บทที่ 252 คมดาบพานพบ
บรรพจารย์สำนักวัชระตัวสั่น เขาแยกไม่ออกว่าตนเองสั่นเพราะหวาดกลัว หรือว่าสั่นเพราะตื่นเต้นกันแน่ แต่เขารู้ว่าเมื่อสวี่ชิงคิดจะสังหารคน เว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายจะมีวิชาระดับสะเทือนสวรรค์ มิเช่นนั้นถ้าไม่ตายก็คงไม่ยอมเลิกราแน่
ศัตรูในอดีตของสวี่ชิง ล้วนไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งขีดสุด แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป
ความแข็งแกร่งของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องคนนั้น บรรพจารย์สำนักวัชระไม่เพียงแค่เคยสัมผัสได้จากที่ไกล แต่จากตอนที่ได้ยินศิษย์กรมปราบพิฆาตคุยกันตอนอยู่ในเหล็กแหลม ก็รู้สึกว่าคนผู้นี้ยอดเยี่ยมไม่ธรรมดา
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถพิจารณาเรื่องเหล่านี้ได้ เขาเข้าใจว่าตนเองแค่ต้องการรู้เพียงจุดเดียวก็พอ…
ด้วยนิสัยของจอมมารสวี่ ถ้าหากคิดจะตายที่นี่ จะต้องใช้วิชาทั้งหมดออกมาก่อนตายอย่างแน่นอน ความเป็นไปได้ที่จะระเบิดเหล็กแหลมทิ้งก็เป็นหนึ่งในนั้น
‘เพราะเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องคนนี้ จอมมารสวี่จึงคิดจะสังหารคน เพราะเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องคนนี้ จอมมารสวี่จึงคิดจะระเบิดตัวข้า เพราะเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องคนนี้ ชีวิตข้าจึงมีความวิกฤต ทั้งหมดนี้ล้วนมีสาเหตุมาจากเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง เจ้าคิดจะทำร้ายข้า!!’
บรรพจารย์สำนักวัชระคิดถึงจุดนี้ ดวงตาก็แดงเถือกขึ้นในพริบตา จ้องเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเขม็งผ่านเหล็กแหลมสีดำ
เจ้าเงาทางนั้นก็สัมผัสคลื่นเบาบางของสวี่ชิงกับบรรพจารย์สำนักวัชระได้อย่างชัดเจน ตอนนี้มันเปิดสติปัญญาไม่น้อยแล้ว หลังจากขบคิดก็ตึงเครียด
เวลานี้ท้องฟ้าพลบค่ำแล้ว สวี่ชิงปล่อยพิษออกไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยอยู่ตลอด ปราณพิษไร้สีไร้กลิ่นแผ่กระจายอยู่รอบๆ
อันที่จริงสิ่งนี้ไม่ใช่พิษที่แท้จริง ไม่ว่าจะใช้เดี่ยวหรือผสมเข้าด้วยกันก็ล้วนไม่มีพิษภัยทั้งสิ้น แต่หากมีตัวเหนี่ยวนำขึ้นมาเปลี่ยนแปลงพวกมัน เช่นนั้นพวกมันก็จะกลายเป็นพิษในพริบตา
แต่สวี่ชิงก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่อาจลบความห่างชั้นของเขากับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องได้ ถึงอย่างไรสิ่งที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องสำแดงออกมาในเจ็ดเนตรโลหิตก็คือพลังต่อสู้ไฟชีวิตหกดวง พลังต่อสู้เช่นนี้สามารถไปต่อสู้กับผู้อาวุโสยอดเขาลำดับหนึ่งได้แล้ว
ที่สำคัญคือ สวี่ชิงยังไม่แน่ใจว่าพลังต่อสู้ไฟชีวิตหกดวง คือทั้งหมดของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องแล้วหรือยัง
นอกจากนี้เขายังสัมผัสร่องรอยของผู้คุ้มครองอีกฝ่ายจากรอบๆ นี้ไม่ได้ด้วย
‘ด้วยนิสัยของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผู้คุ้มครองซ่อนตัว เช่นนั้นมีความเป็นไปได้มากว่าเขาสั่งให้ออกไปจัดการเรื่องอื่นให้เขาในแดนต้องห้ามปักษาราชันนี้สินะ’
สวี่ชิงครุ่นคิด เขารู้สึกว่าป้องกันไว้ก่อนดีกว่า ต้องตรวจสอบดูอีกหน่อย จะทำการบุ่มบ่ามไม่ได้ ขณะเดียวกันเขาก็เตรียมจะปล่อยพิษให้มากขึ้น เช่นนี้จึงจะเพิ่มโอกาสชนะให้แก่ตนเอง
ขณะเดียวกันสวี่ชิงก็นำขวดที่ใส่แมลงสีดำออกมาเปิดห้าขวด ควบคุมทั้งหมดให้กระจายออกไป
เพียงแต่หลังจากแมลงสีดำบินออกไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้รับรู้กลับมาทำให้ความระแวดระวังของสวี่ชิงยิ่งลึกมากขึ้น
ฉัตรเหนือศีรษะของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง มีเกราะคุ้มกันบางอย่างอยู่ ทำให้แมลงสีดำไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้ในทันที ทำได้เพียงจ้องมองจากด้านบน เฝ้าคอยโอกาส
‘ฉัตรตะเกียงแห่งชีวิตของข้า สามารถคุ้มครองจิตวิญญาณ…ตะเกียงแห่งชีวิตของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง คือคุ้มครองกายเนื้อหรือ’ สวี่ชิงครุ่นคิด
เวลาผ่านไปเช่นนี้ ช่วงพลบค่ำผ่านไป มาถึงยามราตรี จากการปรากฏขึ้นของจันทราบนฟากฟ้า แสงจันทร์สาดส่องสู่ผืนดิน
สวี่ชิงที่กำลังสัมผัสพิษที่วางอยู่รอบๆ ในใจครุ่นคิดว่าต้องวางพิษใดลงไปอีก จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไป
เขามองเห็นผู้บำเพ็ญด้านนอกศาลเจ้าเหล่านั้น พริบตาที่ราตรีมาถึง สีหน้าก็ตึงเครียดขึ้นมา กระทั่งบางคนมีความคาดหวังในดวงตาขึ้นมารางๆ อีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้จิตใจสวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจ เงยหน้ามองไป สายตาก็ตกอยู่บนตัวของชายชราสร้างฐานไฟชีวิตหนึ่งดวงคนนั้น
เมื่อถูกสวี่ชิงมองมา ชายชราคนนี้ก็ตัวสั่น หลังจากลังเล เขาก็รีบร้อนลุกขึ้นคารวะมาทางสวี่ชิง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ
“สหายเต๋าสวี่ เจ้าคงไม่รู้เรื่องลี้ลับของศาลเจ้าไพศาลอนันต์สินะ”
เมื่อสวี่ชิงได้ยินก็สีหน้าปกติ ในข้อมูลที่เขาได้รับมาจากสำนัก แน่นอนว่าไม่มีพูดถึงเรื่องลี้ลับที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง จึงพยักหน้า รอคำพูดหลังจากนี้
ชายชราเห็นเป็นดังว่า จึงเอ่ยขึ้นถึงสาเหตุอย่างไม่มีลังเลหรือปิดบัง
“สหายเต๋าสวี่ ศาลเจ้าไพศาลอนันต์ก่อนหน้านี้ก็เป็นปกติดี เพียงแต่ในช่วงสี่ปีมานี้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป คนที่เข้ามาทั้งหมดเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนไม่น้อย
“การเปลี่ยนแปลงนี้จะมาในทุกช่วงราตรี หลังจากแสงจันทร์สาดส่องมาในศาลเจ้า พริบตาที่ตกกระทบลงบนตัวเทวรูป เทวรูปก็จะเกิดภาพเงาดาบเริงระบำขึ้น
“คนทั้งหมดสามารถมองเห็นได้ แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครที่สามารถตระหนักได้สำเร็จ มีเพียงนายท่านนั้น…” สายตาชายชรากวาดไปทางเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องในศาลเจ้าอย่างรวดเร็ว
“หลายวันที่เขามานี้ ทุกคนได้รับผลประโยชน์ ส่วนข้าแม้จะล้มเหลวทุกครั้ง แต่ในใจก็ยังคาดหวัง ไม่ต้องตระหนักอย่างสมบูรณ์ก็ได้ ต่อให้ตระหนักได้เพียงน้อยนิด ก็เพียงพอจะยกระดับพลังในการเอาตัวรอดของข้าได้แล้ว”
ชายชรายิ้มขืนเอ่ยขึ้น
สวี่ชิงเหมือนครุ่นคิด หันหน้ามองไปทางศาลเจ้า
เวลานี้จันทร์กระจ่างฟ้า แสงจันทร์กำลังปกคลุมผืนดิน ขณะที่ทอดลงมายังศาลเจ้า ก็มีส่วนหนึ่งที่ทอดผ่านร่องหลังคาศาลเจ้าเข้ามา สะท้อนไปบนตัวเทวรูป
ระหว่างที่สวี่ชิงสังเกต ไม่นานเทวรูปในศาลเจ้าไพศาลอนันต์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์
ระหว่างที่เรือนราง เทวรูปตนนั้นเหมือนมีจิตวิญญาณ คล้ายกับจะขยับ เงาดาบหลายสายปรากฏภาพมายาขึ้นข้างกายมัน เดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือน ราวกับเป็นภาพเงามายา
แต่เพียงกระพริบตา ทั้งหมดก็กลับคืนสู่ปกติ
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจ จ้องเพ่งต่อ เพียงไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของเทวรูปอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงเงาดาบรอบตัวมัน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา