได้ชัดว่า…เขาชอบของวิเศษชิ้นนี้มาก
แต่ไม่รอให้นายกองสำรวจนานเท่าไร จากเสียงดังสนั่นหวั่นไหวของยอดเขาลำดับหกที่ดังขึ้นอีกครั้ง สายฟ้าฟาดสะเทือนเลื่อนลั่น ดวงดาวเคลื่อนย้าย ขุนเขาทั้งลูกเคลื่อนย้ายร่นขอบฟ้าอีกครั้ง ครั้งนี้…มาปรากฏกลางท้องฟ้าเผ่าดาราสมุทรทันที
เผ่าดาราสมุทรอยู่ระหว่างสำนักเจ็ดเนตรโลหิตและเกาะเผ่าเงือก ดินแดนของเผ่ามีเพียงแค่เกาะเดียวเท่านั้น มองจากท้องฟ้าลงไปเหมือนปลาดาวขนาดมหึมา แต่ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าถูกเผ่าดาราสมุทรตบแต่งในภายหลัง ไม่ได้เป็นปลาดาวตัวมหึมานอนพักอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด
มองจากท้องฟ้าไกลลงมา จะเห็นในเผ่าดาราสมุทรมีห้าเมืองหลัก สิ่งก่อสร้างส่วนมากล้วนก่อขึ้นจากปะการัง ในขณะเดียวกันเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดคือต้นปะการังจำนวนนับไม่ถ้วนที่เติบโตอยู่บนเกาะ!
นี่เป็นต้นไม้ที่รูปร่างเหมือนปะการัง แต่ละต้นล้วนสูงใหญ่ ตอนกลางคืนจะส่องประกายแสงห้าสีออกมา ส่วนยามกลางวันจะเป็นสีเทาไปทั่วทั้งบริเวณ
ในขณะเดียวกัน สิ่งก่อสร้างมากมายล้วนสร้างอยู่บนต้นปะการังยักษ์แต่ละต้นเหล่านี้ อีกทั้งสมาชิกเผ่าดาราสมุทรทั้งเผ่ามีประมาณแสนกว่าเห็นจะได้ เนื่องจากการปกป้องคุ้มครองของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ดังนั้นหลายปีมานี้จึงไม่โดนคลื่นความวุ่นวายสักเท่าใด ตอนนี้ดูแล้วยังนับว่าเจริญรุ่งเรือง
และการปรากฏขึ้นของยอดเขาลำดับหกก็ดึงความสนใจของเผ่าดาราสมุทร พวกเขาแม้จะไม่รู้จักปราการสงครามมหึมายอดเขาลำดับลูกนี้ แต่ผู้แข็งแกร่งในเผ่าก็ยังสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นวิชาเจ็ดเนตรโลหิต
ดังนั้น แทบจะในเสี้ยวพริบตาที่ยอดเขาลำดับหกปรากฏขึ้น จิตเทพทางหนึ่งก็แผ่ออกมาจากในเผ่าดาราสมุทร
“เป็นสำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่มาเยือนใช่หรือไม่ ไม่ทราบว่าเป็นผู้อาวุโสท่านใดที่มาเยี่ยมเยือน หากมีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอท่านได้โปรดอภัยด้วย” สิ่งที่ปรากฏขึ้นตามจิตเทพที่คือชายชราสวมชุดคลุมยาวห้าสีคนหนึ่ง
ชายชราคนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองความคิดที่อยู่ในใจไม่ออก ตอนนี้ลอยตัวจากพื้นขึ้นมาบนฟ้า ประสานหมัดคารวะไปทางยอดเขาลำดับหก
แต่สิ่งที่ตอบรับเขาคือดัชนีที่ผันแปรมาจากจิตสังหารท่วมฟ้าของนายท่านหกที่ยืนอยู่บนยอดเขา
ดัชนีหนึ่งฟาดลงมา ทันใดนั้นขุนเขาที่หกที่มีขนาดมหึมาก็เหมือนตราประทับตราหนึ่ง กดทับลงมายังเผ่าดาราสมุทรที่อยู่ข้างล่างอย่างโหดเหี้ยม
ภายใต้การกดทับนี้ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น มิติแตกร้าว พลังกดดันทรงพลังไม่อาจต้านทานมหาศาลกลุ่มหนึ่งประทับลงมายังเผ่าดาราสมุทร ทำให้ยอดเขาทุกยอดเขาในเผ่าสั่นคลอนเกิดรอยแยก จากนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ระเบิดออก
แม้แต่ผืนดินก็เป็นเช่นนี้ ภายใต้การถูกประทับลงมาของพลังกดดันกลุ่มนี้ก็ถล่มเป็นหลุมหลายที่
ภาพนี้ทำให้ชายชราเผ่าดาราสมุทรที่ออกมาต้อนรับคนทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสี
“นายท่านหก นี่หมายความว่าเช่นไร!”
“ข้าหมายความเช่นไร เจ้าว่าข้าหมายความว่าเช่นไรเล่า!!” จิตสังหารในใจของนายท่านหกควบคุมเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป เอ่ยอย่างเยือกเย็นน่าขนลุก ร่างก้าวไปกลางอากาศ มาปรากฏข้างหน้าบรรพจารย์เผ่าดาราสมุทรตนนั้นทันที มือขวาเงื้อขึ้นแล้วคว้าไปเต็มแรง
ฟ้าดับดินมืด อาทิตย์จันทราอับแสง ผืนนภาแหลกร้าว!
บรรพจารย์เผ่าดาราสมุทรไม่อาจหลบหลีกได้ ถูกนายท่านหกคว้าหัวเอาไว้ จากการบีบอย่างโหดเหี้ยมของนายท่านหก ร่างของมันก็ส่งเสียงบึ้ม ระเบิดทันที


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา