บทที่ 280 ความโหดร้ายในโลกมนุษย์
คำตอบของนายท่านเจ็ด สวี่ชิงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็แค่รู้สึกว่ามีจุดที่ไม่ถูกต้องเท่านั้น ส่วนเป็นจุดใดเขาก็ยังไม่ชัดเจนนัก
แต่ว่าสวี่ชิงรู้สึกว่าตนเองนับถือจอมเซียนจื่อเสวี่ยนสำนักโลกันต์ทมิฬคนนั้นอยู่ห่างๆ เป็นดี เขาตัดสินใจว่าจากนี้จะไม่เข้าใกล้สำนักโลกันต์ทมิฬอีกเป็นอันขาด
สวี่ชิงหลับตาลง เริ่มนั่งสมาธิพร้อมกับความคิดนี้
แต่ไม่รู้ทำไมจึงรู้สึกไม่สงบนัก
สวี่ชิงจึงลืมตาขึ้น ล้วงคัมภีร์สมุนไพรที่ปรมาจารย์ไป่มอบให้ออกมา เปิดอ่านอยู่ครึ่งชั่วยาม จึงสงบลง
เวลาก็ผ่านไปหลายวันเช่นนี้ ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงในครึ่งเดือนนี้นอกจากฝึกบำเพ็ญ ยังได้รับน้ำจากแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพมาด้วย ใช้ชะล้างชิ้นส่วนสิ่งต้องห้ามที่ได้รับมาจากซือหม่าหลิง
เพียงแต่ชิ้นส่วนสิ่งต้องห้ามนี้เดิมสามารถแผ่ไอพลังประหลาดออกมาได้ ดังนั้นประสิทธิภาพการชะล้างของน้ำในแม่น้ำจึงธรรมดาไม่หวือหวา
หลังจากสวี่ชิงครุ่นคิด เพราะยังไม่วางใจเจ้าเงา จึงไม่ได้ให้มันออกมาสูดรับ แต่ยังให้น้ำแม่น้ำชะล้างต่อ ต่อให้ประสิทธิภาพธรรมดา แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ขณะเดียวกันกรมคุ้มครองพิเศษเจ็ดเนตรโลหิตก็ได้รับภารกิจด้านนอกภารกิจแรก จากที่เมืองหลักทั้งเมืองดำเนินการอย่างเป็นระเบียบ
ลาดตระเวนแม่น้ำสาขาแยกของแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพ
แม่น้ำสาขาที่เพิ่งชักนำมาใหม่ในช่วงนี้ ทางแม่น้ำยาวจากสำนักนำบารมีไปจนถึงพันธมิตรแปดสำนัก ไหลผ่านมณฑลรับเสด็จราชันไปกว่าครึ่ง
หน่วยลาดตระเวนต้องทวนน้ำไป ขณะที่ตรวจสอบปริมาณน้ำ จุดสำคัญคือต้องทำให้คนโดยรอบหวั่นเกรง โดยเฉพาะเรื่องการขุดลอกแม่น้ำเพิ่ม ต้องจัดการให้สิ้นซาก
ถึงอย่างไรแม่น้ำสายยาว ระหว่างทางมีสำนักกับรัฐเล็กๆ อยู่นับไม่ถ้วน ถ้าหากไม่เพิ่มการลาดตระเวน ถ้าตัดแม่น้ำเป็นช่วงๆ สุดท้ายเมื่อมาถึงพันธมิตรแปดสำนักปริมาณก็จะลดน้อยลง
จึงมีการจัดตั้งการลาดตระเวนแม่น้ำ
นี่เป็นเรื่องที่กรมคุ้มครองพิเศษของพันธมิตรแปดสำนักต้องรับผิดชอบ แบ่งแยกวนกะในแต่ละสำนัก จนตอนนี้วนมาถึงเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว
สวี่ชิงก็คิดจะออกไปข้างนอกเพื่อดูมณฑลรับเสด็จราชันเสียหน่อย แต่ด้วยนิสัยระแวดระวัง ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม จึงสอบถามนายท่านเจ็ดดูก่อน
นายท่านเจ็ดยืนยัน และมอบแผ่นหยกปิดบังตัวตนให้กับสวี่ชิง
พอรับแผ่นหยกมา สวี่ชิงก็วางใจไม่น้อย
ดังนั้นหลังจากที่เขาปิดบังหน้าตา เปลี่ยนเสื้อผ้า เพิ่มพลังอาวุธเวทสำหรับเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายแล้ว เช้าตรู่ของวันนี้ จึงนำศิษย์สำนักเจ็ดแปดร้อยคน นั่งเรือใหญ่ยี่สิบลำ ออกเดินทางจากพันธมิตรแปดสำนักไปพร้อมกับนายกอง
ขบวนเรือใหญ่ยี่สิบลำยิ่งใหญ่อลังการ เคลื่อนตัวออกจากเมืองของพันธมิตรแปดสำนัก เดินเรือไปตามสายแม่น้ำ
ระดับความกว้างแม่น้ำสาขาของแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพกว้างมาก ยิ่งลอยลำไปก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ แม่น้ำทอดยาวสู่สวรรค์ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสวี่ชิง
น้ำในแม่น้ำหลั่งทะลัก เสียงน้ำสาดซัด ฟองคลื่นตีเกลียว
ปราณวิญญาณเซียนเข้มข้น
ช่วงเช้าตรูยังมองเห็นหมอกเซียนลอยอยู่เหนือแม่น้ำ สูดความสดชื่นเข้าไปเต็มปอด ทำให้จิตใจผ่อนคลาย
แม่น้ำนี้กว้างกว่าหมื่นจั้งราวกับอยู่ในทะเล เรือใหญ่สิบลำจึงต้องแปรแถวห่างกันลำละพันจั้ง ถึงสามารถตรวจสอบทั้งสองฟากได้
ส่วนบรรพจารย์สำนักวัชระก็ชอบที่นี่มาก หลังจากแสดงความปรารถนากับสวี่ชิงแล้ว สวี่ชิงก็ปล่อยเหล็กแหลมสีดำออกมา ให้บรรพจารย์สำนักวัชระสามารถฝึกบำเพ็ญที่นี่ได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนเจ้าเงากลับดูแปลกประหลาด ต่อให้อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ไม่มีผลกระทบใดเลย ขณะที่มืดมิดอยู่ใต้แสงตะวัน ก็มีส่วนหนึ่งทอดยาวลงไปในน้ำด้วย
บางครั้งตอนที่มีปลาวิญญาณในน้ำเข้ามาใกล้เจ้าเงาก็จะถูกกลืนไปในพริบตา เจ้าเงาจึงส่งคลื่นอารมณ์พึงพอใจออกมาตลอดเวลา
‘กลิ่นอายวิญญาณเซียน ก็สูดรับได้ด้วยหรือ’ สวี่ชิงสังเกตเห็น
‘แม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพนี่ดียิ่ง!’ ขณะที่สวี่ชิงเหมือนครุ่นคิด นายกองข้างๆ ก็มองออกไปรอบๆ เผยความทอดถอนใจออกมาในน้ำเสียง
“มิน่าพันธมิตรแปดสำนักจึงทำทุกวิถีทาง ฝ่าอันตรายของสำนักเซียนล้ำบารมีเข้าไปทำลายเขื่อนสำนักนำบารมี ทำให้แม่น้ำสายนี้ไหลเข้าสู่พันธมิตร
“ไม่รู้ว่าต้นน้ำแม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพจะยิ่งใหญ่น่าตกตะลึงเพียงใด ชีวิตผู้บำเพ็ญชาตินี้ของข้าอยากจะไปที่นั่นสักครั้ง ชื่นชมทิวทัศน์ภูเขาแม่น้ำ ถ้าหากสุดท้ายกลายเป็นผู้ครองกระบี่ขึ้นมา ชีวิตที่นั่นก็คงสุขสบาย ไม่เสียชาติเกิดแล้ว” นายกองมือไพล่หลัง เส้นผมปลิวสยายกลางสายลม น้ำเสียงเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
สวี่ชิงเงยหน้ามองนายกองอย่างประหลาดใจ ตั้งแต่ออกเดินทางเมื่อเช้าตรู่จนถึงตอนนี้ ผ่านไปครึ่งวันแล้ว เขายังไม่เห็นนายกองกินผิงกั่วเลย คำพูดคำจาก็ยิ่งทำให้สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจขึ้นไปอีก
ลักษณะการพูดเช่นนี้ เหมือนไม่ใช่สิ่งที่นายกองจะพูดออกมาเลย
สวี่ชิงจึงล้วงผิงกั่วออกมาลูกหนึ่ง หลังจากกัดก็พยักหน้า
เขานึกออกแล้ว นับตั้งแต่เกิดเรื่องในสำนักโลกันต์ทมิฬครั้งนั้น นายกองก็เหมือนเจอกับเรื่องที่ทิ่มแทงใจ ต่อมาทั้งสองคนเจอหน้ากันหลายครั้ง และทุกครั้งสวี่ชิงก็เกิดความรู้สึกเหมือนตอบพบกับอู๋เจี้ยนอูมาจากตัวนายกองอย่างไรอย่างนั้น
วันนี้ ชัดเจนมากเป็นพิเศษ
เว้นแต่ไม่ท่องบทกวี
“ศิษย์พี่ใหญ่ กินผิงกั่วหรือไม่” สวี่ชิงถามขึ้น
“ในใจเจ้า ข้ารู้จักแต่กินหรือไร” ท่ามกลางลมแม่น้ำ นายกองหันหน้ามามองสวี่ชิงอย่างล้ำลึก เอ่ยเสียงเรียบ
สวี่ชิงได้ยิน ก็ล้วงผิงกั่วลูกหนึ่งโยนไปให้
นายกองรับด้วยสัญชาตญาณ
สวี่ชิงเงียบนั่ง
นายกองก็เงียบนิ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็ย่อตัวลงนั่งที่หัวเรือ กินไปพร้อมกัน



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา