เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 245

บทที่ 245 กระดานหมากต้องประสงค์

“สวี่ชิง นี่เป็นที่พำนักของวังเต๋ามหาวิวัฒน์ เฉกเช่นดินแดนของสำนักวิวัฒน์แห่งข้า เจ้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร!” เมื่อชายหนุ่มชุดคลุมเมฆฟ้าสีครามคนนั้นได้ยินลมหายใจก็ยิ่งหอบถี่ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น เอ่ยเสียงต่ำ

อันที่จริงการล้างบางนกเขาราตรีเมื่อคืน ดาบสวรรค์ของสวี่ชิงฟาดฟันนกเขาราตรีชุดคลุมดำไฟชีวิตสามดวง หลังจากที่สะกดศิษย์สำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าแย่แล้ว

เพราะคนที่ติดต่อแลกเปลี่ยนกับนกเขาราตรี ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เหมือนจะเหลือแค่เขาคนเดียวแล้ว

ดังนั้นขณะที่เขาตึงเครียด ก็รีบเชิญสหายเต๋าจากหุบเขาประกายวิญญาณกับสำนักสมบัติจำนงฟ้ามาที่นี่ ป้องกันไว้ก่อน

เวลานี้เมื่อเห็นสวี่ชิงมา ซ้ำยังเอ่ยเรียกชื่อของตนเองอีก โจวฉี่ฝานก็อดหดหู่ไม่ได้

สวี่ชิงมองคนที่พูดตรงหน้านี้ ตอนที่เข้ามาเขาอ่านเอกสารของอีกฝ่ายแล้ว คนผู้นี้ปกติจะเก็บเนื้อเก็บตัว นอกจากตอนที่ไปท้าดวลยอดเขาลำดับสี่ก็ออกมาข้างนอกน้อยมาก ดังนั้นภาพบันทึกจึงมีไม่เยอะ

เวลานี้หลังจากเทียบดู สวี่ชิงก็พยักหน้า

“รับสั่งจากสำนัก ให้มาจับกุมโจวฉี่ฝานที่ติดต่อกับคนของนกเขาราตรี” พูดพลาง สวี่ชิงก็ก้าวไปเบื้องหน้า เข้าประชิดในพริบตา ยกมือขวาขึ้นตะปบโจวฉี่ฝาน

ดวงตาโจวฉี่ฝานเปล่งประกายเย็นเยียบ เสียงโครมดังขึ้นนอกกายเสียงหนึ่ง เมฆาสีชาดบนชุดคลุมเขาระเบิดในพริบตา กลายเป็นเส้นสีแดงหลายเส้นเบื้องหน้าเขา ก่อตัวเป็นค่ายกลอย่างรวดเร็ว สะกดสวี่ชิงอย่างแรง ขณะเดียวกันเขาก็ถอยหลังฉับพลัน ส่งเสียงคำรามต่ำ

“ผู้คุ้มกันจาง สหายเต๋าทั้งสอง โปรดช่วยข้าด้วย!”

แทบจะพริบตาที่เขาเปิดปาก มือขวาของสวี่ชิงก็แตะเข้ากับค่ายกลเมฆาสีชาด เสียงสนั่นดังก้องสะท้านฟ้า วิหคทองด้านหลังสวี่ชิงจำแลงกาย ทะยานออกไปฉับพลัน ทันใดนั้นค่ายกลก็พังลงทันที เมฆาสีชาดทั้งหมดก็ถูกวิหคทองกลืนไปทันที

และผู้คุ้มกันด้านหลังโจวฝานก็ลังเลขึ้นมา ถอนใจก้าวออกมา แต่จากการโบกมือของสวี่ชิง ค่ายกลสำนักครอบคลุม ร่างของเขาไม่มีการต่อต้านใด ใช้พลังค่ายกลถอยออกไปจนไกลลิบอย่างรวดเร็ว

เขาไม่เหมือนคนคุ้มกันสำนักล่าสิ่งประหลาดที่ถูกขับไล่ออกไปอย่างน่าเกลียดเช่นนั้น และเรื่องในวันนี้เขาก็มองออกว่าเจ็ดเนตรโลหิตกำลังจับกุมคน ขวางไปก็ไม่มีประโยชน์

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าตนถูกขับไล่ คนที่จะขายหน้าก็คือตนเอง ถึงโจวฉี่ฝานจะถูกจับก็ไม่มีทางเป็นอันตรายถึงชีวิต คงแค่ถูกสะกดไว้เท่านั้น ตนเองไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงชีวิตอย่างไร้ประโยชน์

ดังนั้นเขาจึงใช้ค่ายกลสำนัก ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว

และหลังจากอัจฉริยะฟ้าประทานจากหุบเขาประกายวิญญาณและสำนักสมบัติจำนงฟ้าทั้งสองมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็ถอยหลัง ไม่เข้ามาช่วยเหลือ

พวกเขาไม่มีหน้าที่ต้องไปช่วยเหลือ พันธมิตรเจ็ดสำนักก็เป็นแค่พันธมิตร ไม่ใช่สำนัก

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเองก็ยังมองการที่สวี่ชิงเข้ามาออกว่าตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ต่อให้พวกเขาจะลงมือช่วยเหลือก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดต้องผูกพยาบาทกับสวี่ชิงกันเล่า

ถึงอย่างไรพวกเขาที่มาที่นี้ด้วยตนเอง เพราะเห็นแก่หน้าโจวฉี่ฝานเท่านั้น ไม่ได้เป็นมิตรแท้ยามยากอะไรเช่นนั้น แค่พอประมาณก็เพียงพอ

และสวี่ชิงที่อนาคตไร้ขีดจำกัดราวกับดวงตะวันรุ่งอรุณ ยิ่งไปกว่านั้นความขัดแย้งระหว่างสำนักเกี่ยวข้องกับปัจเจกบุคคลและไม่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ถ้าหากมีไมตรีจิตส่วนตัวกับสวี่ชิงคนนี้ได้ แน่นอนว่าคุ้มค่ายิ่งกว่า

ดังนั้นขณะที่ถอยนี้ ทั้งสองจึงประสานหมัดให้สวี่ชิง เพื่อแสดงถึงเส้นแบ่งกับโจวฉี่ฝาน

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวฉี่ฝานก็หน้าเปลี่ยนสี แต่ก็ไม่พูดอะไรมาก

นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคาดการณอยู่แล้ว อันที่จริงที่เขาเรียกสองคนนี้มา ถ้าหากลงมือก็ยอดเยี่ยม แต่ถ้าไม่ลงมือก็ถือว่าสำเร็จตามเป้าหมายของเขาแล้ว เขาหวังว่าเรื่องที่ตนเองถูกจับ จะมีพยานมากหน่อย

เช่นนี้หลังจากที่ตนเองถูกคุมขัง ก็จะไม่มีอันตรายถึงชีวิตจริงๆ

และมีคนเห็นมากมายถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าหน้าตาของสำนักต้องป่นปี้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ความโกรธแค้นที่หน้าตาสำนักป่นปี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง จะมีการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งกว่า และเร่งให้ตนเองได้รับอิสรภาพกลับมาเร็วขึ้น

ขณะที่ทุกคนมีความคิดต่างกัน และกำลังพิจารณาเพื่อตนเองอยู่นั้น สวี่ชิงก็ก้าวอีกก้าว เขาก็มาอยู่เบื้องหน้าโจวฉี่ฝานจากการจำแลงของวิหคทอง ขณะที่ในดวงตาโจวฉี่ฝานเต็มไปด้วยความโกรธ สวี่ชิงก็ยกมือขวาขึ้นกำลังจะทำการสะกด

“ข้าจะไปกับเจ้า!” โจวฉี่ฝานเอ่ยขึ้นเสียงดัง

เขารู้สึกว่าปูพื้นฐานไว้พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องถูกตบคว่ำ แล้วก็ถูกจับไปเหมือนซากสุนัข นั่นมันน่าขายหน้า แต่เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาจะก้มหน้าก้มตาเดินตามไปก็ไม่ได้

สวี่ชิงเลิกคิ้ว

โจวฉี่ฝานพอเห็นเช่นนี้ ใจก็สั่น แต่ยังคงรักษาสีหน้าท่าทีแข็งกร้าวและโกรธอยู่ อธิบายเป็นคำพูดออกมา

“สวี่ชิง แม้ข้าจะซื้อคนเลี้ยงของวิเศษ แต่ก็ใช่ว่าข้าจะเป็นผู้ใช้ ข้าไม่ได้มีนิสัยเช่นนั้น ข้ามาทำการซื้อแทนคนบางคนในสำนักเท่านั้น

“ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ตอนเช้าก็ดูแลจัดการคนเลี้ยงของวิเศษเหล่านั้นให้ปลอดภัยและให้คนส่งรายชื่อคนเลี้ยงของวิเศษเหล่านี้ไปยังกรมปราบพิฆาตของเจ้าแล้ว เพื่อให้พวกเจ้ารับไปได้สะดวก ถ้าคำนวนเวลา ตอนนี้น่าจะถึงแล้ว”

โจวฉี่ฝานสูดลมหายใจลึก สีหน้าเย่อหยิ่ง เอ่ยอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงประหลาดใจ และตอนนี้เองแผ่นหยกสื่อเสียงบนตัวก็สั่นไหว เขาสัมผัสดู ด้านในมีข้อมูลของกรมปราบพิฆาตปรากฏในสมองเขา

“ท่านเจ้ากรม มีคนใช้นามว่าโจวฉี่ฝานแห่งวังเต๋ามหาวิวัฒน์ ส่งรายชื่อคนเลี้ยงของวิเศษมาชุดหนึ่ง ขณะเดียวกันยังมีการสดุดีเรื่องที่กรมปราบพิฆาตปราบปรามนกเขาราตรี นอกจากนั้นในการสดุดีนี้ ยังมีหินวิญญาณอีกจำนวนสองล้านรวมไปถึงยาลูกกลอนที่ไม่รู้จักอีกเม็ดหนึ่ง อีกฝ่ายแจ้งว่านี่คือลูกกลอนเปิดช่องเวท”

เห็นสวี่ชิงตรวจสอบแผ่นหยก โจวฉี่ฝานก็ผ่อนใจโล่ง แต่สีหน้ายังคงแสดงความแข็งกร้าวและโกรธเคืองอยู่

สวี่ชิงเงยหน้า มองโจวฉีฝานอย่างพินิจผาดหนึ่ง ค่อยๆ ลดมือขวาลง

“ไปเถอะ” พูดจบ สวี่ชิงก็หันหลังเดินออกไปด้านนอก

โจวฉี่ฝานแค่นเสียงเย็นชา เชิดคางขึ้น เดินติดตามสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว เดินออกจากประตูเรือนพำนักของวังเต๋ามหาวิวัฒน์ท่ามกลางความนิ่งงันของศิษย์รอบๆ แต่ละคน

แข็งกร้าวมาตลอดทางจนถึงคุกใหญ่กรมปราบพิฆาต

จนเขาเห็นห้องขังที่จัดให้ตนเองมีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าห้องขังของซือหม่าหลิงที่กำลังหายใจรวยริน เขาก็ถอนใจโล่ง

“ยังดีที่ข้าตอบสนองเร็ว ไม่เช่นนั้นครั้งนี้ หัวคงจะกุดไปแล้วจริงๆ”

หลังจากนั้น เขาก็มองเห็นศิษย์น้องหวงอี้คุนกับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่น่าเวทนายิ่งกว่า ภาพนี้ทำให้เขาตกตะลึง แม้จะเดาไว้ว่าการสาปสูญของหวงอี้คุนเกี่ยวข้องกับสวี่ชิง แต่เมื่อเห็นความน่าเวทนาของอีกฝ่ายด้วยตนเอง เขาก็รู้สึกลึกๆ ว่าการเตรียมตัวครั้งนี้ของตนเองนั้นถูกต้องที่สุด

ขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นว่าตรวนของตนเองมีสิบแปดห่วง แต่ซือหม่าหลิงกับหวงอี้คุนคือยี่สิบห่วง

“ดูท่าสวี่ชิงคนนั้น ก็เป็นพวกมีเหตุผลอยู่นะ”

โจวฉี่ฝานทอดถอนใจ และยิ่งรู้สึกพึงพอใจกับวิธีการของตนเอง ครั้งนี้เพื่อที่จะคลี่คลายสถานการณ์เรื่องนี้ พูดได้ว่าวิธีลับวิธีแจ้งทั้งหมดก็ใช้ไปจนหมดแล้ว จึงนำหน้าตากลับมาได้สำเร็จเช่นนี้

เขาแตกต่างกับซือหม่าหลิง เขาเป็นพวกยอมให้ตนเองก้าวหน้า การให้ความร่วมมือเพื่อตรวจสอบ หน้าตาของเขาไม่เสียหายสักเท่าไร แต่ที่ป่นปี้คือสำนัก ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขา

ยิ่งไปกว่านั้นสภาพแวดล้อมเช่นนี้ โดยเฉพาะตอนที่เห็นซือหม่าหลิงกับหวงอี้คุนได้สติ และใช้สายตาซับซ้อนมองมายังห้องขังที่มีโต๊ะมีเก้าอี้กระทั่งมีเบาะรองนั่งของตน สายตาที่ไม่อาจพรรณนาได้ของพวกเขา ทำให้โจวฉี่ฝานรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา