บทที่ 254 ประดุจเทพต่อสู้
แทบจะในเสี้ยวขณะที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเอ่ยปาก ร่างของสวี่ชิงก็เข้าประชิด ซัดหมัดหนึ่งมา
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เซิ่งอวิ๋นจื่อสะบัดมือต้านทาน ร่างถอยไปข้างหลัง ประกายในดวงตาเจิดจ้ายิ่งขึ้น
“ให้ข้าดูหน่อยสิว่า ในตัวเจ้ามีปัญหาอะไรกันแน่!”
สวี่ชิงไม่พูดไม่จา จิตสังหารในดวงตาเข้มข้น ไล่ตามไปในทันที
ทั้งสองคนเข้าปะทะกันทันที เสียงสนั่นหวั่นไหวดังก้อง เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไม่รู้ว่าสำแดงวิชาอะไร ทั่วทั้งร่างแสงทองเปล่งประกายสาดทอไปทั่วทุกทิศ ก่อเป็นทะเลแสง สวี่ชิงจำต้องถอยหลบ
และในเสี้ยวพริบตาที่เขาหลบ อักขระที่หลอมรวมจากทะเลแสงตัวแล้วตัวเล่าเปล่งแสงออกมา ไล่โจมตีสวี่ชิง
อักขระพวกนี้มาพร้อมด้วยพลังทำลายล้างสังหาร ในเสี้ยวขณะที่เข้าใกล้ยิ่งแปรเปลี่ยนพลังผนึกออกมา เพียงพริบตา ท้องฟ้าก็มีรัศมีแสงเกิดขึ้น ผืนดินที่รกร้างสั่นสะเทือน
อาศัยขณะที่สวี่ชิงถูกอักขระทะเลแสงโจมตีและผนึก เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องในตาฉายแววตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าเขาเดาได้ ตอนนี้ขาดแค่หลักฐานพิสูจน์เท่านั้น
ดังนั้นมือขวาจึงประสานปางมือ ถอยไปสามก้าว ทุกก้าวล้วนประสานปางมือต่างกันออกไป
ก้าวที่หนึ่ง รอบๆ เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเกิดลมยะเยือกกรรโชก ไอเย็นแผ่มา
ก้าวที่สอง แสงสีเขียวเป็นกลุ่มๆ ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า รวมเป็นเค้าโครงกระบี่ที่ยังไม่สมบูรณ์ข้างหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
ก้าวที่สามเค้าโครงกระบี่ที่ยังไม่สมบูรณ์นี้ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว จากขนาดเท่าฝ่ามือก็ขยายขึ้นอย่างบ้าคลั่ง หนึ่งจั้ง สิบจั้ง จนกระทั่งกลายเป็นกระบี่ยักษ์ขนาดร้อยจั้ง
กระบี่เล่มนี้เป็นสีเขียวทั้งเล่ม ประดุจภาพฝันมายา บนนั้นแผ่กลิ่นอายน่าหวาดกลัวออกมา มากพอจะเขย่าขวัญวิญญาณได้
ตอนนี้ก้าวที่สามสำเร็จ ในกายเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องยังคงมีพลังเวทมหาศาล ดวงตาของเขาฉายแววแปลกประหลาด มือขวายกขึ้นชี้สวี่ชิง เสียงที่เปล่งออกมาคล้ายผสานไปในลมเย็นเยือกทั้งแปดทิศนี้
“จรดฟ้าสะบั้นวิญญาณ!”
ไฟทั้งร่างสวี่ชิงปะทุก่อเป็นทะเลเพลิง ซัดโหมเป็นคลื่นยักษ์ ทำให้อักขระทะเลแสงแตกร้าวเป็นชั้นๆ ตอนนี้เห็นกระบี่ยักษ์สีเขียวเล่มนั้น รูม่านตาของเขาหดเล็ก
เสี้ยวขณะต่อมา กระบี่ยักษ์สีเขียวเล่มนั้นก็โจมตีสวี่ชิงอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ประชิดเข้าใกล้ในเสี้ยวพริบตา
สวี่ชิงหลบหลีก แต่กระบี่นี้ราวจับวิญญาณของเขาเอาไว้ ไม่อาจหลบพ้น
ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววเหี้ยมเกรียม ไม่หลบอีกต่อไป สองมือประสานปางมือกดไปข้างหน้า เปลวไฟในร่างลุกโชนเหมือนโลกใบหนึ่งกำลังถูกเผาไหม้ แสงไฟยิ่งลุกท่วมฟ้า
เพียงพริบตา กระบี่ยักษ์มาเยือน เมินซึ่งกายเนื้อของสวี่ชิง ในเสี้ยวขณะที่ปะทะกับเขาก็เหมือนทะลุเข้าไปในร่าง ขนาดเปลี่ยนจากใหญ่เป็นเล็ก
เพียงพริบตาก็พุ่งเข้าไปในร่างสวี่ชิงอย่างสมบูรณ์ แปรเปลี่ยนเป็นพลังสะบั้นวิญญาณ พุ่งตรงไปที่วิญญาณของเขาทันที
และในเสี้ยวพริบตาที่กระบี่สะบั้นวิญญาณพุ่งมา ร่มดำที่แปลงมาจากตะเกียงแห่งชีวิตในร่างสวี่ชิงก็ปรากฏขึ้น ต้านทานเอาไว้ข้างหน้าทะเลความรู้สึกของเขา กางเป็นเกราะป้องกัน!
ประกายเย็นเยือกในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ เขาไม่อยากปกปิดอีกต่อไปแล้ว
สู้กับศัตรูร้ายกาจอย่างเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง เขารู้ดีว่าตะเกียงแห่งชีวิตไม่อาจปกปิดได้ ในเมื่อความสามารถของพลังไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้เฉยๆ เจ้าเงายังควบคุมช่องเวทของอีกฝ่ายอย่างสุดกำลังแล้วอีกด้วย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปกปิดไปก็ไร้ประโยชน์ มิสู้เปิดเผยออกมา จากนั้นก็หาวิธีฆ่าเขาเสีย
ตอนนี้กระบี่สะบั้นวิญญาณโจมตีไปที่ร่มดำ จากเปลวเพลิงสีดำที่ปะทุรอบๆ ร่มดำ กระบี่สะบั้นวิญญาณสีเขียวเล่มนี้ไม่อาจต่อกรได้
แตกสลายลงในทันทีประดุจไข่กระแทกหิน กลายเป็นแสงสีเขียวมากมาย จากการที่ร่มดำกางออก ก็ถูกบีบบังคับออกไปจากร่างของสวี่ชิงทันที
มองไกลๆ จุดแสงสีเขียวมหาศาลในร่างสวี่ชิงพุ่งแผ่ออกมาข้างหน้า เหนือศีรษะของเขาในตอนนี้มีฉัตรคันหนึ่งปรากฏขึ้นด้วย!
ฉัตรสีดำแผ่กลิ่นอายแปลกประหลาด ยิ่งมีเปลวไฟสีดำแล่นตามชายโครงของฉัตรคล้ายว่าไหลวน ทำให้สวี่ชิงที่ยืนอยู่กลางอากาศในชุดสีม่วง ในตอนนี้ดึงดูดสายตาโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง!
และทำให้ผู้บำเพ็ญที่จับตามองศึกนี้อยู่รอบๆ ทุกคนต้องครั่นคร้าม
ไม่ใช่แค่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเห็น แต่คนทั้งหลายเห็นกันหมดทุกคน
“ตะเกียงแห่งชีวิต!!!”
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องดวงตาเบิกกว้าง จิตใจเกิดคลื่นซัดโหมกระหน่ำ ลมหายใจหอบถี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายจิตใจล้วนถูกความยินดีลิงโลดเติมเต็ม
ก่อนหน้านี้เขามองออกว่าสวี่ชิงมีอะไรไม่ชอบมาพากล ทั้งๆ ที่มีกำลังรบระดับไฟชีวิตสามดวง ต่อให้รวมกับเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิก็ไม่มีทางสู้กับเขาได้จนถึงตอนนี้ ตอนนี้ในพริบตาที่ได้เห็นร่มดำ ข้อสงสัยของเขาก็ได้รับการพิสูจน์
เขายิ่งเข้าใจในทันทีว่าทำไมสวี่ชิงจึงกล้าสยบซือหม่าหลิง ทำไมสวี่ชิงจึงกล้าสู้กับตน
ทุกอย่างนี้มีคำตอบแล้ว
สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ ไม่มีความลนลานเลยแม้แต่น้อย แม้เปิดเผยตะเกียงแห่งชีวิตจะสำคัญมาก แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเขารู้สึกว่าหากตนชิงตะเกียงแห่งชีวิตของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมาได้ เช่นนั้นตัวเขาที่มีตะเกียงแห่งชีวิตสองดวง กำลังรบก็จะถึงระดับไฟชีวิตหกดวง
‘ฆ่าเซิ่งอวิ๋นจื่อจื่อคนนี้ ความเสี่ยงที่ความลับแตกจะลดลงไปมาก แต่หากยังเล่าลือออกไป อย่างดีก็ไปจากสำนักเจ็ดเนตรโลหิต หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ซ่อนชื่อกลบแซ่!
‘แม้ทำเช่นนี้ผลประโยชน์ที่ท่าเรือเมืองหลักจะเสียหาย ไม่อาจได้มา แต่หากได้ตะเกียงแห่งชีวิตของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมา ทุกอย่างก็คุ้มค่าแล้ว!’ จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ กำลังจะลงมือ
แต่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องกลับเงยหน้าหัวเราะ สองมือสะบัด ทัดใดนั้นปราณกระบี่แต่ละสายก็ก่อตัวที่หน้าเขา มีมากถึงร้อยกว่าสาย จากชายเสื้อของเขาที่สะบัด ปราณกระบี่พวกนี้ก็พุ่งไปยังแผ่นดินข้างล่างทันที

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา