เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 292

บทที่ 292 เทียบกับแต่ก่อนไม่ได้

จากที่คนนอกเห็น นี่คือศึกของไฟชีวิตสามดวงกับไฟชีวิตห้าดวง

ฝ่ายแรกมีตะเกียงแห่งชีวิตสองดวงอยู่กับตัว พลังโถมสวรรค์ ฝ่ายหลังคือไฟชีวิตห้าดวงขั้นบริบูรณ์ที่หาได้ยากยิ่ง พลังกลืนภูเขาลำน้ำ

ทั้งสองฝ่ายล้วนมีวิชาระดับจักรพรรดิติดตัว พลังต่อสู้แทบจะเทียบเท่ากัน

สิ่งที่แตกต่างคือตะเกียงชีวิตสองดวงของสวี่ชิงนั้นสนับสนุนกันและกัน จุดนี้คนภายนอกเห็นหลังจากที่เขาต่อสู้กับซือหม่าหรูแล้ว ถึงอย่างไรผู้บำเพ็ญในพันธมิตรก็มีมากมาย คนฉลาดก็มีไม่น้อย ถ้าไปอนุมานหลังจากเสร็จศึกก็จะวิเคราะห์จุดสำคัญออกมาได้

ดังนั้นเมื่อมองคร่าวๆ ก็เหมือนพลังต่อสู้สวี่ชิงจะแกร่งกว่า แต่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเองก็ยังกล้าลงมือกับสวี่ชิงอย่างชัดเจน เขาต้องถือครองอะไรไว้อยู่เป็นแน่ สิ่งนี้ทำให้คนที่มาชมรอบๆ รู้สึกสนอกสนใจ

พริบตาต่อมา ร่างของสวี่ชิงกับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ก็เข้าปะทะกันเหนือเขามรรคาทมิฬ ปลดปล่อยพลังมหาศาลออกมาทันที ท่วงท่าหยิ่งทะนง ทั้งสองฝ่ายทะยานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ต่างฝ่ายโรมรันอย่างรวดเร็ว

ด้วยพลังต่อสู้ของแต่ละฝ่าย ความเร็วล้วนอยู่ระดับสูงสุด เสียงครืนครันเสนาะเข้าจังหวะ สะท้านก้องทะลวงเมฆ

เพียงพริบตาพวกเขาก็ปะทะกันไปนับร้อยครั้ง หมัดต่อหมัดประสานกัน ต่างฝ่ายต่างไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย ทำให้เขามรรคาทมิฬสั่นสะเทือน สายอัสนีแล่นแปลบปลาบ ฟาดผ่าไปรอบด้านจากจุดที่พวกเขาต่อสู้กัน

ระหว่างนี้สวี่ชิงก็ใช้วิชาใต้ยมโลก แต่ใช้ไปเพียงแปดหมัด หมัดที่เก้าไม่ได้สำแดงออกมา เขากำลังรอโอกาส

ไม่นานเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็ตัวสั่นสะท้าน ต้านทานไม่อยู่ ร่างกายดีดถอยกลับมา

สวี่ชิงลอยอยู่กลางอากาศ ผมปลิวสยาย ดวงตาหรี่ลง เขาซ่อนไฟชีวิตไว้หนึ่งดวง เพราะสวี่ชิงรู้ดี สิ่งสำคัญของศึกนี้ไม่ใช่การสะกดสังหารเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง แต่เป็นหลังจากอีกฝ่ายพ่ายแพ้ จะทำให้คนที่ช่วยเหลือเขาเข้ามาช่วยไม่ทันได้อย่างไร

อย่างน้อย ก็ต้องมาช่วยไม่ทันตอนที่ตนเองกำลังกลืนกินเมี่ยเหมิงของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง

หากคิดจะจุดนี้ให้ได้ ก็ต้องทำตอนที่อีกฝ่ายคิดไม่ถึง เล่นงานให้ตั้งตัวรับมือไม่ทัน

เมื่อเริ่มแล้วเป็นเช่นนี้ก็ยังทำไม่ได้อย่างชัดเจน มีความเป็นไปได้ว่าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องจะมีคนช่วยออกไป และตนเองเองก็จะกลืนกินเมี่ยเหมิงล้มเหลว ดังนั้นสวี่ชิงจึงตรวจสอบ ขณะที่ตรวจสอบไพ่ลับของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง เขาก็ตรวจสอบคนที่อาจออกมาช่วยเหลือรอบๆ ไปด้วย

ส่วนไพ่ลับของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง สวี่ชิงไม่แน่ใจเท่าไรนัก เขาแค่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิหคทองรางๆ จากเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง จึงจ้องไปยังดวงตาขวาที่สีดำสนิทของเขา

ส่วนเจ้าเงาก็กำลังแผ่ลามไปในความมืด พิษก็เช่นกัน ขณะเดียวกันการลงมือเมื่อครู่ของสวี่ชิงก็มองออกว่าสิ่งที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องคนนี้แตกต่างจากก่อนหน้าคือความเร็ว

ความเร็วของอีกฝ่าย ยอดเยี่ยมกว่าแต่ก่อนมาก

เวลานี้ไม่มีเวลามานั่งคิด ร่างของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องถอยกลับ ย่ำเท้าลงหนักๆ บนพื้น ความเร็วที่น่าตกตะลึงก่อนหน้าก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง ฝ่าอากาศมาจนเกิดเสียงหวีดแหลม

เมี่ยเหมิงด้านหลังก็จำแลงร่างเผยร่างสีเขียวหางสีแดงออกมา แผดเสียงคำรามใส่สวี่ชิง พลังต่อสู้ของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็ยกระดับขึ้นตาม ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าสวี่ชิง

หน้าสวี่ชิงเย็นชา วิหคทองด้านหลังก็จำแลงร่างออกมาเช่นกัน ขณะส่งเสียงครืนครันก็พุ่งปะทะกันอีกครั้ง เหนือหัวสวี่ชิงมีฉัตรสองฉัตรปรากฏขึ้น เสริมการป้องกันให้เขา ทำให้หมัดทุกหมัดของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องต้องรับแรงสะท้อนกลับที่น่าตกตะลึง

สำหรับเขาแล้ว ความเจ็บปวดไม่ได้อยู่ที่แรงสะท้อน แต่เป็นความทุกข์ทรมานในใจต่างหาก

เพราะความรู้สึกเช่นนี้ ในอดีตล้วนเป็นคนอื่นที่ต้องพานพบเวลาต่อสู้กับเขา ตอนนี้กลับต้องมาเห็นตะเกียงแห่งชีวิตของตนไปอยู่เหนือหัวสวี่ชิง นำมาใช้รับมือกับตนเอง ดวงตาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องจึงมีเส้นเลือดแตกซ่าน คำรามเสียงต่ำ กัดปลายลิ้นจนแตก พ่นเลือดสดออกมากองหนึ่ง

“อาภรณ์ภูต ผนึกกายวิญญาณ จำแลงกระบี่จิตใจ บดขยี้ฟ้าดิน”

เมื่อเลือดพุ่งออกมา พริบตาก็กลายเป็นชุดคลุมสีเลือด เช่นเดียวกับวิชาเวทที่สำแดงออกมาตอนสู้กับสวี่ชิงเมื่อครั้งนั้น แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ เสื้อคลุมสีเลือดตัวนี้ไม่เข้ามาพันรัดตัวสวี่ชิงเหมือนเคย แต่ว่าระเบิดตนเองจนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยมากมายนับไม่ถ้วน

ทุกชิ้นส่วนล้วนเป็นกระบี่บินสีเลือด เมื่อรวมตัวมากเข้าก็น่าพรั่นพรึง ก่อตัวเป็นสายลมเลือด พัดหาสวี่ชิง

ในฐานะที่เป็นผู้ครอบครองตะเกียงแห่งชีวิตคนที่แล้ว เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องรู้ซึ้งถึงจุดอ่อนตะเกียงลมครวญเจ็ดสีของตนเองเป็นอย่างดี

นั่นก็คือการโจมตีกว้างๆ จะทำให้การคุ้มกันของตะเกียงชีวิตบิดเบี้ยวต่อเนื่องจนเกิดช่องโหว่ และเรื่องนี้เขาก็ไม่เคยบอกคนอื่นมาก่อน และไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ที่ตนจะนำออกมารับมือกับตะเกียงแห่งชีวิตของตนเอง

ขณะที่ครืนครัน แม้กระบี่บินเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกสกัดไว้ด้านนอก แต่ด้วยปริมาณที่เยอะจึงมีบางส่วนเหมือนจะพุ่งทะลวงผ่านการคุ้มกันตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิงได้

สวี่ชิงหรี่ตาลง ร่างกายไหววูบเบี่ยงหลบ มือขวายกขึ้นซัดหมัดหาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ระเบิดจิตสังหารอย่างรุนแรง ขณะที่ค่อยๆ ผสานวิชาใต้ยมโลก เขาก็แบ่งความสนใจส่วนหนึ่งไปรอบๆ

พริบตานี้ สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงคลื่นที่ส่งมาจากนอกเขาเขามรรคาทมิฬ เขาสลายพลังใต้ยมโลกทันทีโดยไม่ลังเล

และเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเองก็เบี่ยงหลบในพริบตาด้วยความเร็วน่าตกตะลึง

ขณะเดียวกัน ด้านนอกเขาเขามรรคาทมิฬ ใบหน้าเสี่ยเลี่ยนจื่อก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า แค่นเสียงเย็นชาไปทางท้องฟ้าอีกด้านหนึ่ง

ท้องฟ้าที่สายตาเขามองไป ปรากฏใบหน้าเคร่งขรึมของบรรพจารย์หลิงอวิ๋น ทั้งสองคนสบตากันอย่างไม่เป็นมิตร

“กฎก็คือกฎ คนที่ไม่ทำตามกฎ จักต้องถูกลงโทษ” เสี่ยเลี่ยนจื่อเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

บรรพจารย์หลิงอวิ๋นไม่พูดอะไร

สวี่ชิงหรี่ตามองทั้งหมดนี้ ตอนที่รู้ว่าการสำรวจก่อนหน้าของตนเองนั้นไม่ผิด เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่กำลังถอยหลังก็หัวเราะเยือกเย็นขึ้นมา ชูมือขวาขึ้น แสงกระบี่สามสายแผ่ออกมาพร้อมกัน

สายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า กลายเป็นกระบี่พิฆาตโลหิตฟ้าทมิฬ แล้วพุ่งลงมาจากฟากฟ้า แทงไปที่กระหม่อมของสวี่ชิง

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นดวงตาเผยประกายประหลาด ลูกไม้นี้เขาเคยเห็นมาแล้ว แต่เวลานี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาเองก็มีวิชาเวทเช่นกัน จึงยกมือขวาขึ้นประกบปาง โบกฟาดออกไปทันควัน

บทที่ 292 เทียบกับแต่ก่อนไม่ได้ 1

บทที่ 292 เทียบกับแต่ก่อนไม่ได้ 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา