บทที่ 251 ชิงลงมือก่อน
เรื่องที่เกิดขึ้นที่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ สวี่ชิงที่ตอนนี้เดินเข้าไปในที่รกร้างไม่รู้เรื่อง
แต่เขาสัมผัสได้ร่างๆ ว่าท้องฟ้าหลังเที่ยงในวันนี้เหมือนจะมีสีแดงจางๆ จุดหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
อีกทั้งสีแดงที่ปรากฏเพิ่มขึ้นมาจางมาก ยากจะให้คนคิดเชื่อมโยงอะไร
ดังนั้น เขาจึงแค่เงยหน้ากวาดตามองไปแล้วถอนสายตากลับมา สำรวจซากปรักหักพังในพื้นที่รกร้างต่อ
เมืองร้างแห่งนี้รูปแบบไม่เหมือนกับเมืองที่สวี่ชิงไป โครงสร้างของหลังคาที่นี่เป็นทรงตัวอักษร ‘井’ เป็นหลัก เล็กใหญ่ สูงต่ำ ในขณะที่ดูเป็นระเบียบก็แฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์บางอย่าง
ขณะเดียวกัน แม้ทั้งเมืองจะผ่านการรุกรานจากวันเวลา แต่ก็ยังคงมองเห็นความโอ่อ่าและปราณีต
อิฐทุกก้อนมีลวดลาย บ้านทุกหลังมีหินวิญญาณ ถนนปูด้วยหยกขาว ทางริมน้ำทุกเส้นล้วนปิดด้วยทอง
เพียงแต่ตอนนี้ สิ่งหรูหราเหล่านี้ ภายใต้การกัดกินจากไอพลังประหลาดก็สูญเสียประกายงดงามไปแล้ว การกัดกร่อนสาหัสจนเสียคุณค่าไป มีเพียงคนรุ่นหลังกวาดสายตามองมา ความรุ่งเรืองและร่ำรวยในอดีตของเมืองนี้จึงจะปรากฏขึ้นในจินตนาการได้
แต่เมื่อจินตนาการจบสิ้นลง สิ่งที่สะท้อนอยู่ในสายตาคือมูลของนก สิงสาราสัตว์ต่างๆ ดินโคลนมหาศาล และประเดี๋ยวก็มีงูเลื้อยออกมาจากดินโคลนบนพื้น และมีหญ้าฟันเลื่อยนับไม่ถ้วนที่งอกขึ้นมา
ทั้งหมดนี้ทำให้ความทรุดโทรมของเมืองแห่งนี้และรายละเอียดในทุกๆ แห่งฉายออกมาแจ่มชัด โดยเฉพาะบนป้ายพุพังแผ่นหนึ่ง สวี่ชิงมองเห็นม่วงครามสองตัวอักษรนี้
‘จากคำบรรยายในสระชำระเซียน ที่นี่เป็นจวนรัชทายาทของรัฐม่วงคราม เป็นที่ที่รัชทายาทอาศัย’
สวี่ชิงเดินอยู่บนถนน เหยียบไปบนโคลน มองรอยเท้ามากมายบนพื้น เขาเงยหน้า สายตากวาดไปรอบๆ สังเกตเห็นในสิ่งก่อสร้างบางแห่งมีเงาของผู้บำเพ็ญไหววูบผ่านไป
ที่นี่มีผู้บำเพ็ญไม่มาก แต่เหมือนจะมีคนอยู่ตลอด
จากเอกสารบางส่วนของที่รกร้างแห่งนี้ที่ได้อ่านจากในสำนัก สวี่ชิงรู้ว่าที่นี่มีผู้บำเพ็ญอยู่ตลอด
พวกเขามาจากที่ต่างๆ ของทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ
มีทั้งผู้บำเพ็ญจากสำนัก และมีทั้งผู้บำเพ็ญไร้สังกัด เนื่องจากความกว้างใหญ่ของแดนต้องห้ามปักษาราชันอีกทั้งยังมีทรัพยากรมากมาย ดังนั้นต่อให้อันตรายแต่ก็ยังคงเป็นดินแดนแหล่งทรัพยากรของผู้บำเพ็ญมากมาย
อย่างไรเสียมีชีวิตอยู่ในโลกโลกาวินาศ สรรพสิ่งล้วนต้องช่วงชิง โดยเฉพาะสำนักเล็กๆ ขั้วอำนาจเล็กๆ และผู้บำเพ็ญไร้สังกัดยิ่งเป็นเช่นนั้น
การยกระดับพลังบำเพ็ญและกำลังรบของพวกเขาทุกครั้งส่วนมากล้วนผ่านกลิ่นคาวเลือดและการหนีจากความตายครั้งแล้วครั้งเล่า
ความยากลำบากเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญสำนักใหญ่ก็ต้องเผชิญเช่นกัน เพียงแต่ระดับแตกต่างออกไป อีกทั้งอันตรายก็สูงกว่า
ส่วนที่รกร้างแห่งนี้อยู่มาเนิ่นนาน นับว่าปลอดภัยอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นจึงกลายเป็นสถานที่ที่ผู้บำเพ็ญเดินทางมาแดนต้องห้ามปักษาราชันเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากร
การมาเยือนของสวี่ชิงสร้างความสนใจให้กับคนมากมาย แต่ก็ล้วนแค่มองเพียงแวบเดียวก็ถอนสายตากลับไป คนที่นี่ล้วนระมัดระวัง ระแวงคนอื่นเป็นพิเศษ
สวี่ชิงเองก็เช่นกัน
ตอนนี้เขาเคลื่อนไปข้างหน้า สายตาก็กวาดมองสองข้างทางไปด้วย ระแวดระวังอันตรายและจิตคิดร้ายที่อาจจะพุ่งมา ความเร็วไม่ลดลง เร็วขึ้นเรื่อยๆ ทะยานไปในเมืองร้างอย่างรวดเร็ว
เวลาไม่นานนัก บริเวณที่สายตามองเห็นข้างหน้าก็มีศาลเจ้าที่รูปทรงคุ้นเคยแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น
ไม่เหมือนกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในเมืองร้าง หลังคาของศาลเจ้าไพศาลอนันต์เป็นทรงกลม
หากมองลงมาจากบนฟ้า จะเห็นว่าทั่วทั้งที่รกร้างมีสิ่งก่อสร้างทรงกลมนี่เพียงที่เดียว ตำแหน่งของมันตั้งอยู่ที่ใจกลาง
การจัดวางเช่นนี้สามารถจินตนาการได้ว่าตอนนั้นที่ที่แห่งนี้รุ่งเรือง ตำแหน่งของศาลเจ้าแห่งนี้จะต้องสูงส่งเป็นอย่างมากแน่นอน
สวี่ชิงจ้องมองเงียบๆ ยกเท้าก้าวเข้าไปใกล้
จากที่ไกลๆ เขามองเห็นนอกศาลเจ้ามีผู้บำเพ็ญสวมชุดแตกต่างกันไปนั่งกระจัดกระจายอยู่หลายสิบคน มีทั้งหญิงชาย
คนเหล่านี้มีทั้งเป็นกลุ่มสองสามคน มีทั้งนั่งคนเดียว ตำแหน่งที่นั่งก็ล้วนเป็นบริเวณที่สามารถมองเห็นประตูของศาลเจ้าได้ แม้จะนั่งขัดสมาธิ แต่กลับเงยหน้ามองไปทางศาลเจ้า
ส่วนพลังบำเพ็ญส่วนมากเป็นระดับรวมปราณขั้นบริบูรณ์ มีบ้างที่เป็นระดับสร้างฐานที่ยังไม่มีไฟชีวิต มีเพียงชายชราที่ผมขาวใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นสองคนเท่านั้นที่พลังบำเพ็ญถึงระดับไฟชีวิตหนึ่งดวง
ชายชราระดับสร้างฐานไฟชีวิตหนึ่งดวงสองคนนี้ และระดับสร้างฐานที่ยังก่อไฟชีวิตไม่ได้สามคน ห้าคนในกลุ่มคนเหล่านั้น การที่พวกเขาอยู่ที่นี่ก็นับว่าสมเหตุผล อย่างไรก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสไปรับรู้ได้สำเร็จ หากรับรู้ดาบสะบั้นไพศาลได้ สำหรับพวกเขาก็เป็นหนึ่งก้าวสู่สวรรค์
แต่เหล่าผู้บำเพ็ญระดับรวมปราณบริบูรณ์อยู่ที่นี่ทำให้คนมองไปแล้วรู้สึกแปลกๆ
ทว่าหลังจากที่สวี่ชิงกวาดตาไป ก็ได้คำตอบเลาๆ
เพราะในเสี้ยวพริบตาที่เขาเดินมา ก็สัมผัสได้ถึงจิตมุ่งร้ายที่แฝงไว้ด้วยความละโมบจากกลุ่มคน จากนั้นหลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของตัวเองก็เหมือนนกหน้าเกาทันฑ์ เก็บลงไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันในพงหญ้ารอบๆ ก็ยังมีกระดูกที่ผุพังไม่มีใครสนใจอีกจำนวนหนึ่ง
ที่นี่คือศาลเจ้าไพศาลอนันต์ สถานที่รับรู้ดาบสะบั้นไพศาล
แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ผู้บำเพ็ญปลาใหญ่กินปลาเล็ก อันตรายโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่งแห่งหนึ่งในแดนต้องห้ามปักษาราชัน
อาศัยชื่อเสียงของศาลเจ้าไพศาลอนันต์ ก็มีผู้บำเพ็ญเดินทางมาตามชื่อเสียงอยู่ตลอด หากเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่หากพลังบำเพ็ญไม่เพียงพอก็จะต้องตายอนาถอยู่ที่นี่ สูญเสียซึ่งทุกสิ่งอย่างแน่นอน
คนหลายสิบคนข้างนอกศาลเจ้า จากการวิเคราะห์ของสวี่ชิง ต่อให้พวกเขาจงใจจับเป็นกลุ่มกระจายกัน แต่ก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกันไม่ได้
เห็นภาพฉากนี้ สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิดอะไร เดินไปทีละก้าวๆ
คนหลายสิบคนนอกศาลเจ้าต่างแอบส่งสัญญาณสายตาให้กัน ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่กล้าลงมือกับสวี่ชิง
พวกเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ ย่อมต้องมีความสามารถในการสังเกตสถานการณ์ มองเห็นเลาๆ ว่าสวี่ชิงไม่ใช่พวกที่จัดการได้ง่ายๆ
และตอนนี้เอง จากการที่สวี่ชิงเข้าใกล้ศาลเจ้าแห่งนี้ เขาก็เห็นเทวรูปสลักที่ในความคุ้นเคยแฝงไว้ด้วยความไม่คุ้นเคยบางอย่างในศาลเจ้า และเห็นเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้เทวรูป

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา