บทที่ 244 มารยาทการเข้าสังคม
หนึ่งดาบฟันไฟชีวิตสามดวง!
พลังต่อสู้นี้ถ้าเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานเจ็ดสำนักคนอื่นๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น
ถึงอย่างไรด้านพลังต่อสู้ของไฟชีวิตสามดวงและไฟชีวิตสี่ดวงก็ห่างกันโข อันที่จริงสามารถพูดได้ว่า ระดับสร้างฐานไฟชีวิตสี่ดวง อยู่กันคนละขั้นใหญ่ไปแล้ว
หากไม่มีวิชาระดับจักรพรรดิหรือตะเกียงแห่งชีวิตรวมไปถึงของที่มีช่วยลดทอนความต่างชั้นได้ ความต่างชั้นก็ราวกับเป็นฟ้าและหุบเหวลึก
ไม่ว่าจะความเร็วหรือว่าการระเบิดพลังก็ล้วนเป็นคนละระดับ
แต่การลงมือของสวี่ชิงก็ทำให้ศิษย์พันธมิตรเจ็ดสำนักทั้งหมดที่ได้เห็นโหมคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในจิตใจ
ด้านหนึ่งคือความรู้ความเข้าใจตัวตนสวี่ชิงของพวกเขา จากแรกเริ่มที่ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ค่อยๆ มาถึงระดับที่ต้องจับตาดูจนกระทั่งเกิดความพรั่นพรึงในตอนนี้
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของซือหม่าหรูอย่างมาก
ดังนั้นในสายตาพวกเขาการลงมือของสวี่ชิงจึงมีความน่าเกรงขามอยู่
กระทั่งต่อให้พวกเขาไม่อยากยอมรับ แต่ก็ยังเข้าใจดีว่าหากตนเองสู้กับสวี่ชิงคงจะพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย และพวกเขาเหมือนวางตำแหน่งสวี่ชิงไว้เป็นรองจากผู้บำเพ็ญแห่งยุคอย่างอวิ๋นเซิ่งจื่อแล้วด้วย
อีกด้านหนึ่งคือหลังจากที่พวกเขาเห็นดาบนั้น ในใจก็ว้าวุ่นกับการเก็บงำของสวี่ชิงขึ้นมา
นี่มันดาบสะบั้นไพศาลนะ
แม้ดาบนี้ต้องตระหนักเกินเจ็ดดาบก่อนถึงจะถือว่าเป็นวิชาระดับจักรพรรดิ แต่ก็ไม่มีทางล่วงรู้ว่าที่สวี่ชิงคนนี้มีอยู่จะเป็นแค่พลังของดาบเดียว
และต่อให้มีเพียงดาบเดียว ก็ทำให้ตกตะลึงได้เช่นกัน
ถึงอย่างไรการตระหนักดาบสะบั้นไพศาล พลังภายนอกยากจะช่วยสนับสนุน ต้องพึ่งพาร่างกายตนเองตระหนักเท่านั้น จุดนี้ต่อให้เป็นสำนักอื่นก็เป็นเช่นเดียวกัน
กระทั่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ก็มีสำนักบางแห่งที่ฝึกบำเพ็ญวิถีดาบนี้โดยเฉพาะ ใช้การตระหนักดาบสะบั้นไพศาลมากน้อยในการพิจารณาคุณสมบัติแต่ละคน
ดังนั้นในบางมุมมอง ดาบสะบั้นไพศาลก็นับได้ว่าเป็นมาตรฐานการทดสอบอัจฉริยะฟ้าประทานอย่างหนึ่ง นอกจากอวิ๋นเซิ่งจื่อแล้ว คนอื่นก็ล้มเหลวกันหมด
พวกเขาไม่ได้ลองตระหนักกันเพียงครั้งสองครั้ง แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ
เมื่อมองเห็นดาบสะบั้นไพศาลของสวี่ชิงฟาดลงมาจากฟ้า ฟาดฟันนกเขาราตรีชุดดำไฟชีวิตสามดวง พวกเขาก็จิตใจว้าวุ่นกันหมด
นอกจากนี้ไม่ว่าจะพวกเขาหรือว่าพันธมิตรนอกสำนักที่เข้ามาเยี่ยมเยือน ก็มองเห็นความน่ากลัวอีกอย่างหนึ่งของสวี่ชิงจากดาบนี้
นั่นคือความเด็ดขาดกับความฉลาดเฉลียว
นกเขาราตรีเป็นเหมือนวัชพืชที่เผาไปเท่าไรก็ไม่หมดในเจ็ดเนตรโลหิตมาหลายปี เมื่อลมใบไม้ผลิพัดก็เกิดใหม่ และครั้งนี้ที่รวมตัวกันได้มาก ทำให้กรมปราบพิฆาตต้องใช้เวลาเกือบสองเดือนจึงจัดการพวกเขาได้หมดจด เรื่องนี้…แน่นอนว่ามีปัญหาอยู่
และปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน
ต้องมีคนจากเจ็ดเนตรโลหิตให้การคุ้มกันเป็นแน่ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์มหาศาล ดังนั้นเบื้องหลังจะมีคนของเจ็ดเนตรโลหิตเข้าร่วมและแบ่งปันกำไรกันมากเท่าไรนั้นไม่อาจบอกได้
ดังนั้นการจัดการกับนกเขาราตรี จำเป็นต้องมั่นในใจระดับหนึ่ง
และก่อนหน้านี้ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าเหล่านี้ก็เห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง ในความเป็นจริงพวกเขาเองก็กำลังให้ความสนใจ ดูการจับกุมนกเขาราตรีของกรมปราบพิฆาตครั้งนี้ว่าจะทำให้เรื่องที่เจ็ดเนตรโลหิตเองก็ยังเก็บกวาดได้ลำบากเกิดความวุ่นวายจากภายในก่อนหรือไม่
แต่วิธีการของสวี่ชิงก็เด็ดขาดอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขาสังเกตเห็นสถานะนกเขาราตรีไฟชีวิตสามดวงคนนั้น แต่ไม่ได้ขุดค้นแต่อย่างใด กลับใช้หนึ่งดาบฟาดฟันไปให้สิ้นซาก ทำให้อีกฝ่ายร่างมลายกระทั่งโอกาสจะพูดยังไม่มีด้วยซ้ำ ศพยังกลายเป็นเศษเนื้อ มองผิวเผินก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
ดาบเช่นนี้ ที่ฟาดฟันไม่ใช่เพียงตัวคนผู้นี้ แต่เส้นสายที่เกี่ยวข้องกับนกเขาราตรีเบื้องหลังทั้งหมดของคนผู้นี้ หนึ่งดาบตัดขาด
เขาใช้ดาบนี้ บอกกับคนที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังทั้งหมดว่าเรื่องนี้กรมปราบพิฆาตจะไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก
วิธีการนี้ถ้าเป็นในโลกที่รุ่งเรืองนั้นไม่ถูกต้อง แต่ในโลกาวินาศ นี่เป็นตัวเลือกที่ฉลาดมากที่สุด และส่งผลกระทบน้อยที่สุด
ขณะฟาดฟันนกเขาราตรียังแอบยื่นไมตรีให้อีก ทำให้คนที่หลบซ่อนอยู่ทั้งหมดต้องยอมรับอย่างจำนน ว่าเรื่องนี้สวี่ชิงทำได้ยอดเยี่ยม พวกเขาเองก็หาโอกาสสืบหาต่อหลังเสร็จเรื่องได้ลำบากอีกด้วย
กระทั่งบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อหลังจากที่เห็นกับตา ก็ยิ่งเผยความชื่นชมออกมา
เขาไม่สนใจเรื่องโสมมในสำนักเหล่านั้น เพราะเขารู้ดีว่าสรรพสิ่งมีทั้งด้านสว่างและด้านมืด ท่ามกลางแสงแดดแผดเผาก็ยังมีเงา เรื่องราวมากมายไม่ใช่มีเพียงขาวดำ ยังมีเทาอยู่ด้วย
ครั้งหนึ่งสวี่ชิงก็เคยสับสนกับเหตุผลนี้ หลังจากมายังเจ็ดเนตรโลหิต เขาก็เห็นเรื่องอย่างซ่อนคมดาบในปุยฝ้าย เห็นคนที่ยากจะคาดเดามากมาย สิ่งนี้ทำให้เขาเป็นเหมือนฟองน้ำ เร่งเล่าเรียนจนเติบโตจึงกระจ่าง
ดังนั้นหลังจากศึกนี้ ต่างเผ่าก็สลักชื่อของสวี่ชิงไว้ในความทรงจำ ยิ่งกว่านั้นความพรั่นพรึงในใจก็แรงขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้เผยความยินดีหรือชิงชังออกมาง่ายๆ
เพราะพวกเขามองออกว่าสวี่ชิงคนนี้…ทั้งพลังต่อสู้ ความโหดเหี้ยม ไม่เพียงเชี่ยวชาญการเก็บงำเท่านั้น ยังฉลาดด้วย นอกจากจะใช้วิธีจู่โจมสายฟ้าแลบจัดการคนเช่นนี้ในคราวเดียวแล้ว อย่างอื่นก็คงไม่ได้ผล ซ้ำจะถูกแว้งกัดกลับด้วย
จึงไม่มีใครยอมเสี่ยงลงมือท่ามกลางการแย่งชิงผลประโยชน์และความชิงชังที่ไม่เลิกรานี้ ที่มากกว่าคือมีความคิดจะผูกมิตรด้วย
ซึ่งนี่ ก็คือความซับซ้อนของมนุษย์อย่างหนึ่ง
และเพราะสวี่ชิงจัดการกับเรื่องนี้จนทำให้สำนักกับต่างเผ่าทอดถอนใจ ดังนั้นหลังจากคืนล้างบางของกรมปราบพิฆาต หลังจากที่นกเขาราตรีทั้งหมดถูกรวบ ตอนที่สวี่ชิงได้รับรายชื่อมา เขาก็สอบถามกับสำนัก และได้รับคำยืนยัน



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา