เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 259

บทที่ 259 มือกระดูกควานหาในทะเลความรู้สึก

ต้องห้าม!

เหมือนกับสวี่ชิงหลังจากที่เมื่อรายชื่ออยู่ในอันดับจะมีสิทธิ์ในการอัญเชิญเงาของวิเศษ สำหรับอัจฉริยะพันธมิตรเจ็ดสำนักแล้ว พวกเขาก็มีพลังที่จะใช้พลังรากฐานของสำนักเหมือนกัน

เพียงแต่คนที่มีสิทธิ์นั้นมีจำนวนน้อยมาก อีกทั้งส่วนมากแล้วยังใช้เป็นรางวัลหรือการคุ้มครองมากกว่า

ในเมื่อของวิเศษเวทของพันธมิตรเจ็ดสำนักเป็นขั้นต้องห้าม อีกทั้งเวลาให้ก็มีข้อจำกัดมากมาย อยากจะให้ผลลัพธ์ของมันแสดงศักยภาพสูงสุดออกมา ต้องเป็นเวลาที่กำหนดจึงจะได้

ประสบการณ์ต่อสู้ของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องโชกโชนมาก เขาไม่ได้อัญเชิญเงาของวิเศษเวทต้องห้ามตั้งแต่ทีแรกก็เพื่อสร้างโอกาสที่จะสำแดงของวิเศษเวทต้องห้ามของตัวเองให้สมบูรณ์แบบเช่นนี้เอง

เขารู้ดีว่าคิดจะชิงตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิงไม่ง่ายแบบนั้นแน่นอน ต้องป้องกันอีกฝ่ายจะหนีไปในช่วงวิกฤตอันตราย หรือมีแผ่นหยกอย่างยันต์ส่งข้ามไร้ขั้นตอนอะไรประเภทนั้น

อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นท่าทางตามสัญชาตญาณที่จะบีบแผ่นหยกในมือให้แตก แม้เขาจะแกล้งทำเป็นไม่สังเกต แต่ในใจก็เดาความคิดของสวี่ชิงได้คร่าวๆ เช่นกัน

สำหรับเขา การต่อสู้ครั้งนี้คือการตกปลา

เขาจะรอให้อีกฝ่ายถูกตนเองบีบให้ใช้พลังจนถึงขีดจำกัดสูงสุด วิชาใช้ไปประมาณหนึ่ง อีกทั้งอาการบาดเจ็บยังสาหัส มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นถึงจะราบรื่นมากขึ้น

ดังนั้นเขาจึงรออยู่ตลอด จวบจนตอนนี้ เขารู้สึกว่าได้ประมาณหนึ่งแล้ว จึงเอาพู่กันเนื้อชุ่มเลือดที่คิดคำนวณเอาไว้ดีแล้วออกมาสู้

ไม่ว่าพู่กันนี้จะทำให้สวี่ชิงบาดเจ็บสาหัสได้หรือไม่ เขาก็จะใช้การแหลกสลายของมันเป็นสิ่งอำพราง สำแดงพลังคำสาปของพู่กันเนื้อชุ่มเลือดด้ามนี้ พันธนาการสวี่ชิงเอาไว้อย่างแน่นหนา

เช่นนี้ถึงจะสร้างโอกาสสำแดงของวิเศษเวทต้องห้ามของตัวเองได้ ก่อเป็นตาข่ายสวรรค์กับดักพิภพ ให้วิชาหลบหนีทุกอย่างของสวี่ชิงล้วนไร้ผล ทำให้ตนชิงตะเกียงแห่งชีวิตของเขามาได้สำเร็จ

ตอนนี้ จากคำพูดที่ดังออกมา สวี่ชิงที่อยู่กลางอากาศหน้าเปลี่ยนสี รอบๆ เขาล้วนเป็นมือเนื้อชุ่มเลือด มันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ยืดแผ่มาจากทั่วทุกสารทิศ พันรัดเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่อาจสลัดหลุดพ้นได้ในทันที ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลใดๆ บีบแผ่นหยกที่กำเอาไว้ในมือตั้งนานแล้วที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมองไม่เห็นรายละเอียดแผ่นนั้นแตก

แต่เห็นได้ชัดว่าสายไปแล้ว

ในเพียงพริบตา ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน สีแดงนี้ปรากฏขึ้นอย่างเฉียบพลันนัก เพียงเสี้ยวกะพริบตาก็ปกคลุมไปทั่วทั้งแปดทิศ ดูแล้วชั่วร้ายนัก แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แปรเปลี่ยนให้พื้นที่เขตนี้กลายเป็นโลกสีเลือด สวี่ชิงถูกขังเอาไว้ในนั้น

อีกทั้งในโลกสีเลือด หลังจากที่มันก่อตัวขึ้นก็ส่งพลังบิดม้วนมิติ ทำให้การส่งข้ามทุกอย่างในขอบเขตโลกใบนั้นไม่สามารถใช้ได้ ขณะเดียวกันโลกสีเลือดก็ยังคงหดเล็กลง ลดพื้นที่ลงไม่หยุด

พลังผนึกปะทุอยู่ตลอด ประดุจสกัดกั้นที่นี่กับโลกภายนอก ทำกับปิดผนึกโดยสมบูรณ์

จากนั้นเมล็ดพันธุ์สีแดงเม็ดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า

แต่ไม่เหมือนกับเม็ดที่สำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้ากระตุ้นพุ่งไปยังสำนักนำบารมี เมล็ดพันธุ์สีเลือดเม็ดนี้เป็นเงามายา ไม่ใช่วัตถุจริง แต่พลังก็น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน ตอนนี้หลังจากที่ปรากฏขึ้นก็พลันร่วงลงสู่พื้นดิน แปรเปลี่ยนเป็นต้นไม้ใหญ่สีเลือดต้นหนึ่ง

ทันทีที่ต้นไม้ต้นนี้ปรากฏขึ้น ลมเมฆก็เปลี่ยนสี พลังสะกดรุนแรงคลุ้มคลั่งยิ่งสะเทือนฟ้าดิน เพียงแค่ไหวเอนเบาๆ สวี่ชิงก็สะเทือนไปทั้งร่าง กระอักเลือดออกมา เหมือนถูกพลังที่ไม่อาจบรรยายได้กลุ่มหนึ่งจะลบล้างเขาไป

ขณะเดียวกัน ทางเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องทางนั้นตอนนี้เงยหน้าหัวเราะร่า ดวงตาฉายแววละโมบ ความเร็วและพลังบำเพ็ญปะทุขึ้นทุกด้านโดยสมบูรณ์ พุ่งมาหาสวี่ชิงอย่างไม่เสียดายค่าตอบแทน

เมี่ยเหมิงที่อยู่ข้างหลังคำราม ฉัตรตะเกียงแห่งชีวิตเหนือศีรษะกะพริบวูบวาบ เขาจะสะกดสวี่ชิงให้ได้โดยสมบูรณ์ภายในมิติปิดผนึกนี้ ทำให้เขาหนีไปไม่ได้ ทำได้แค่ถูกตนชิงตะเกียงแห่งชีวิตไป

“อยู่ในผนึกอัญเชิญเงาของวิเศษเวทต้องห้ามของข้า เจ้าและข้า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ออกไปได้!”

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเข้าประชิดทันที ลงมืออย่างแข็งแกร่งทรงพลัง สวี่ชิงกระอักเลือดออกมา ถอยหลังไปไม่หยุด ที่นี่ไม่ได้มีแค่พลังผนึกย่างเดียวเท่านั้น แต่ยิ่งมีการสะกดควบคุม ทำให้ไฟชีวิตในร่างของเขาเหมือนจะมอดดับ

เห็นต้นไม้แปลกประหลาดต้นนั้นยังขยับไหว ประกายเย็นเยือกในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำทุ้ม

“อัญเชิญเงาของวิเศษเวทสำนักเจ็ดเนตรโลหิต!”

สำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็มีของวิเศษเวทเช่นกัน แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องห้าม และสวี่ชิงก็ไม่เคยอัญเชิญมาก่อน

ตอนนี้ ทันทีที่เอื้อนเอ่ยออกมา โลกสีเลือดใบนี้ก็สั่นสะเทือนทั้งใบ ท้องฟ้าเดือดพล่าน เหมือนมีพลังภายนอกมาเยือน จะฉีกโลกใบนี้ออก บนท้องฟ้ายิ่งมีดวงตาข้างหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ

ดวงตาข้างนี้แฝงด้วยความสงบนิ่ง ไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ หลังจากปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าก็จ้องเพ่งไปยังเงาของวิเศษเวทต้องห้ามที่อยู่ข้างล่าง

หลังจากปรายตามองไป เงาของวิเศษเวทต้องห้ามก็สั่นสะเทือน แต่เห็นได้ชัดว่าระดับขั้นของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกัน เงาของวิเศษเวทต้องห้ามไม่ได้สลายไป ผนึกโลกสีเลือดก็ไม่แตกทลาย สวี่ชิงที่อยู่ในนั้นไม่อาจหนีไปได้

ทว่า จะอย่างไรนี่ก็คือเงาของวิเศษ หลังจากที่มันปรากฏขึ้น แม้จะสู้โลกของวิเศษต้องห้ามไม่ได้ แต่ก็หยุดการเคลื่อนไหวต้นไม้เลือดในนั้นได้ ทำให้มันไม่อาจขยับเขยื้อน ลดพลังสะกดควบคุมสวี่ชิงลง แต่ก็ยังคงมีผลอยู่

“กับแค่ของวิเศษเวทของสำนักล่าง ไม่มีทางสั่นคลอนของวิเศษเวทต้องห้ามข้าได้หรอก สวี่ชิง โลกสีเลือดใบนี้จะเป็นสุสานของเจ้า!” ความละโมบในดวงตาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องยิ่งเข้มข้นขึ้น หัวเราะร่า ประชิดสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว ลงมือเต็มกำลัง

สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดอะไรทั้งนั้น วิหคทองที่อยู่ข้างหลังเงยหน้าคำรามต้านทานสุดกำลัง ร่มดำตะเกียงแห่งชีวิตของตัวเองก็เช่นกัน ทำให้ไฟดำเผาไหม้รอบๆ ประมือกับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องในโลกสีเลือดที่ถูกผนึกไม่หยุด เสียงสนั่นหวั่นไหวดังไม่ขาดสาย

ในขณะที่พลัดกันรุกพลัดกันรับ สวี่ชิงถูกควบคุมอยู่ในโลกสีเลือดด้อยกว่าเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เริ่มอ่อนกำลัง ส่วนเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเห็นเช่นนั้นพลังก็เพิ่มขึ้นมหาศาล ยิ่งระห่ำขึ้นอีก

จวบจนหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในยามที่โลกใบนี้หดเล็กเหลือขนาดไม่ถึงสิบจั้ง และต้นไม้ใหญ่ในนั้นก็หดเล็กลงตามไปด้วย ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น มุมปากสวี่ชิงมีเลือดไหลออกมา เขาถอยหลังไป ในมือถือแผ่นหยกแผ่นหนึ่งเอาไว้ มองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องมองแล้ว ที่นี่เจ้าหนีออกไปไม่ได้ ต่อให้เป็นข้า หลังจากกระตุ้นของวิเศษเวทต้องห้ามแล้วก็ไม่สามารถควบคุมได้เหมือนกัน ทำได้แค่ให้มันหายไปเอง

“การลงมือทุกอย่างของข้าก่อนหน้านี้ล้วนเพื่อผนึกเจ้าเอาไว้ที่นี่ทั้งนั้น ในมือของเจ้าคือยันต์ส่งข้ามใช่หรือไม่ ลังเลรีรอนัก ตอนนี้ไม่ต้องบีบแล้ว ที่นี่ เจ้าเสียความเป็นไปได้ทุกอย่างที่จะหนีไปแล้ว!”

เซิ่งอวิ๋นจื่อจื่อรัศมีอำนาจท่วมท้น หัวเราะเหี้ยมเกรียมพลางก้าวออกไปก้าวใหญ่ เดินมาหาสวี่ชิง สายตาเหมือนมองคนตาย

“ถูกผนึกเอาไว้อย่างแน่นหนาจริงๆ นั่นแหละ” สวี่ชิงยังคงสำรวจรอบๆ จนเมื่อมั่นใจว่าเป็นเช่นที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องกล่าว ในขณะเดียวกับที่เอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่งก็โยนแผ่นหยกในมือทิ้ง เอากล่องเหล็กใบหนึ่งออกมา เปิดมันออกแล้วโยนไปข้างๆ

แผ่นหยกไม่ใช่ยันต์ส่งข้าม แต่เป็นแผ่นหยกบันทึกที่ธรรมดาๆ สุดๆ

กล่องเหล็กคือกล่องปรารถนานั่นเอง สิ่งที่อยู่ในนั้นคือลูกกลอนพิษที่แม้แต่ศีรษะพระนั่นยังไม่อาจต้านทานได้

ลูกกลอนนี้เมื่อปรากฏขึ้นก็แผ่กลิ่นอายออกมาทันที

ภาพนี้ทำให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องชะงัก รูม่านตาหดเล็กทันที เขาไม่รู้ว่าลูกกลอนเม็ดนี้คืออะไร แต่รู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่าไม่สู้ดี จะไปทำลายมันทิ้ง แต่สวี่ชิงตอนนี้ปะทุพลังขัดขวางสุดกำลัง ถ่วงเวลาเอาไว้ สกัดกั้นเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ทำให้กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากลูกกลอนพิษเม็ดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

และที่นี่ปิดผนึกเอาไว้อย่างแน่นหนา กลิ่นอายของลูกกลอนไม่อาจแผ่ออกไปนอกผนึกได้ ทำได้เพียงหลอมรวมอยู่ในโลกสีเลือดที่หดเล็กอยู่ตลอดใบนี้ ดังนั้น กลิ่นอายของลูกกลอนต้องห้ามย่อมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

นี่ก็คือแผนของสวี่ชิง

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมีวิชาก้นหีบและไม้ตายอะไรบ้างสวี่ชิงไม่รู้ และไม่อาจป้องกันได้ และทั้งสองคนยังมีพลังที่สูสีกัน สวี่ชิงไม่มีวิธีที่จะสังหารชิงตะเกียงแห่งชีวิตของเขามาได้ในเวลาสั้นๆ เลย

และเรื่องของเวลา สวี่ชิงรู้ว่าตัวเองมีน้อยมาก หากผู้คุ้มครองปรากฏตัวขึ้น เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน

ดังนั้น เขารู้ว่าศึกนี้หากอยากรีบจบให้เร็วที่สุดมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น

บทที่ 259 มือกระดูกควานหาในทะเลความรู้สึก 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา