บทที่ 275 นายท่านเจ็ดถ่ายทอดวิชา
ตำหนักใหญ่กว้างขวาง นอกจากนายท่านเจ็ดที่วาดรูปอยู่ก็มีเพียงแค่สวี่ชิงคนเดียว
ผู้ติดตามไม่อยู่
“สงสัยว่าทำไมข้าถึงวาดรูปคนนั่งขัดสมาธิที่เขาภูตคีรีใต้อย่างนั้นหรือ”
นายท่านเจ็ดหันมา มองๆ สวี่ชิง แล้วเอ่ยราบเรียบ
สวี่ชิงพยักหน้า
“ที่นี่ถึงจะเป็นจุดสำคัญของมณฑลต้อนรับราชัน รอเมื่อเจ้าเป็นระดับขั้นไฟชีวิตสี่ดวงแล้วข้าจะพาเจ้าไป ที่นั่นไม่แน่ว่าอาจจะเป็นดินแดนวาสนา”
นายท่านเจ็ดไม่ได้อธิบายอะไรมาก สายตาจับไปที่ขวดยาในมือสวี่ชิง เพียงสะบัดมือขวดยาก็ลอยมาเอง เขาถือมันเอาไว้แล้วดื่มมันหนึ่งอึก แล้วเก็บมันลงไป ก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งหนึ่งของกระดานหมากล้อม
“มานั่งตรงข้ามข้า” นายท่านเจ็ดกวักมือเรียกสวี่ชิง
สวี่ชิงเข้ามาใกล้อย่างเชื่อฟัง นั่งลงอีกฝั่งหนึ่งของกระดานหมาก
“เล่นหมากล้อมเป็นหรือไม่” นายท่านเจ็ดถาม
สวี่ชิงส่ายหน้า
“ข้าสอนให้” นายท่านเจ็ดหยิบหมากเม็ดหนึ่งวางไว้ที่มุมหนึ่งของกระดาน สวี่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ววางหมากไปอีกมุมหนึ่ง
“หมากเหมือนชีวิตคน และเป็นการแสดงให้เห็นถึงนิสัยของคนคนหนึ่ง เหมือนข้าชีวิตนี้เดินหมากก็ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไม” นายท่านเจ็ดวางหมากอีกเม็ด เอ่ยอย่างสงบนิ่ง
สวี่ชิงส่ายหน้า เลียนแบบวางไปอีกเม็ดเช่นกัน
“ข้าวางหมากไม่ได้มองแค่ตรงหน้า แต่เป็นสถานการณ์ทั้งกระดาน หลักเหตุผลนี้อันที่จริงหลายๆ คนก็รู้ และคิดอยากทำเช่นนี้เหมือนกัน แต่โอกาสมักจะไม่พอ คุณสมบัติไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่อาจทำได้ เหลือไว้เพียงความเสียดาย
“อย่างที่เจ้าเห็น ลูกศิษย์ที่เปิดช่องเวทได้ร้อยยี่สิบช่องของสมาพันธ์เหล่านั้น เหตุที่พวกเขาหยุดอยู่ที่ไฟชีวิตสี่ดวง ทะลวงระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์ได้แต่ไม่ทำ เพราะพวกเขามีใจอยากกุมทั้งกระดานหมาก
“พวกเขาอยากทะลวงเปิดช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด!” นายท่านเจ็ดวางหมาก เอ่ยเสียงเบา
สวี่ชิงดวงตาฉายแววครุ่นคิด นี่คล้ายกับการวิเคราะห์ของเขาในตอนที่ทะลวงระดับสร้างฐานสำรวจได้หนึ่งร้อยยี่สิบช่องเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนั้นเขารู้สึกว่า หลังจากหนึ่งร้อยยี่สิบช่อง บางทีอาจจะยังมีช่องเวทอีก
คล้ายว่ามองความคิดของสวี่ชิงออก นายท่านเจ็ดหัวเราะออกมา
“หลังจากช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบ มีช่องเวทเพียงแค่ช่องเดียวเท่านั้น ช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดนี้ หนึ่งช่องสามารถก่อไฟชีวิตได้หนึ่งดวง แต่การทะลวงเปิดมันยากลำบากมาก ยากเหนือจินตนาการ หากมิใช่มหาวาสนาแล้วไซร้มิอาจได้มา อีกทั้งคนนอกช่วยไม่ได้ ทำได้แค่อาศัยตัวเองเท่านั้น
“ส่วนความยากนั้นไม่ได้อยู่ที่การทะลวงเปิด แต่อยู่ที่หาตำแหน่งของมัน
“ในประวัติศาสตร์มณฑลต้อนรับราชัน คนที่เคยทะลวงเปิดช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดมักจะเผชิญกับอันตรายครั้งใหญ่หลวง ในเสี้ยวพริบตาเป็นตายก็บังเอิญหาตำแหน่งของช่องเวทที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดเจอ แล้วทะลวงเปิดมัน อีกทั้งจากบันทึกและการอนุมาน ตำแหน่งช่องเวทของทุกคนแตกต่างกันไป ดังนั้นจึงไม่มีค่าที่จะนำมาเปรียบเทียบอ้างอิง”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็วางหมาก เอ่ยเสียงเบา
“ท่านอาจารย์ไฟชีวิตดวงที่ห้ามีข้อดีอะไรหรือขอรับ”
“ข้อดีของมันจะแสดงออกมาในเสี้ยวพริบตาที่ทะลวงระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์” นายท่านเจ็ดยิ้ม
“เจ้าน่าจะเคยได้ยินประโยคที่กล่าวว่าจุดไฟชีวิตส่องสว่างวังสวรรค์ วังสวรรค์ในที่นี่…ก็คือประเด็นสำคัญของระดับแก่นลมปราณ
“ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์ก็มีขีดจำกัดสูงสุดเหมือนกัน ขีดจำกัดสูงสุดนี้อยู่ที่ไฟชีวิต ไฟชีวิตส่องสว่างหกวัง นี่คือขีดจำกัดสุดท้ายของลูกศิษย์ที่พรสวรรค์ใช้ได้
“ซึ่งก็หมายความว่า ผู้ที่มีไฟชีวิตสามดวงสามารถส่องสว่างวังสวรรค์ได้หกวัง หลังจากที่หล่อเลี้ยงให้สว่างไสวได้ทุกวังโดยสมบูรณ์แล้วบรรจุแก่นลมปราณลงไป ก็จะเป็นสภาวะขั้นสูงสุดของพวกเขา แต่ความจริงแล้วนี่เป็นเพียงแค่พื้นฐานเท่านั้น” นายท่านเจ็ดพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไปครู่หนึ่ง รอให้สวี่ชิงขบคิด
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด หลังจากเงียบนิ่งไปก็ถามขึ้น
“กำลังรบไฟชีวิตสามสิบหกดวงหรือขอรับ”
“เจ้าจะเข้าใจอย่างนั้นก็ได้” นายท่านเจ็ดพยักหน้า
“เหตุที่บอกว่าเป็นพื้นฐาน เพราะเหนือท้องฟ้าเหนือวังทั้งหกมีหมอกแห่งชะตา ยังมีวังสวรรค์บางวังที่อยู่ในหมอกแห่งชะตา เนื่องจากถูกไอหมอกบดบัง ดังนั้นหากไม่ใช่ผู้เก่งกาจยอดเยี่ยมก็ยากที่จะส่องสว่างได้ มีเพียงไฟชีวิตสี่ดวงเท่านั้นที่จะสามารถส่องสว่างวังที่เจ็ดได้
“อย่าเห็นว่าเพิ่มมาอีกแค่วังเดียวเท่านั้น แต่เจ็ดวังสยบหกวังเหมือนเจ้ามีไฟชีวิตหกดวงสู้กับไฟชีวิตห้าดวงแบบนั้น ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ สังหารได้ในพริบตา”
“ดังนั้นผู้บำเพ็ญที่มีไฟชีวิตสี่ดวงพวกนั้น พวกเขาล้วนเฝ้าปรารถนาทะลวงเปิดช่องเวทที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด ก่อไฟชีวิตดวงที่ห้า เพราะไฟชีวิตห้าดวงส่องสว่างแปดวัง ขีดจำกัดก็ยิ่งสูงขึ้น พลังในท้ายที่สุดแล้วก็ย่อมแข็งแกร่งขึ้น!”
เสียงของนายท่านเจ็ดดังก้องข้างหูสวี่ชิง สวี่ชิงหลังจากเงียบนิ่งขบคิดแล้วก็พยักหน้า
“ส่วนตะเกียงแห่งชีวิต บางทีเจ้าอาจจะสัมผัสได้แล้ว ความจริงคุณค่าของมันแสดงออกมาในขอบเขตสร้างฐานนี้ไม่มากนัก มีเพียงแก่นลมปราณวังสวรรค์เท่านั้นจึงจะสำแดงส่วนที่เหลือออกมาได้
“ผู้ที่มีตะเกียงแห่งชีวิต ในเสี้ยวพริบตาที่ก้าวสู่ระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์ ตะเกียงแห่งชีวิตหนึ่งดวงจะสามารถเปิดวังสวรรค์ในหมอกแห่งชะตาได้เลยทันที ไม่จำเป็นต้องหล่อเลี้ยง ไม่จำเป็นต้องฝึกฝน เปิดได้ในทันที ตะเกียงแห่งชีวิตจะเปลี่ยนไปเป็นแก่นชีวิตที่คล้ายกับแก่นลมปราณ บรรจุอยู่ในนั้น
“ดังนั้น ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า หากเดินมาถึงขีดจำกัดสูงสุดช่องเวทหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดช่อง เช่นนั้นวังสวรรค์ของเจ้าสุดท้ายแล้วก็จะเป็นสิบวัง!” นายท่านเจ็ดมองสวี่ชิงอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง
“ตอนนี้เจ้ารู้ถึงคุณค่าของตะเกียงแห่งชีวิตที่มีต่อผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณหรือยัง”
สวี่ชิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ได้ยินนายท่านเจ็ดอธิบายมามากมายเช่นนี้ และนี่ยังเป็นครั้งเดียวที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เพราะการวิเคราะห์บางอย่างของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้นายท่านเจ็ดได้ยืนยันแล้ว นี่ทำให้จิตใจของเขายิ่งตึงเครียด



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา