เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 267

บทที่ 267 พันธมิตรแปดสำนัก

ย่าของเหยียนเหยียนเอ่ยเสียงดังสะท้อนไปในฟ้าดิน ดังไปทั่วทั้งสำนัก

สวี่ชิงเงียบนิ่ง

นายกองที่อยู่ข้างๆ เขาและศิษย์พี่สามต่างหันมามองเขาทันที แม้แต่ศิษย์พี่รองก็หยุดสื่อเสียง หันมามองสวี่ชิงเช่นกัน

แล้วยังมีนายท่านเจ็ดที่อยู่ข้างหน้า ก็หันมามองสวี่ชิง ในดวงตาฉายแววชื่นชม

“ไม่เลว มีบุคลิกท่วงท่าเหมือนข้าตอนหนุ่มๆ”

พูดแล้วเขาก็มองไปทางลูกศิษย์ที่เหลือทั้งสามคนที่ไม่เอาไหนอย่างไม่พอใจ เพียงแต่ในตอนที่กวาดมองลูกศิษย์คนที่สอง เขาก็ข้ามไปโดยทันที จับจ้องเจ้าใหญ่กับเจ้าสามเป็นพิเศษ

และเมื่อมาถึงเจ้าสามทางนั้นเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ข้ามเช่นกัน ดังนั้นแล้วสายตาจึงจับจ้องมาที่เจ้าใหญ่โดยสมบูรณ์

“หัดเอาอย่างศิษย์น้องของเจ้าเสียมั่ง!”

“ถ้าข้าหน้าตาเหมือนเขาข้าก็ทำได้เหมือนกัน ใบหน้าดวงนี้ของอาชิงน้อยเคล็ดวิชายังยากจะเลียนแบบออกมา!” นายกองน้อยใจนัก จะมากจะน้อยก็รู้สึกกดดันเช่นกัน

ในขณะเดียวกันนี้ บนท้องฟ้าคนที่กดดันกระทั่งว่าความโมโหไม่อาจระบายออกมาได้จนเปลี่ยนเป็นความอัดอั้นยิ่งกว่าเขาคือบรรพจารย์หลิงอวิ๋น เขามองจอมคนบูรพาสงัด สีหน้าย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง

เขาคิดไม่ถึงเลยว่ากับแค่คนชั้นต่ำคนเดียว เสี่ยเลี่ยนจื่อจะปกป้องก็ช่างเถิด แต่จอมคนบูรพาสงัดที่ไม่เคยยุ่งกับเรื่องทางโลกและพันธมิตรกลับเอ่ยปากปกป้องตรงๆ เช่นนี้

คิดถึงว่าหลานชายของตนบาดเจ็บสาหัส เป็นตายไม่รู้ คิดถึงว่าตะเกียงแห่งชีวิตของสำนักตนถูกช่วงชิงไป คิดถึงความไม่ราบรื่นครั้งนี้ นึกถึงว่าสำนักเจ็ดเนตรโลหิตมีคุณสมบัติของสำนักบน กระทั่งว่าพลังโดยรวมก็ไม่ด้อยไปว่าสำนักทั้งเจ็ดสำนักใดเลย

ทั้งหมดนี้ทำให้ในดวงตาของเขาปรากฏเส้นเลือดขึ้นมากมาย แต่เขาก็รู้ดีว่า เรื่องที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิตเลื่อนขึ้นเป็นสำนักบนไม่อาจขัดขวางได้แล้ว จะอย่างไรพันธมิตรเจ็ดสำนักก็เป็นพันธมิตรร่วมมือ ไม่ใช่สำนักสำนักเดียว

สภาสูงสุดแปดคน ประธานสภาหนึ่งคน บรรพจารย์เจ็ดคน แม้ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทว่าก็ต่างมีข้อขัดแย้งซึ่งกันและกัน ความแข็งแกร่งของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตในตอนนี้ โดยเฉพาะของวิเศษเวทต้องห้ามชิ้นนั้นทำให้อีกฝ่ายไม่ใช่แค่มีคุณสมบัติเป็นสำนักบนเท่านั้น กระทั่งว่าหลังจากเข้าร่วมพันธมิตรเจ็ดสำนักแล้ว พลังของพันธมิตรเจ็ดสำนักก็จะยกระดับขึ้นอีกมาก

เรื่องแบบนี้เขารู้เป็นอย่างดีว่าคนอื่นๆ จะต้องยอมรับโดยปริยายแน่นอน กระทั่งว่านึกย้อนไปถึงแผนการทั้งชุดของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต เขาไม่เชื่อว่าในพันธมิตรเจ็ดสำนักจะไม่มีผู้สนับสนุนที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิตติดต่อเอาไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว

ดังนั้นแล้วเขาจึงกัดฟันพูดออกมาว่า

“สำนักเจ็ดเนตรโลหิตคืนตะเกียงแห่งชีวิตมา เรื่องเข้าร่วมพันธมิตร สำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าสนับสนุนเต็มที่! ไม่เช่นนั้นก็รับผลภายหลังที่จะตามมาเอง! เป็นมิตรหรือศัตรู เสี่ยเลี่ยนจื่อเจ้าบอกมาคำเดียว!”

พูดแล้วบรรพจารย์หลิงอวิ๋นก็ยกมือขวาขึ้น ชี้ไปที่ท้องฟ้า ทันใดนั้น ในทะเลเลือด ต้นไม้เลือดที่หลอมรวมมาได้ในระดับหนึ่งแล้วก็ดิ่งลงมา คล้ายว่าจะลงไปที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิต

ทันใดนั้น ในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเกิดพลังกดดันมหาศาล ส่วนเสี่ยเลี่ยนจื่อกลับหัวเราะอย่างโมโห

“น่าสนุกดี หลิงอวิ๋น เจ้ามีความคิดชั่วร้ายไม่น้อยเลย สำนักเจ็ดเนตรโลหิตเข้าร่วมกับพันธมิตรยังต้องเสียสละผลประโยชน์ของลูกศิษย์ล่ะก็ ลูกศิษย์คนอื่นๆ จะมองสำนักข้าอย่างไร

“ในอนาคตมีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ พวกเขาก็จะต้องเสียสละเหมือนกันใช่หรือไม่ สหายในกลุ่มพันธมิตรจะมองสำนักข้าเช่นไร ในอนาคตข้าก็จะเสียสละพวกเขาได้เช่นกันใช่หรือไม่ ศักดิ์ศรีของสำนักข้าต้องเสียหายเพราะเหตุนี้เท่าใด

“ตาเฒ่าหลิงอวิ๋น ประโยคนี้ของเจ้าช่างร้ายกาจนัก

“ท่าทางจะไม่เชื่อของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักข้า”

เสี่ยเลี่ยนจื่อพูดแล้วแววตาก็แปรเปลี่ยนมาดุดัน มือขวายกขึ้นแล้วสะบัด ทันใดนั้นฟ้าดินส่งเสียงเลื่อนลั่น ในเสี้ยวพริบตาที่บรรพจารย์จากพันธมิตรเจ็ดสำนักที่อยู่รอบๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสี ที่เผ่าสิงซากสมุทร กระจกสำริดโบราณบานมหึมาบานนั้นพลันขยับหมุนหันมาทางสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ในทันทีที่เล็งเป้ามายังบรรพจารย์หลิงอวิ๋นโดยสมบูรณ์ ดวงตาทั้งเจ็ดบนเทวรูปบรรพชนศพทั้งเจ็ดข้างล่าง ก็มีดวงหนึ่งพลันลืมตื่นขึ้นมา

ดวงตาดวงนี้ไม่มีรูม่านตา มันเป็นสีแดงทั้งดวง ในเสี้ยวพริบตาที่ลืมตื่นขึ้น ลมเย็นยะเยือกที่สามารถผนึกสวรรค์ทั้งเก้าก็พลันปกคลุมมายังท้องฟ้าเหนือสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ในกระจกบานนั้นยิ่งสะท้อนเงาร่างบรรพจารย์หลิงอวิ๋นออกมา

บรรพจารย์หลิงอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสี วิกฤตชีวิตเป็นรุนแรงกลุ่มหนึ่งพลันปะทุออกมาจากในจิตใจของเขา เขาไม่ได้สัมผัสกับวิกฤตเช่นนี้มาเนิ่นนานมากแล้ว

นั่นเป็นการสั่นสะท้านของเลือดเนื้อทั้งหมดทั่วทั้งกาย นั่นเป็นการสั่นสะท้านจากจิตวิญญาณ นั่นเป็นการกรีดร้องคำรามจากชีวิต เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตามธรรมชาติ เหมือนอีกฝ่ายควบคุมความเป็นตายของตน คว้าวิญญาณของตนเอาไว้

ความรู้สึกที่เหมือนในเสี้ยวพริบตาต่อมาตัวเองก็จะตายได้ทำให้หลิงอวิ๋นใจสั่นสะท้านบ้าคลั่ง พลังบำเพ็ญปะทุท่วมฟ้า เหมือนจะทำการต่อต้าน

ตอนนี้ทางเผ่าสิงซากสมุทร กระจกโบราณบานนั้นส่งเสียงเย็นชามัน

“เป็นตาย พิพากษา!”

ผิวหน้าของกระจกสำริดสะท้อนภาพบิดเบี้ยวของบรรพจารย์หลิงอวิ๋น ร่างนั้นพลันหันมา พร้อมด้วยความดุดันและเหี้ยมเกรียม เหมือนมีเพียงเงาร่างนี้ร่างเดียว ไม่ใช่ตัวหลิงอวิ๋นอีกต่อไป ร่างระเบิดแตกสลายไปในทันที!

จากนั้น ดวงตาก็หลับลง

ในขณะเดียวกัน บรรพจารย์หลิงอวิ๋นที่อยู่ในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตกระอักเลือด ร่างส่งเสียงดังบึ้ม แล้วพลันเหมือนภาพที่แสดงในกระจก ร่างระเบิดสลายกลายเป็นหมอกเลือด

แต่ก็ไปหลอมรวมก่อร่างขึ้นใหม่ในที่ไกล เพียงแต่สีหน้าของเขาขาวซีด ประกายแสงในตาก็หมองหม่นนัก สีหน้ายิ่งฉายความไม่อยากเชื่อออกมา

ตอนนี้เสียงเย็นชาเสียงนั้นก็ดังก้องขึ้นอีกครั้ง

“พิพากษาล้มเหลว รอการพิพากษาครั้งที่สอง”

เสี่ยเลี่ยนจื่อสีหน้าเหี้ยมเกรียมกำลังจะลงมือ แต่ตอนนี้บรรพจารย์ทั้งหกของพันธมิตรเจ็ดสำนักรีบเข้าขัดขวางทันที ทว่าเสี้ยวพริบตาต่อมาเสี่ยเลี่ยนจื่อหัวเราะเหี้ยมเกรียม คำรามขึ้นมาว่า

“กระตุ้นของวิเศษต้องห้ามทั้งหมด!”

ทันใดนั้น เทวรูปบรรพชนศพทั้งเจ็ดที่อยู่ใต้กระจกโบราณสำริดในเผ่าสิงซากสมุทรทั่วทั้งองค์ก็เดือดพล่านขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พลังพวยพุ่งขึ้นฟ้า ทรงพลังเกรียงไกร ดวงตาหกดวงที่ปิดอยู่และดวงที่เจ็ดที่เพิ่งหลับลงไป ในเสี้ยวพริบตานี้ก็พลัน…ลืมตื่นขึ้นมาทั้งหมดทันที!!

ดวงตาเจ็ดดวง แบ่งเป็นแสงดวงตาเจ็ดทาง พุ่งผ่านทะเลต้องห้าม เข้ามาในสำนักเจ็ดเนตรโลหิต เล็งเป้าไปที่ร่างของบรรพจารย์ทั้งเจ็ดของพันธมิตรเจ็ดสำนัก!

บรรพจารย์ทั้งเจ็ดสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างรวดเร็ว

พวกเขาพบว่า ของวิเศษเวทต้องห้ามของพันธมิตรเจ็ดสำนักแปลกประหลาดกว่าที่พวกเขาวิเคราะห์เอาไว้ก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่พิพากษาธรรมดาๆ แต่หลังจากที่ล้มเหลวแล้วสามารถโจมตีได้อีกครั้ง

การโจมตีประเภทนี้สามารถทำซ้ำได้ ซึ่งก็หมายความว่าต่อให้ชะตาชีวิตฝืนลิขิตฟ้าต้านทานพิพากษาเป็นตายได้เจ็ดครั้ง ทว่าก็จะต้องบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีทั้งเจ็ดครั้งอย่างแน่นอน ห่างจากตายไม่ไกลแล้ว

สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ไม่มีทางรู้เลยถึงความสมบูรณ์ของแหล่งกำเนิดพลังของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตชิ้นนี้ พวกเขาสามารถกระตุ้นติดๆ กันได้กี่ครั้ง จุดนี้น่ากลัวที่สุด เพราะของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักอื่นใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

แม้มีความเป็นไปได้สูงมากว่าของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตไม่มีทางใช้ได้หลายครั้ง แต่พวกเขาไม่กล้าวางเดิมพัน และไม่มีความจำเป็นด้วย

ดังนั้น ในขณะที่ละล้าละลัง บรรพจารย์ของหุบเขาประกายวิญญาณและสำนักสมบัติจำนงฟ้าก็เอ่ยขึ้นมาทันที

“สำนักข้าเห็นด้วย ให้สำนักเจ็ดเนตรโลหิตเข้าร่วมพันธมิตร!”

บทที่ 267 พันธมิตรแปดสำนัก 1

บทที่ 267 พันธมิตรแปดสำนัก 2

บทที่ 267 พันธมิตรแปดสำนัก 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา