บทที่ 266 ความจริงกระจ่าง
เพียงพริบตา ทะเลต้องห้ามแตกตื่น ขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ในมณฑลรับเสด็จราชันหวั่นไหว
ผู้ที่ตั้งสติได้ก่อนคือพันธมิตรเจ็ดสำนักที่อยู่ใกล้เผ่าสิงซากสมุทรมากที่สุด เพียงพริบตาเหนือพันธมิตรเจ็ดสำนักก็มีเงาร่างมหึมาหกร่างปรากฏขึ้น
พวกเขามีทั้งหญิงชาย แต่ใบหน้าล้วนรางเลือน มองรายละเอียดไม่ชัด เห็นเพียงดวงตาทั้งสองของเขาในขณะนี้ต่างฉายประกายแสบตาออกมา
“สำนักเจ็ดเนตรโลหิต…”
“พวกเขาสร้างของวิเศษเวทต้องห้ามออกมาได้แล้วจริงๆ”
“เสี่ยเลี่ยนจื่อวางแผนรอบคอบ แผนการล้ำลึก ประมาทไม่ได้เลย!”
เงาหกร่างนี้ก็คือบรรพจารย์จากหกสำนักจากสภาอาวุโสแห่งพันธมิตรเจ็ดสำนักนั่นเอง
ตอนนี้ขณะที่จิตเทพแผ่ระลอก พวกเขาก็ลอยขึ้นกลางท้องฟ้าพร้อมกัน ต่างสาวเท้าไปในท้องฟ้า หายตัวไปในทันใด เป้าหมายคือเผ่าสิงซากสมุทร
เพียงชั่วพริบตา เงาร่างของพวกเขาก็มาปรากฏอยู่ที่กลางท้องฟ้าเหนือเผ่าสิงซากสมุทร พวกเขาต่างใจสั่นสะท้านท่ามกลางการขยับหมุนจากกระจกโบราณสัมฤทธิ์บานมหึมาบานนั้น สัมผัสได้ถึงพลังน่าสะพรึงกลัวจากของวิเศษเวทต้องห้ามชิ้นนี้
ของวิเศษเวทชิ้นใดก็ตาม ในเสี้ยวพริบตาที่มันยกระดับเป็นระดับต้องห้าม ล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ ก่อกำเนิดพลังแปลกประหลาด พลังนี้จะเป็นสิ่งตัดสินระดับความน่ากลัวของมันว่าจะมากน้อยเพียงใด
“พิพากษา…เป็นพิพากษาเป็นตายอย่างนั้นหรือ!”
“ของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตชิ้นนี้ไม่ได้ใช้เพื่อทำลายสำนัก แต่เป็นของวิเศษทำล้ายล้างสังหารรายบุคคลที่หาได้ยากยิ่ง อีกทั้งยังอาศัยความรู้สึก พลังทำลายล้างสังหารของของวิเศษชิ้นนี้…น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!”
“กระจกบานนี้หากเพียงจับเป้าหมายแล้ว หลังจากที่กระตุ้นจะมีอัตราความเป็นไปได้หนึ่งส่วนที่ทำให้คนที่ถูกส่องแตกดับในพริบตา อีกทั้งเนื่องจากขนาดของมันยังสามารถสำแดงในระยะไกลได้อีกด้วย!”
“แม้จะมีอัตราความเป็นไปได้หนึ่งส่วน แต่ดวงตาเจ็ดดวงบนนั้นก็หมายความว่าสามารถสำแดงได้ต่อเนื่องเจ็ดครั้ง เช่นนั้นแล้วใครจะกล้าไปเดิมพัน!”
“เสี่ยเลี่ยนจื่อมีพลังบำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาขั้นหนึ่ง เขาถือครองของวิเศษต้องห้ามชิ้นนี้ สำแดงการพิพากษารายบุคคล ก็จะมีพลังบำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาขั้นสอง!”
“ขั้นสอง…พันธมิตรเจ็ดสำนักเราก็มีเพียงประธานพันธมิตรเท่านั้นที่เป็นขอบเขตนี้”
บรรพจารย์ทั้งหกจากพันธมิตรเจ็ดสำนักต่างเงียบนิ่ง ในใจขบคิดต่างกันไป พวกเขารู้ดีว่าของวิเศษเวทต้องห้ามเป็นพลังแข็งแกร่งสุดของสำนักสำนักหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่สำนักใดก็จะมีคุณสมบัติสามารถครอบครองได้ง่ายๆ
เหตุที่เป็นพันธมิตรเจ็ดสำนักก็เพราะบรรดาสำนักทั้งหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดสำนักในพันธมิตร มีเพียงพวกเขาเจ็ดสำนักที่มีของวิเศษเวทต้องห้าม
ขณะเดียวกัน ของวิเศษเวทก็แทบจะไม่สามารถช่วงชิงได้เลย ยกตัวอย่างเช่นของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่อยู่ตรงนี้ แต่พวกเขากลับไม่กล้าไปช่วงชิง หากลงมือของวิเศษเวทต้องห้ามก็จะทำการระเบิดตัวเอง
นี่ก็คือจุดที่น่ากลัวของของวิเศษเวทต้องห้าม มันมีวิญญาณศัสตรา!
และของวิเศษเวทต้องห้ามชิ้นนี้ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ยิ่งพิเศษ มันมีเทวรูปบรรพชนศพทั้งเจ็ดเป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน ดวงตาทั้งเจ็ดที่หลับอยู่นั้น ทันทีที่ลืมตื่นขึ้นก็จะมีพลานุภาพที่น่าครั่นคร้ามเป็นอย่างมากแน่นอน
ดังนั้น หลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง บรรพจารย์ทั้งหกจากพันธมิตรเจ็ดสำนักก็มองหน้ากัน ต่างประสานปางมือ ก่อเป็นค่ายกลส่งข้ามระยะไกล หายตัวไปในทันที มุ่งหน้าไปยังสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
ขณะเดียวกัน ขั้วอำนาจต่างๆ ในมณฑลรับเสด็จราชันต่างจับจ้องไปยังสำนักเจ็ดเนตรโลหิตด้วยสายตาที่มีความคิดต่างๆ พวกเขารู้ดีว่า…สถานการณ์ของพันธมิตรเจ็ดสำนักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว และสถานการณ์ในมณฑลรับเสด็จราชันก็จะเปลี่ยนไปจากการนั้นเช่นกัน
พายุฝนตั้งเค้ามาแล้ว
ส่วนดินแดนเผ่าสิงซากสมุทร ตอนนี้ระดับบนและระดับล่างทั้งสำนักต่างสั่นสะท้านสิ้นหวัง ส่วนลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่รักษาการณ์อยู่ที่นี่ ดวงตาของทุกคนต่างฉายแววตื่นเต้นฮึกเหิม
และในตอนนี้ คนที่ตื่นกลัวที่สุดจนกระทั่งสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล ลมหายใจถี่กระชึ้นขึ้นมาก็คือ…บรรพจารย์หลิงอวิ๋นที่อยู่กลางท้องฟ้าสำนักเจ็ดเนตรโลหิตนั่นเอง
หน้าผากของเขามีเหงื่อซึมผุด รูม่านตาทั้งสองข้างหดเล็ก ความตื่นตะลึงในใจตอนนี้ยากจะปกปิด เกิดขึ้นในห้วงอารมณ์ เขาจ้องไปทางเผ่าสิงซากสมุทรเขม็ง
แม้เขาจะมองไม่เห็นภาพที่นั่น แต่ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองถูกเล็งเป้าเอาไว้ เหมือนว่าเพียงแค่เสี้ยวความคิดของเสี่ยเลี่ยนจื่อ ตัวเองก็จะเผชิญหน้ากับเคราะห์เป็นตาย
การเล็งเป้าประเภทนี้แทบจะทำให้เขารู้ทันทีถึงภัยอันตรายที่ตนต้องเผชิญ
‘พิพากษาเป็นตาย…เจ็ดครั้ง พิพากษาเป็นตาย!’
บรรพจารย์หลิงอวิ๋นหายใจหอบถี่ ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด มองเสี่ยเลี่ยนจื่อด้วยอารมณ์ซับซ้อน
“ตอนนี้สำนักเจ็ดโลหิตข้าคู่ควรกับสำนักบนแล้วหรือยัง” เสี่ยเลี่ยนจื่อเอ่ยเรียบนิ่ง
บรรพจารย์หลิงอวิ๋นเอ่ยปากอยากจะพูดอะไร แต่ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เขารู้แจ้งถึงแผนการทั้งหมดของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว
สำนักเจ็ดเนตรโลหิตก่อนหน้านี้เหมือนทำสงครามกับเผ่าสิงซากสมุทรแต่ความจริงแล้วคือทำลายเผ่าสิงซากสมุทร ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาเลย
เป้าหมายของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตมีสองข้อ
หนึ่งคือสร้างเส้นทางที่มุ่งตรงสู่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
ในหัวบรรพจารย์หลิงอวิ๋นมีเส้นทางปรากฏขึ้นเส้นทางหนึ่ง โดยมีสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเป็นจุดแรก จุดที่สองคือเผ่าเงือก จุดที่สามคือเกาะรองเผ่าสิงซากสมุทร และจุดที่สี่คือดินแดนเผ่าสิงซากสมุทร
ที่นั่นก็ใกล้กับพันธมิตรเจ็ดสำนัก แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มากๆ แล้ว
และเส้นทางนี้ก็เชื่อมกับเส้นทางทางภูมิศาสตร์ระหว่างสำนักเจ็ดเนตรโลหิตกับพันธมิตรเจ็ดสำนัก
อีกทั้งสำนักเจ็ดเนตรโลหิตยังเก็บงำได้มิดมาก ทำสงครามกับเผ่าเงือกเพราะการทดสอบของยอดเขาที่เจ็ด จากนั้นก็ล่อเผ่าสิงซากสมุทรให้ออกทะเล และเสี่ยเลี่ยนจื่อก็เลือกที่จะบุกทะลวงเข้าไปทำร้ายบรรพจารย์เผ่าสิงซากสมุทรให้บาดเจ็บสาหัส
ความจริงแล้วนี่ถึงจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เผ่าสิงซากสมุทรพ่ายแพ้ยับเยินในตอนสุดท้าย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา