บทที่ 263 พิธีคารวะอาจารย์
เสียงนี้เข้มงวดจริงจังนัก แฝงไว้ด้วยท่วงทำนองที่ไม่เหมือนกับเวลาพูดในยามปกติ
เหมือนสรรเสริญ ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน!
คำพูดแฝงไว้ด้วยความโบราณ เนื้อหายิ่งมีความงดงาม เหมือนกับเนื้อหากล่าวเคารพสรรเสริญที่กล่าวมา
แสดงความศรัทธาจริงใจยามทำพิธีเซ่นไหว้บูชา แสดงความเคารพสูงสุดแด่เทพไท้บรรพจารย์!
แม้แต่นายกองที่อยู่หน้าประตูตอนนี้ ในเสี้ยวขณะนี้สีหน้าก็ยังเคร่งขรึมอย่างไม่เคยมีมาก่อน กะพริบตาให้สวี่ชิงอีกครั้ง แล้วก้าวออกมาก้าวหนึ่ง
นายกองในวันนี้ ไม่ได้สวมชุดนักพรตสีเทาอีกต่อไปอย่างหาได้ยาก แต่เปลี่ยนเป็นชุดนักพรตสีม่วงปักลายทองเหมือนกับสวี่ชิงทุกประการ
ชุดนักพรตของพวกเขามองเผินๆ แล้วคล้ายกับลูกศิษย์ยอดเขาลำดับเจ็ด แต่ความจริงแล้วรายละเอียดแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ตอนนี้นายกองยืนอยู่ที่หน้าประตู แววตาแปรเปลี่ยนมาล้ำลึก จ้องมองสวี่ชิง เอ่ยราบเรียบ
“สวี่ชิง ตามข้ามา ต่อจากนี้ ข้าจะเป็นผู้คุ้มครองของเจ้า”
นายกองไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเท่านั้น คำพูดก็เช่นกัน ในขณะที่เอ่ยก็มองสวี่ชิงอย่างล้ำลึก สองมือประสานหมัด นิ้วซ้อนทับ ยกขึ้นเสมอคิ้ว โค้งตัวต่ำ ทำการคารวะอย่างเต๋าอย่างเป็นพิธีรีตรองยิ่งนัก
ความจริงจังเคร่งขรึมปะทะหน้า สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าต่อจากนี้ตนจะต้องเข้าร่วมพิธีการที่เคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง จึงจัดเสื้อผ้าครู่หนึ่ง แล้วประสานมือคารวะไปทางนายกองเช่นกัน ก่อนจะเดินไปที่ประตูตำหนัก
เพียงสามก้าวก็มาถึงหน้าประตูตำหนัก ในเสี้ยวพริบตาที่ก้าวออกมา จิตใจสวี่ชิงก็สั่นไหว
ตำหนักใหญ่ที่เขาอยู่อยู่ใกล้กับยอดเขาของยอดเขาลำดับเจ็ด สิ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาคือลานพิธีเต๋าแปดเหลี่ยมขนาดมหึมาแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นจากหินเขียว แผ่ท่วงทำนองเทพออกมา บนนั้นบูชารูปสลักรูปหนึ่งเอาไว้
รูปสลักนี้เป็นชายกลางคน ตอนนี้มือไพล่หลัง กำลังมองไปที่ไกล
มองเห็นใบหน้าไม่ชัด เห็นเพียงชุดคลุมจักรพรรดิมังกร ศีรษะสวมกวานจักรพรรดิสีฟ้า เหนือศีรษะมีฉัตรพร่างพรายเก้าคัน ไอพลังมังกรปกคลุมรอบกาย ทรงอำนาจท่วมท้น ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง
เพียงแค่รูปสลักก็มีรัศมีอำนาจสะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ ทำให้สวี่ชิงรูม่านตาหดเล็ก
แต่เขาหวนตินสติกลับมาอย่างรวดเร็ว มองไปรอบๆ ลานพิธีเต๋า
รอบๆ ลานพิธีเต๋า นี้ สวี่ชิงเห็นลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตอย่างน้อยนับพันคน ลูกศิษย์เหล่านี้มีทั้งหญิงชาย มีทั้งแก่ชรา มีทั้งหนุ่มแน่น แต่ละคนล้วนสวมชุดคลุมเต๋าสีม่วงที่ดูเหมือนว่าไม่ได้เอาออกมานานแล้วเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
ส่วนข้างหน้าลานพิธีเต๋า เป็นบันไดหินขาวลายมังกร มีถึงเก้าสิบขั้น
เหนือขั้นบันไดมีตำหนักใหญ่ที่ส่องประกายสีม่วง แผ่ความยิ่งใหญ่ทรงพลังออกมา ที่นั่น…คือตำหนักที่สูงที่สุดของยอดเขาลำดับเจ็ด
ส่วนบนท้องฟ้า ตอนนี้เมฆหมอกลอยอวล มีกิ้งก่านภาบรรพกาลสีดำขนาดมหึมาตัวหนึ่งอยู่ในนั้น ทำให้ชั้นเมฆโหมทะลัก สายฟ้าแต่ละสายฟาดผ่าเสียงครืนครันไปทั่วทุกสารทิศตามการเคลื่อนไหวของมัน
ในเมฆหมอกนั่นมีเงาร่างสูงใหญ่หกร่างดุจร่างจำแลงยืนตระหง่าน กำลังจ้องเพ่งมายังโลก
คนทั้งหกมีทั้งชายและหญิง ในนั้นสวี่ชิงเห็นเจ้ายอดเขาลำดับหนึ่ง และเห็นนายท่านหก
พวกเขาล้วนมองมายังสวี่ชิง ในแววตาของนายท่านหกยิ่งฉายแววให้กำลังใจ
สวี่ชิงที่อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็ตื่นเต้นเล็กน้อยเช่นกัน เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปอีกครั้งก็เห็นบนเมฆหมอกมีเงาร่างสีเลือดที่สูงใหญ่ปานว่าสามารถค้ำยันฟ้าดินได้ ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นดุจเทพไท้
เป็นเสี่ยเลี่ยนจื่อ บรรพจารย์ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตนั่นเอง
พวกเขาล้วนมองดูพิธีจากบนฟ้า!
“ลูกศิษย์ยอดเขาลำดับเจ็ดสวี่ชิง รูปสลักนี้คือจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว ต้นกำเนิดวิถีเต๋าของยอดเขาลำดับเจ็ดเรา
“จักรพรรดิโบราณเสวี่ยนโยวคือจักรพรรดิเผ่ามนุษย์คนสุดท้ายที่สยบแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เจ้าจงคำนับ!
“เริ่มพิธี!”
นายกองยืนอยู่ข้างสวี่ชิง ดวงตามองตรงไม่วอกแวก จ้องมองรูปสลักบนลานพิธีเต๋า เสียงเคร่งขรึมจริงจังดังก้องไปทั่วสารทิศ
สวี่ชิงก้มหน้า ประสานหมัดโค้งต่ำคารวะรูปสลักจักรพรรดิโบราณบนลานพิธีเต๋า ในเสี้ยวขณะที่ลุกขึ้นยืน นายกองและลูกศิษย์ยอดเขาลำดับเจ็ดที่มาดูพิธีทั้งหมดรอบๆ ก็ต่างค้อมศีรษะ คารวะรูปสลักจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวโดยพร้อมเพรียง
กิริยารวมเป็นหนึ่ง มีรัศมีอำนาจท่วมท้นสะเทือนฟ้า
หลังจากคารวะ สวี่ชิงถูกบรรยากาศรอบๆ พาไป สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังยิ่งขึ้น ตามนายกองเดินไปข้างหน้า ตลอดทางอยู่ภายใต้การจับตามองของลูกศิษย์ยอดเขาลำดับเจ็ดที่อยู่รอบๆ เดินผ่านลานพิธีเต๋า เดินมาถึงใต้บันไดเก้าสิบขั้น
ที่นี่ เสียงของนายกองดังขึ้น
“พวกเราผู้บำเพ็ญ เส้นทางพลิกชะตา มหาพิภพต้องประสงค์ เก้านภาสิบแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้ยอดเขาลำดับเจ็ดจึงสร้างบันไดหินขาวเก้าสิบขั้น ย่างก้าวขึ้นบนบันไดนี้ พิสูจน์ว่ามีความสามารถข้ามผ่านเก้านภา เดินขึ้นไปจนถึงยอดสุด สาบานต่อเก้าปฐพี!
“สวี่ชิง เดินขึ้นบันไดขุนเขา!”
เสียงของนายกองดุจมังกรคำราม ทอดยาวต่อเนื่อง
สวี่ชิงทั่วร่างเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ก้าวเท้าเหยียบไปบนบันไดขั้นแรก
ในเสี้ยวพริบตาที่เท้าเหยียบลงไป ในยอดเขาลำดับเจ็ดก็มีเสียงระฆังดังกังวาน
หง่าง!
เสียงระฆังหนักแน่น ทันทีที่เสียงดังขึ้น ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบม้วน
สวี่ชิงสมาธิตั้งมั่น แผ่นหยกแผ่นหนึ่งลอยออกมาจากอกเสื้อ เป็นแผ่นหยกที่ผู้ติดตามให้นั่นเอง
แผ่นหยกแผ่นนี้ตอนนี้ส่องประกายแสงระยิบระยับ ลอยอยู่ข้างหน้า เคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับเขา เหมือนโคมนำทางในประกายแสงของแผ่นหยกแผ่นนี้ ฉากที่ถูกคนบันทึกภาพเงาเคลื่อนไหวเอาไว้ก็อาศัยแสงนี้ สะท้อนเข้ามาในสมองของสวี่ชิง
ในภาพฉาก เป็นลานประลองสัตว์ในฐานที่มั่นคนเก็บขยะแห่งหนึ่ง ในนั้นมีเด็กหนุ่มสวมเสื้อขนสัตว์ ใบหน้าดวงเล็กๆ เต็มไปด้วยคราบสกปรก กำลังลากงูเหลือมยักษ์จากไปไกล
ในที่นั่งข้างๆ มีเงาร่างที่คนนอกมองไม่เห็นสองร่าง คนหนึ่งคือนายท่านเจ็ด อีกคนคือผู้ติดตาม พวกเขากำลังมองสวี่ชิง เสียงของนายท่านเจ็ดแฝงด้วยความสนใจ เสียงเบาๆ ดังก้อง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา