บทที่ 268 คิดจะกินคนเดียวหรือ [ภาคที่สี่ เริ่มหน้าร้อน]
ภาคที่สี่ เริ่มหน้าร้อน
บทที่ 268 คิดจะกินคนเดียวหรือ
เดือนสิบ สารทฤดู
ส่วนเหนือทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ ประตูเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิต
ท้องฟ้าสีคราม อากาศแจ่,ใส มีเพียงเมฆขาวแต่ละก้อนที่กลายเป็นปุยฝ้ายทอดยาว ราวกับปัญญาชนใช้หินสีขาววาดภาพบนผืนนภา ตวัดปลายพู่กันร่างความงดงาม
ผืนแผ่นดินก็เช่นกัน ในเมืองหลักเต็มไปด้วยความคึกคักและพลุกพล่าน ใบหน้าคนเข้าออกเปี่ยมรอยยิ้มละมุน เพราะเจ็ดเนตรโลหิตประกาศยืนยันแผนการโยกย้ายครั้งนี้แล้ว
และผู้จ่ายภาษีวิญญาณมากกว่าสิบปีขึ้นไปในเจ็ดเนตรโลหิตสามารถยื่นเรื่องมุ่งหน้าไปยังแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ได้
ค่าใช้จ่ายการส่งข้ามออกเอง
นี่เป็นเรื่องที่ผู้บำเพ็ญทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณนับไม่ถ้วนใฝ่ฝัน ไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไปในเจ็ดเนตรโลหิตเลย
ในตอนที่เมืองนี้เต็มไปด้วยความปีติยินดี ด้านนอกท่าเรือลำดับหนึ่ง มีเรือใหญ่เจ็ดลำจอดเรียงรายอยู่อย่างยิ่งใหญ่ เรือเหล่านี้รูปร่างเหมือนกัน ทั้งหมดเป็นสีม่วง ยิ่งไปกว่านั้นขนาดก็มากกว่าสามพันจั้ง ราวกับเรือกลขนาดยักษ์
ในเรือหรูหราโอ่อ่า แปะติดแผ่นหยกวิญญาณ ปูด้วยกระดานเลี่ยมทอง หัวเรือมีดวงตาขนาดยักษ์ แผ่ความโหดเหี้ยมออกมา
ท้ายเรือมีหางทั้งเก้าโบกไหว ดูแปลกประหลาด แต่ขณะเดียวกันก็มีความพรั่นพรึงที่น่าตกตะลึงอยู่ด้วย
ยิ่งมีค่ายกลที่ซับซ้อนมากกำลังแผ่ไปทั่วเรือกลยักษ์แต่ละลำ
ถ้าหากคนที่รู้เรื่องค่ายกลมาเห็น ต้องสูดปากอย่างตกตะลึงเป็นแน่ เพราะระดับความซับซ้อนของค่ายกลนี้ ทำให้เรือกลยักษ์ทุกลำแปลงเป็นปราการสงครามได้ในพริบตาหลังจากที่เปิดค่ายกล
เวลานี้มีศิษย์เจ็ดเนตรโลหิตกำลังขึ้นเรือริมฝั่งที่เรือกลยักษ์ทั้งเจ็ดอยู่
มองจากชุดของพวกเขาแล้วมีทุกยอดเขา
โดยเฉพาะคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนไม่ธรรมดา คลื่นพลังบำเพ็ญแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็ยังทำให้เหล่าศิษย์ที่ดูอยู่รอบๆ ส่งเสียงยินดีปรีดาออกมา
“ข้าเห็นองค์ชายสองของยอดเขาลำดับหนึ่งแล้ว ว่ากันว่าหลังจากเขาพ่ายแพ้ให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็ปิดด่าน ตอนนี้ออกจากด่านแล้วต้องแกร่งขึ้นแน่นอน!”
“ไม่ใช่แค่เขานะ พวกเจ้าดูทางนั้น นั่นคือองค์ชายจากยอดเขาลำดับสามและสี่”
“แล้วก็ยังมีองค์ชายจากยอดเขาลำดับสองและห้าด้วย ปรากฏตัวออกมาหมดเลย”
ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าศิษย์ที่ริมฝั่ง นายกองกำลังเบะปากอยู่ในเรือกลลำที่เจ็ดในกลุ่มเรือกลยักษ์นี้
“นี่จะไปล้างแค้นหรือ ก่อนหน้านี้ต้องอ่อนให้เพื่อให้ดู่นแอ แต่ในใจยังคงโกรธอยู่สินะ จึงเตรียมใช้โอกาสที่ไปเยี่ยมเยือนครั้งนี้ล้างแค้นความอับอายหรือนี่
“อาชิงน้อย เจ้าว่าพวกเราไปล้างแค้นคุนคุนดีหรือไม่ เขามีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง ไม่แน่อาจจะมีนิ้วแห่งความมืดอยู่ก็เป็นได้!” นายกองหยิบผิงกั่วขึ้นมากัด มองสวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ
สวี่ชิงลืมตา ความฝันเมื่อคืนยังคงฉายอยู่ในหัวเขา เวลานี้ถูกเขาสะกดลงไปแล้ว
ในฐานะที่เป็นสมาชิกที่ไปเยือนพันธมิตรเจ็ดสำนักครั้งนี้ อันที่จริงส่วนใหญ่คือนายท่านเจ็ดขานชื่อว่าจะพาไปทำความคุ้นชินล่วงหน้าที่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เสียก่อน
ไม่ใช่แค่เขา อันที่จริงทุกยอดเขาล้วนจัดสรรสิ่งที่คล้ายๆ กันนี้ หลักๆ แล้วครั้งนี้ที่ไปล้วนเป็นเหล่าองค์ชายองค์หญิงจากยอดเขาต่างๆ ส่วนยอดเขาลำดับเจ็ด นอกจากองค์หญิงสองที่ไม่อยากไป คนอื่นๆ อีกสามคนก็ไปกันหมด
ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของนายกอง สวี่ชิงก็นิ่งไป สมองฉายภาพเมื่อหลายวันก่อนที่สำนักให้เขาเลิกคุมขังแล้วปล่อยตัวพวกหวงอี้คุนกลับไปเพราะได้รับการยืนยันเข้าร่วมพันธมิตรแล้วขึ้น พยักหน้าหงึกหงัก
“ตอนเขาจากไป ยังมีค่าจำคุกบางส่วนที่ยังไม่ชำระ เขียนใบเสร็จไว้แล้ว คราวนี้ก็ไปเก็บเสียหน่อย” สวี่ชิงอธิบายมาประโยคหนึ่ง
นายกองตาเป็นประกาย โยนผิงกั่วไปให้สวี่ชิงลูกหนึ่ง
“ถูกต้อง ครั้งนี้พวกเราไม่ได้ไปหาเรื่อง พวกเราไปคิดบัญชีต่างหาก จริงด้วยอาชิงน้อย แล้วคนอื่นๆ คิดบัญชีแล้วหรือยัง”
“เขียนใบเสร็จไว้หมดแล้ว” สวี่ชิงสีหน้าปกติ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“ฮ่าๆ อาชิงน้อย ข้าชื่นชมจุดนี้ของเจ้า ทำอะไรก็ต้องมีเหตุอันสมควร จุดนี้เจ้าก็เหมือนกับข้า ข้ารู้สึกว่าพวกเราเป็นคนที่พูดด้วยเหตุผล ไม่เหมือนเจ้าสามที่บีบให้ซื้อบีบให้ขาย นั่นก็เกินไป เอ๊ะ จะว่าไปเจ้าสามหายไปไหนแล้ว” นายกองเลิกคิ้ว มองไปรอบๆ
“คิดว่าถ้าไม่ใช่กำลังประจบประแจงตาแก่ ก็คงจะไปคุยหยอกกับศิษย์หญิงของยอดเขาอื่นแล้วกระมัง ข้าบอกเจ้านะ นับตั้งแต่ที่เขาเข้าสำนักมา เขาก็ขัดหูขัดตาข้า เดิมคิดจะจับคู่เขากับเจ้าสอง แต่คิดแล้วเจ้าสองคงจะไล่ทุบตีเขาทุกวันแน่”
นายกองทำหน้าเสียดาย
สวี่ชิงมองนายกองผาดหนึ่ง ไม่พูดอะไร
ไม่นานหลังจากยอดเขาอื่นต่างพากันขึ้นเรือ เรือกลยักษ์ทั้งเจ็ดลำนอกท่าเรือก็ส่งเสียงครืนครัน ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากท่าเรือไปในน่านน้ำทะเลต้องห้าม เดินทางไปแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
การออกไปเยี่ยมเยือนและหารือครั้งนี้ ผู้ที่นำกลุ่มเจ็ดเนตรโลหิตคือบรรพจารย์เสี่ยเลี่ยนจื่อกับนายท่านเจ็ด ส่วนเจ้ายอดเขาคนอื่นๆ ไม่ได้ไป คอยอยู่ที่สำนักเพื่อเตรียมการเรื่องโยกย้าย
ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มาก ดังนั้นถ้าหากจะเดินเรือก็คงใช้เวลาเนิ่นนาน
ดังนั้นตอนที่เรือกลยักษ์เจ็ดลำเพิ่งจะออกจากท่าเรือเจ็ดเนตรโลหิตก็ใช้พลังค่ายกลของสำนัก พริบตาที่ค่ายกลของเรือกลยักษ์แต่ละลำเปิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งหมดก็เลือนรางและหายวับไปท่ามกลางเสียงครืนครัน
ตอนปรากฏตัวอีกที ก็มาอยู่บริเวณเกาะเผ่าเงือกแล้ว
คณะเยี่ยมเยือนไม่ได้หยุดพัก เมื่อค่ายกลสนับสนุนของเกาะเผ่าเงือกปะทุก็ส่งข้ามอีกครั้ง พอปรากฏตัวออกมาก็อยู่ที่เกาะรองเผ่าสิงซากสมุทรแล้ว
![บทที่ 268 คิดจะกินคนเดียวหรือ [ภาคที่สี่ เริ่มหน้าร้อน] 1](https://api.novelones.com/assets/chapters/454760/0.png?v=1763077894)
![บทที่ 268 คิดจะกินคนเดียวหรือ [ภาคที่สี่ เริ่มหน้าร้อน] 2](https://api.novelones.com/assets/chapters/454760/1.png?v=1763077894)
![บทที่ 268 คิดจะกินคนเดียวหรือ [ภาคที่สี่ เริ่มหน้าร้อน] 3](https://api.novelones.com/assets/chapters/454760/2.png?v=1763077894)
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา